หลังจากหลับมั่ง ไม่หลับมั่ง ตลอดคืน ฝันว่ามีผู้ชายร่างใหญ่เดินมาที่เก้าอี้ที่เรานั่งค่ะ ชะโงกตัวลงมาเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แล้วก็เดินจากไปในความมืด สักพัก พี่อ้อสะกิดๆ
พี่อ้อ : next station แล้วนะ ดาร์ลิ้ง เมื่อกี้พนักงานเดินมาบอก
ต้า : อ้าว ไม่ได้ฝันหรอกเหรอ > <
ต้า : อ้าว ไม่ได้ฝันหรอกเหรอ > <
ตามกำหนดการรถไฟ เราจะต้องลงที่สถานี Casino ตอน ตี3.45 เพื่อที่จะต่อรถโค้ชอีก 1.45 ชม ไปที่ Surfers Paradise ส่วนรถไฟขบวนที่เรานั่ง มุ่งหน้าต่อไปยัง Brisbane ค่ะ
จุดมุ่งหมายของเรา Surfers Paradise เป็นหาด ๆ นึงใน Gold Coast เทียบไปก็อารมณ์ประมาณภูเก็ตแต่ว่าดีกว่า
ถึงที่หมายเกือบหกโมงเช้าค่ะ จาก Bus station เดินไปสักสิบนาทีก็ถึงโรงแรม
ตอนหาข้อมูลที่พักจากเน็ต ก็เล็งพวก backpacker ไว้เหมือนกัน แต่ด้วยความที่เราเลือกไปในช่วงเทศกาล ที่พักส่วนใหญ่เต็มเกือบหมด จะว่างก็แต่ห้องที่เป็นห้องน้ำรวม ราคาที่พักก็ up เกินปกติกันเป็นส่วนใหญ่ ทำได้แค่ทำใจค่ะ ก็มันว่างแค่ช่วงนี้อ่ะ ที่พักที่ได้เป็น services apartment ราคาต่อคืน 195 เหรียญ ( เรตเงินปัจจุบันก็คูณ 23 ค่ะ คูณกันเองบ้างค่ะ จะได้ฝึกสมอง)
ราคาถูกกว่านี้ก็มีค่ะ เริ่มตั้งแต่ ไม่ถึงร้อย ไปจนหลักพัน แต่เรารับได้ที่ราคาประมาณนี้ละคะ ที่พักอยู่บนถนนหลักของเมือง
เดินทางสะดวกดีค่ะ ( ถ่ายรูปมาเพียบค่ะ แต่ดันลืมถ่ายที่พัก T T )
โรงแรมที่ประเทศนี้ส่วนใหญ่จะให้ check in ตอนบ่ายสองโมง และ check out ตอน สิบโมงเช้า
เราก็เลยเมล์แจ้งผู้จัดการที่พักว่าจะไปถึงค่อนข้างเช้ามาก จะขอฝากสัมภาระไว้ที่โรงแรม ทางผู้จัดการไม่มีปัญหาค่ะ
แต่... ปัญหาคือ เคาน์เตอร์รีเซฟชั่นที่นี่เปิด 7 โมงเช้า ตามกำหนดการเราจะไปถึง 6 โมง ก็คิดกันไว้ว่าไม่เป็นไร แค่ ชั่วโมงเดียว เด๋วเราเดินเล่นหนุงหนิงๆ แถวๆนั้นก็ได้ แต่ของจริงปรากฏว่า ไปถึงยังไม่ 6 โมงดี แถมต้องปรับเวลาให้ช้าลงอีก 1 ชม. เพราะเวลาที่นั่นช้ากว่า sydney
โอ้ แม่เจ้า ทำอะไรกันดีใน 2 ชม.นี้ หนุงหนิงไม่ไหวมั้ง หันไปทางไหน ไม่มีอะไรเปิดเลยค่ะ ตลาดเช้าขายปาท่องโก๋ โอวัลตินแบบบ้านเราก็ไม่มีซะด้วยสิ พลันสายตาหันไปเจอ Mcdonald ค่ะ สองเราเลยไม่รอช้า รีบลากสัมภาระไปสิงสถิตย์กันทันที
7โมง ได้เวลาเอาสัมภาระไปฝาก จากนั้นก็เริ่มกาง map ออกสำรวจแถว ๆที่พักค่ะ เดินแบบงงๆ มึน ๆอยู่พักนึง พอเริ่มคุ้นเคยกับทิศทางแถวนั้นแล้ว เห็นใน map แนะนำ Wax museum หรือพิพิธภัณธ์หุ่นขี้ผึ้งนั่นเองค่ะ งั้น ประเดิมด้วยอันนี้เลยแล้วกัน
