วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

Cave + Zoo


October 2, 2007





ย้อนหลังกลับไปสองปี







วันนี้เราจะพาไปเที่ยวสวนสัตว์นอกเมืองกันค่ะ





ปกตินักท่องเที่ยวที่มาประเทศนี้ส่วนใหญ่ มักจะไม่พลาดไปเที่ยวที่ Taronga Zoo

ซึ่งเป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ไฮโซอยู่กลางเมือง ไม่ไกลจากสะพาน Harbour มากนัก

ซึ่งต้าก็เคยได้ไป(เยี่ยมเยียนเพื่อนๆ) แล้วเมื่อครั้งแรกที่มาเที่ยวที่นี่





วันนี้เราก็เลยจะลองไปดูสวนสัตว์อื่น ๆ ของประเทศนี้กันดูบ้าง




ออกเดินทางจากบ้านด้วยรถไฟ นั่งไปลงที่สถานี Black Town
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็ต่อรถบัส ไปอีกประมาณ 10 นาที



Featherdale Wildlife Park


เป็นสวนสัตว์นอกเมืองที่ไม่ใหญ่มากนัก เดินไม่เกินชั่วโมงก็ครบ

แต่มีสัตว์ค่อนข้างเยอะพอสมควร และที่สำคัญจิงโจ้เอย

นกกระจอกเทศเอย เดินกันเพ่นพ่านเลย

ถ่ายรูปกับสัตว์ได้สบาย ๆ ใกล้ชิดตบหัวลูบหลังได้
ประหนึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่บ้านเราเอง ที่สำคัญไม่เสียค่าถ่ายรูปคู่แต่อย่างใด




แต่ถ้าเป็นที่ Taronga Zoo ถ้าอยากถ่ายคู่กับหมีอคัวล่า

จะได้ถ่ายอยู่แค่หน้าคอก ค่าเสียหาย $20



























น่ารักมั๊ยค๊า






























พอเห็นกล้องปุ๊บ สู้กล้องปั๊บ ไม่แพ้กันทั้งสองตัวเชียว























ไม่ยอมน้อยหน้ากันเล๊ยยย






























กล้า ๆกลัว ๆ ทั้งคนทั้งจิงโจ้






















ทางสวนสัตว์จะวางโคนที่เอาไว้ใส่ไอติม พร้อมกับอาหารสัตว์ไว้ให้
ตักใส่ในโคน เอาไปให้จิงโจ้
ไม่บังคับซื้อค่ะ แต่จะมีกล่องรับบริจาควางไว้ แล้วแต่ศรัทธา










เห็นมั้ยว่าเดินกันเพ่นพ่านจริงๆน๊า

























ได้เห็นเพนกวินแบบที่ไม่ต้องดูในตู้กระจกติดแอร์จ๊ะ ธรรมชาติสุดๆ











น้องเม่น













ต๊ายยย รูปสมัยผมยังสั้นอยู่เลย แถมอืดอ้วนสุดๆ T T


.
.





.
.
จริงๆแล้วมีสัตว์เยอะแยะมากมายนะคะ
แต่ว่าเลือกถ่ายแค่ไอ้ตัวที่ชอบ ๆอ่ะคะ
.
.
.

March 22, 2008

ผ่านมาได้ไม่ถึงครึ่งปี เราได้กลับไปสวนสัตว์แห่งเดิมอีกครั้ง


7 am ลูกทัวร์พร้อมหน้าพร้อมตา


คราวนี้เป็นกรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็ก มีกันแค่ 7-8 คน

ทางบริษัททัวร์จึงจัดเป็นรถตู้ขนาดใหญ่แทนรถCoach

วันนี้ลูกทัวร์ได้ไกด์ชาวสิงค์โปร์
ชื่อว่า Lorna เป็นคนดูแลทริป

คุณไกด์เลือกนั่งตรงเบาะติดประตู ข้าง ๆคู่เราพอดี
ชวนเราคุยและดูแลถามไถ่นู้นนี่





ตามโปรแกรมทัวร์ของวันนี้จะมีไปแวะ 3 ที่ด้วยกัน

ที่แรก Featherdale Wildlife Park

ซึ่งเราได้เคยไปมาแล้ว เลยไม่ค่อยกระตือรือล้นกันสักเท่าไหร่

คุณไกด์ก็พยายามอธิบายสุดฤทธิ์ เราก็เลยบอกไปว่าเคยมากันแล้ว

แต่ที่มากับทริปนี้เพราะอยากมาเที่ยวถ้ำ

แต่ไหนๆก็มาแล้ว เสียเงินรวมไปแล้ว ก็เข้าไปเดินชิลๆซะหน่อยละกัน






จบจากที่แรก
เราก็เดินทางต่อไปยังที่ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายหลักของเราในทริปนี้







Jenoian Cave

เป็นถ้ำที่ใหญ่และยาว แบ่งโซนการเดินชมภายในไว้เป็นหลายโซน

หน้าถ้ำก็จะมีบอกรายละเอียดแผนผังของแต่ละช่วงของถ้ำ

คุณไกด์จัดแจงไปดิวกับเจ้าหน้าที่แล้วก็พากรุ๊ปของเรารวมกับคนอื่น

ไกด์ชายหัวทองประจำโซนของถ้ำก็พาเราเดินเข้าไปเยี่ยมชม
พร้อมกับอธิบาย ไปด้วยเป็นระยะ ๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
มาถึงบริเวณนี้ คุณไกด์ชี้ชวนให้ดูหินย้อยอันนี้
ว่าใครดูออกมั้ยว่ามันคล้าย ๆ กับอะไรน๊า
.
.
.
เหมือนดราก้อนมั๊ยค่ะ
.
.
.
.
จะว่าไปก็คล้าย ๆกับถ้ำบ้านเรานั่นละคะ
.
.
.

เราใช้เวลาอยู่ในถ้ำร่วมชั่วโมง ก็กลับออกมาสู่โลกภายนอกอีกครั้ง

ถ้าเราเดินหมดทุกโซน คงจะใช้เวลามากกว่านี้





และปิดท้ายทริปด้วย Blue Mountains


คุณไกด์บอกว่า จะให้เวลาประมาณ 45นาที
ให้ลงไปเดินเล่น ถ่ายรูปแถวๆจุดชมวิว

แต่ต้าเคยมาแล้ว เมื่อครั้งแรกที่มาเที่ยวที่นี่
ส่วนพี่อ้อก็มาหลายหนแล้วเช่นกัน

เราก็เลยตัดสินใจแค่ลงไปแวะเข้าห้องน้ำ
แล้วก็ไปนั่งชิลๆ กิน hot choc ในร้านกาแฟแทน

นั่งได้ไม่นาน ลูกทัวร์ 5-6 คนที่เหลือก็เดินกลับมาหมด

เราก็เลยพร้อมใจกันออกจากที่นี่กันเร็วกว่ากำหนด
พร้อมๆกับฝนที่เทกระหน่ำลงมา




ทุ่มกว่าๆ เราก็เดินทางถึง City โดยสวัสดิภาพ






ขอค้างทริป Blue Mountains ไว้ก่อน เด๋วจะไปขุดรูปมาเล่าฉบับเต็มให้อ่านกันอีกทีนะจ๊ะ

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

Whale watching

tar : พี่อ้อ ทำไมปีนี้เราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเลยอ่ะคะ ว่ามะ

ปีก่อน ๆ เรายังไปเที่ยวนู้นนี่ หรือไม่ก็ยังได้ไปดูโชว์บ้าง อะไรบ้าง

ไหงปีนี้ ตั้งแต่ไปโกลด์โคลส์เมื่อต้นปี แล้วเราก้อยังไม่ได้ไปไหนอีกเลยอ่ะ




p'aor : ก็พวกทัวร์local ที่จัดนี่เราก็ไปมาหมดแล้วไง ส่วนโชว์ เค้าก็เช็คในเวปนะ

แต่มันยังไม่มีอันไหนที่อยากดูอ่ะ





อืมมมม นั่นสิ นี่มันจะไม่มีที่ใกล้ๆ ให้เราไปกันแล้วเหรอ




ตั้งแต่ต้ามาอยู่ที่นี่ สามปีแล้ว ช่วงสองปีแรก พี่อ้อก็จะจัดโปรแกรมนู้นนี่

พาเที่ยวอยู่เสมอ ๆ เสาร์อาทิตย์ไหนว่าง เราก็จะไปเที่ยวกันเรื่อย ๆ

ส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่ที่แบบสามารถไปกลับได้ภายในวันเดียว มีที่ไปกับทัวร์ก็เยอะ