ค่าเข้าคนละ 27 เหรียญค่ะ ไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่ คนปั้นคงปั้นไว้นานมากแล้ว ฝีมือและพัฒนาการเลยยังไม่เข้าขั้น
สู้ของบ้านเราไม่ได้เลย งานละเอียดกว่ากันเยอะ หุ่นที่โชว์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบุคคลดัง ๆ ในประวัติศาสตร์ รวมไปถึง
มีการบอกเล่าเรื่องราวในอดีตประกอบแต่ละห้อง ผ่านไกด์ฝรั่งสูงวัย (ไม่ค่อยเร้าใจเลยย)
ใน Wax Musuem ค่ะ
กว่าจะได้เข้าห้องพักจริงๆ ก็ร่วม11โมงแล้วค่ะ เพราะต้องรอแขก check out และเคลียร์ห้องก่อน
มื้อเที่ยงของเราวันนี้คือข้าวผัดปูที่เตรียมมาค่ะ เข้าเวฟแล้วหม่ำได้เลย ที่เตรียมมาเยอะเพราะรู้ว่าร้านอาหารที่นี่เปิดสายมาก
ส่วนที่เปิดเช้าหน่อยก็เป็นพวก กาแฟ แซนวิช เบอร์เกอร์ ซึ่งกินบ่อย ๆมันจะเลี่ยนมากเลย สู้อาหารไทยก็ไม่ได้ ถูกปากสุดแล้ว ห้องพักเป็นอพาร์ตเม้นท์แบบ 1 ห้องนอน แยกห้องครัว ห้องนั่งเล่น ระเบียง ห้องครัวมีอุปกรณ์การทำครัวครบครันค่ะ แค่ออกไปซื้อของสดมาก็ทำกับข้าวกินเองได้สบาย ห้องพักส่วนใหญ่เน้นครัวเพราะปกติเวลาฝรั่งมันเที่ยวกันมันพักกันเป็นอาทิตย์ หรือไม่ก็เป็นเดือนค่ะ คนไทยหัวดำอย่างเรา ๆ คืนเดียวก็หรูแร่ะ เพราะฉะนั้น ครัวใหญ่ครบครันเลยไม่ได้แปดเปื้อน ใช้แค่ไมโครเวฟ อย่างเดียว เครื่องอำนวยความสะดวกอย่างอื่นก็พวก เครื่องซักผ้า อบผ้า เตารีด ก็มีให้ค่ะ
ตอนแรกตั้งใจจะแวะเก็บของแล้วตระเวณเที่ยวเลย เพราะมีเวลาแค่2วัน แต่ไม่ไหวค่ะ การทางเดินที่ยาวนานและแทบไม่ได้หลับ ทำให้เราพร้อมใจกันงีบสักหน่อยก่อน ตื่นมาแล้วค่อยว่ากันอีกที
ฟื้นกันมาอีกที บ่ายแก่ ๆแล้ว อาบน้ำแต่งตัวเรียกความสดชื่นกลับมาได้อีกหน่อย คราวนี้เราตกลงกันว่าจะเที่ยวแถวนี้ก่อนแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไป Movie World กะ Sea World จุดหมายหลักที่ตั้งใจไว้
ยังไม่ทันได้ไปไหน หิวอีกรอบแล้วค่ะ คราวนี้งัดเอาเสบียงอันสุดท้าย ข้าวเหนียวเนื้อทอดมารองท้องก่อนมื้อเย็น
มีแหนมฝีมืออุ๊ที่เอาติดมาด้วยเป็นเครื่องเคียง
เราเลือกที่จะไปเดินเล่นที่ Pacific fair เพราะมีรุ่นน้องที่เคยมาเรียนที่นี่แนะนำมา เปิดmapดู หาสายรถเมล์ที่จะผ่าน การเดินทางด้วยรถเมล์ในเมืองที่นี่ไม่ค่อยต่างจาก sydney มากนัก ดังนั้น สะดวกเราค่ะ ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจากที่พัก ก็ถึง Pacific fair เป็นเหมือนศูนย์รวมห้างสรรพสินค้า และชอปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่มาไว้รวมกัน คือมาที่เดียวเดินกันทั้งวันได้เลย มีร้านค้าหลากหลายไว้ล่อเงินในกระเป๋าเรา