ที่นี่มีจัดทัวร์ไปตามสถานที่ยอดฮิตต่าง ๆ ใน New South Wealth

และรัฐใกล้ ๆ พวก canberra melbourne มีทั้งทัวร์ของฝรั่งและทัวร์ของเอเชีย

แต่เราผูกขาดอยู่กับทัวร์เจ้าประจำ เจ้าของเป็นฝรั่ง แต่มีไกด์เอเชีย และมีไกด์คนไทยอยู่คนนึง

อุ่นใจ ขาดเหลืออะไรยังพอออดอ้อนกันได้

ลูกทัวร์ส่วนใหญ่ก็เลยเป็นเอเชียหัวดำ





ทริปที่จัดส่วนใหญ่ก็จะจัดในวันเสาร์ อาทิตย์
โดยสถานที่ของแต่ละทริปก็จะขึ้นอยู่กับฤดูกาล






ลองมาดูกันสิว่าเราไปเที่ยวที่ไหนกันมาแล้วบ้าง

ขอไม่เรียงตามลำดับใดใด เอาเป็นว่า นึกอันไหนออกและค้นเจอภาพไหนก่อนก็เล่าอันนั้นก่อนละกันนะจ๊ะ

เรื่องที่เล่าก็อาจจะวกไปวนมาสักหน่อย เพราะไปมานาน อาจจะลืมๆเลือนๆไปบ้าง ขออภัยเน้อ




















19 October 2008


Whale watching

สืบเนื่องจากพี่อ้ออยากไปดูปลาวาฬ เพราะตาม zoo ส่วนใหญ่ จะเป็นโลมา ไม่ค่อยมีวาฬให้ดู





7.00 am ลูกทัวร์พร้อมออกตัว

ตามโปรแกรมทัวร์ จะพาเราไปแวะไร่ไวน์ก่อนเป็นที่แรก
ซึ่งจริงๆเราไม่ได้อยากไป เพราะไปมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองครั้ง

จำเวลาไปถึงไม่ได้แล้ว พอถึงที่ไร่ไวน์ เค้า ปล่อยให้เราไปเดินเล่น ถ่ายรูป ชิม และซื้อไวน์กันประมาณ 30 นาที























แล้วก้อออกเดินทางต่อไปสู่จุดหมายหลักของเราที่ Port Stephen




























Port Stephen เป็นท่าเรือขนาดใหญ่มาก
ส่วนใหญ่จะเป็นเรือยอร์ชและเรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่

เท่าที่เห็น รู้สึกว่าจะไม่มีเรือขนส่งสินค้า มีแต่เรือสำหรับท่องเที่ยวและเรือส่วนตัวเท่านั้น

บริเวณ Port ก็จะมีร้านค้าขายเสื้อผ้าอยู่สองสามร้าน พวกRoxy,Billabong ร้านอาหาร ไอศครีม












































































ร้านอาหารในที่นี้ อย่าหวังว่าจะได้กินอะไรที่หลากหลาย
ร้านอาหารตามสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศนี้ส่วนใหญ่ มีให้เลือกอยู่ไม่กี่อย่าง อาทิเช่น

Junk Food ทั่วๆไป Mcdonald, KFC, Subway พวกๆนี้

แล้วก็ร้านที่ขายของทอดพวก Fish & Chips , Pizza และ Kebab

ซึ่งไม่ถูกปากเราอย่างแรง กินกันตายก็พอได้ แต่กินให้อร่อยนี่ ทำใจลำบาก
เพราะฉะนั้น เวลาที่เดินทางลักษณะนี้ ต้าจึงต้องเตรียม lunch box และผลไม้ติดเป้ไปด้วย
.
.
.

กลับมาที่ Port stephen กันต่อ

ไกด์จะปล่อยเราลงจากรถโค้ช เพื่อให้เราไปหม่ำอาหารเที่ยงและพักผ่อนตามอัธยาศัยประมาณชั่วโมงนิดๆ

แล้วก็จะนัดสถานที่ให้ลูกทัวร์มาเจอกันเพื่อที่จะไปขึ้นเฟอร์รี่ออกไปสู่ท้องทะเลกว้างกัน
























































ตาจ๋า ยายจะกินปลาตัวนี้อ่ะ ตากระโดดไปฉกมาให้หน่อยสิ












ช๊านนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้











คุณไกด์เตือนตั้งแต่ตอนอยู่บนรถว่าให้กินยาแก้เมาเรือไว้ด้วยสำหรับคนที่เมาเรือ

เพราะยิ่งออกจากฝั่งไปไกลเท่าไหร่ ลมและคลื่นก็จะแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ เราไม่ได้กิน เพราะยังไม่มีประวัติเมาเรือมาก่อน

และก็อุ่นใจว่าเราพกมะม่วงเปรี้ยวมาด้วย 555 เมาปุ๊บ กินปั๊บ


















ใช้เวลาประมาณร่วม 3 ชม เพื่อไปถึงจุดที่สามารถเจอวาฬได้เยอะที่สุด

แต่เอาเข้าจริง ๆ พอออกไปไกลจากฝั่งสักชั่วโมงก็เริ่มเห็นกันแล้วค่ะ

เริ่มเห็นจากหางลิบ ๆ ก่อน ฟาดหางตีน้ำไปมาอยู่ไกลโพ้นนน

















แต่แค่เห็นหาง ทั้งลำเรือก็ฮือฮา ขึ้นไปตั้งกล้องรอดูรอถ่ายรูปอยู่บนดาดฟ้าเรือกันเกือบหมด

ต้ากับพี่อ้อก็ไม่มีพลาดค่ะ ขึ้นไปหามุมเหมาะ ๆ กับเค้าด้วยเช่นกัน
.
.
.
วาฬหน้าตายังงี๊เร๊อ!!
.
.

พี่อ้อมีหน้าที่ถ่ายภาพ เพราะต้ามัวแต่วุ่นวายกับผมอยู่

ไม่ได้พกที่รัดผม ไม่ได้พกหมวก ลมกระพือพัดผมกระจัดกระจาย
ถ้าหลุดออกจากหนังหัวได้ คงหลุดไปแล้ว

สองมือของต้าเลยทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากจับผมไว้มือ และเกาะเรือไว้อีกมือ
.
.

เวลาฝั่งไหนเห็นวาฬโดดตีน้ำแตกกระจายที ก็เฮกันไปทิศนั้นที

เฮกันอยู่พักนึง ต้าก็เดินไปหาพี่อ้อที่เฝ้ารอน้องวาฬด้วยความใจจดใจจ่อ

ต้า : ดาร์ลิ้ง เค้าเข้าไปนั่งข้างในนะ เค้าไม่ไหวแล้ว เวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม จะอ๊วกกกกก
.
.
.
ยาดม ยาดมอยู่ไหน I need ยาดม
คลื่นไส้ เมาเรือ อยากให้อาหารปลา..T T

ต้ากลับเข้ามานั่งด้านในเรือ จัดการผมเผ้าที่พันกันวุ่นวือให้เข้าที่
หยิบเอามะม่วงเปรี้ยวออกอมๆมาแก้วิงเวียน แล้วก็พยายามไม่เคลื่อนไหวตัวเอง

เพราะมีความรู้สึกว่า ยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ มวลสารในกระเพาะเหมือนจะแข่งกันออกมาชมโลกภายนอกไวขึ้นเท่านั้น

นั่งหน้านิ่ง ตัวนิ่งอยู่อึดใจ คุณstaff ประจำเรือก็เดินมาถามไถ่ด้วยความห่วงใย

staff : Are you ok?

พยักหน้าหงึก ๆ พยายามยิ้มให้ดูเหมือนว่าชั้นกำลังสบ๊ายสบายและมีความสุขสุด ๆ

แล้วชีก็เดินจากไป

นั่งสะกดมวลสารอยู่พักนึง ก็ได้ยินเสียง ตึ๊มมมมมมมม ดังมากกก มาจากด้านหลังเรือ

รีบหันไปดู เห็นมีคนชี้ ๆ เลยกลั้นใจเดินออกไปดู

โอ้ววววววววววววววววว หางปลาวาฬแทบตีแสกหน้า

ขอบอกว่าไม่เคยเห็นปลาวาฬระยะประชิดตัวขนาดนี้มาก่อน ใกล้มาก

วาฬมาเล่นคลื่นอยู่ท้ายเรือ

รู้ว่าปลาวาฬเนี่ยตัวใหญ่ แต่ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้ ใหญ่มากกกก