มาถึงกันได้แป๊บเดียวก็ได้เวลา... ห้างจะปิดแว้วว T T ห้างที่ประเทศนี้ส่วนใหญ่ปิดกัน 5 โมงเย็นค่ะ ทำงานกันแต่พอเพียงจริงๆ
แต่ถึงจะเดินได้แป๊บเดียวพี่อ้อก็ได้ของเล่นมานิดหน่อยค่ะ เป็นไข่ใบใหญ่ที่คนขายบอกว่าพอแช่น้ำ24 ชม. จะมีจรเข้ออกมา แล้วก็ได้ลูกโป่งยางเหนียว ๆ มา 2 ใบ เป็นรูปปลา กับ กบ
เอารูปปลามาลองเป่าดู
นั่งรถเมล์สายเดิมกลับไปแถวที่พัก เดินเล่นแถวๆนั้นล่ะคะ มีร้านค้ามากมาย มีเต๊นท์ขายของริมหาด ร้านอาหาร แบรนด์ชั้นนำ
เดินกันไปพร้อมกับหาร้านที่จะฝากท้องมื้อเย็น เดินจนเริ่มดึกร้านอาหารเริ่มทยอยปิด ท้องก็เริ่มหิว จากที่เริ่มเลือกร้านก็
กลายเป็นร้านไหนก็ได้แร่ะตอนนี้
สุดท้ายก็มีงอนกันเล็กน้อยจากเรื่องหาร้านกินข้าวนี่ละ ก่อนที่จะจบลงที่ร้าน sea food ร้านนี้ค่ะ
พอท้องอิ่มก็เดินเล่นต่อค่ะ ก่อนกลับที่พักแวะไปนั่งชิล ๆ ที่ Hard Rock ได้ไม้กลองมา 2 คู่เป็นของที่ระลึก
ถึงห้องปุ๊บ สลบ หมดแรงค่ะ
ถึงห้องปุ๊บ สลบ หมดแรงค่ะ
Walk street
ตลาดนัดริมหาดตอนกลางคืน ( ภาพนี้คนถ่ายเสี่ยงชีวิตอยู่เกาะกลางถนนค่ะ)
Louis vuittion ค่ะ เห็นจัด Display สวยดี แต่ไม่กล้าเข้าไปในร้านอ่ะคะ กลัวยามจะหาว่าไม่เจียม
ชอบหมวกค๊าบ
ตอบลบชอบหมวกค๊าบ
เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลย
เอาอีก ๆ
แต่ว่า ขอตัวหนังสือโต ๆ ได้ไม๊คะ เราจ้องจนหัวจะเข้าไปอยู่ในคอมแล้ว
พี่ต้าร์ ขวัญเองค่า แม่ของก้นดำให้ลิ้งค์มา อัพบ่อยๆนะคะ แล้วน้องจะเข้ามาติดตามเรื่อยๆ
ตอบลบblog หน้าของพี่ต้าร์ น้อง request รูปใหญ่ๆนะ ชอบพี่ต้าร์พี่อ้อแต่งตัว แนวๆมากๆ ชอบบบบ
take care จ้า....
@คุณวดี
ตอบลบชอบหมวก แสดงว่าเราแนวเดียวกัน เห็นแล้วปิ๊งเลยเหมือนกันค๊าบ
เรื่องตัวหนังสือเนี่ย ขออภัยจริง ๆค่ะ ทำไมหน้าจอคอมที่บ้านมันโชว์ตัวโต๊โตไม่รู้อ่ะ เด๋วบล็อกหน้าจะปรับปรุงให้นะค๊า
@น้องขวัญ
ให้อัพบ่อย ๆ แร้วจะมีเวลาตามมาอ่านรึป่าวอ่ะ
ให้เอารูปใหญ่ ๆ เหรอ เด๋วคนอื่นเค้าก็รู้อ่ะจิว่า...แก่แว้ววววว
ดิสเพลย์ของ Louis vuittion สวยจริงๆ ค่ะ
ตอบลบพี่อ้อจะแงะเหรียญจากตู้รึ
ตอบลบขอให้คุณต้ามีความสุขมาก ๆ เหมือนกันนะคะ
ตอบลบตัวหนังสือโตแล้ว ดีใจ
อยากกิน Seafood.......
ตอบลบอยากไป Hard Rock Cafe......
เพิ่งได้มาติดตามตอนสอง
ตอบลบกะลังเพลิน
ขอไปอ่านตอนสามก่อนนะจ๊ะ
^ ^
มาอ่านช้า เพราะอยากอ่านแบบตั้งใจค่ะ ^^
ตอบลบเวลาไปเที่ยว ต้องเตรียมอาหารแบบนี้เนอะ
สะดวก แล้วก็ประหยัดดีด้วย
ทำเหมือนกันเลยค่ะ แต่เป็นข้าวเหนียวหมูทอด 5555