ใหญ่กว่ารถบัสคันโต ๆอีกค่ะ



เสียดายที่พี่อ้อเก็บภาพไว้ไม่ทัน (สงสัยมัวแต่ตะลึงอยู่ เพราะได้เห็นสมใจอยาก)






หลังจากที่เราลอยละล่องละล่องอยู่ในท้องทะเลได้เกือบ 3 ชั่วโมง

เฟอร์รี่ก็พาเรากลับเข้าฝั่ง

ขาถึงพื้นปุ๊บ รู้สึกตัวเองเสียศูนย์นิดหน่อย ต้องใช้เวลาตั้งศูนย์ใหม่กันเล็กน้อย





เสร็จสิ้นภารกิจ whale watching




รถโค้ชจอดรอลูกทัวร์อยู่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินทางกลับสู่เมืองกันอีกครั้ง

ทุ่มกว่า ๆ โดยประมาณ เราก็กลับถึง city กันโดยสวัสดิภาพ



ค่าทัวร์สำหรับทริปนี้ ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ประมาณ $70 ต่อคนค่ะ

ขอรวบรัดตัดความจบทริปแรกแต่เพียงเท่านี้

ไว้จะมาแบ่งปันทริปที่สองให้ฟังใหม่นะจ๊ะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...พี่น้องชาวไทย
^^

บะ บาย




วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

Sydney Storm







Wed September 23 , 2009













ตีห้ากว่า ๆ เกือบๆจะหกโมงแร่ะ













ลืมตาปรือๆ เอ๊ะ ทำไมแสงที่ส่องผ่านมู่ลี่มันสีแปลกๆหว่าวันนี้







แต่ความง่วงมีมากกว่าความสงสัย เก็บความสงสัยไว้ แล้วนอนต่อ






















หกโมงหน่อย ๆ พี่อ้อตื่นก่อน ลุกไปแล้ว เรายังนอนต่อ










พี่อ้อ : " ตัวเอง ลุกขึ้นมาดูปรากฏการณ์ธรรมชาตินี่เร็ว "

ต้า : " หือ อารายยยย "




ยังคงเมาขี้ตา แต่ก็ลุกงัวเงียขึ้นมาเปิดมู่ลี่ดู





โอ้ววววววว







ทำไมข้างนอกมันส๊ม ส้ม อย่างนี้ล่ะ





แต่.... ยังง่วงอยู่ เก็บความสงสัยไว้ก่อน แล้วเดินกลับไปนอนต่อ








เจ็ดโมงครึ่ง ตื่นเพราะพี่อ้อโทรมา







" ตัวเอง วันนี้ใส่หน้ากากผ้าออกมาด้วยนะ เด๋วตัวเองแพ้ฝุ่น "

" พี่อ้อ มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ "

" มีพายุฝุ่น พัดมาจากแถบๆ north territory
อยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี เพิ่งจะเคยเห็นเนี่ยแหล่ะ
ตัวเองออกมาจากบ้าน ไม่ต้องเปิดหน้าต่างนะ ปิดให้หมดทุกบานเลย "







เดินออกไปนอกบ้าน โอ้โห เหมือนอยู่ในเมืองในหมอกเลย แต่เป็นหมอกสีส้ม ๆ


มีคนใส่หน้ากากบ้างประปราย บางคนก็เอาผ้าพันคอมาปิดจมูก


รถแทบทุกคันเหมือนวิ่งออกมาจากชนบท


มีฝุ่นสีส้มปกคลุมกันถ้วนทั่ว คันไหนยังคงสะอาดเอี่ยม แสดงว่าต้องจอดไว้ในอาคาร


หรือไม่ก็โรงจอดรถ




มีหมอกส้มไม่พอ ยังมีลมพัดแรง ถึง แรงมาก

อากาศเย็นและแห้ง







ผ่านไปค่อนวัน ประมาณสัก บ่ายแก่ ๆ โน้นล่ะ ถึงจะเริ่มมองเห็นท้องฟ้าชัด ๆ ได้บ้าง




ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Australia ที่นิโคล คิดแมน เล่น

พายุมันมาจากสภาพภูมิประเทศแถบ ๆ นั้นล่ะคะ เป็นกึ่ง ๆ ทะเลทราย แห้ง ๆ แล้ง ๆ





ที่นี่ เจอพายุฝุ่น บางรัฐมีลูกเห็บตก มีแผ่นดินไหว

ปั่นป่วนไปหมด







หลังพายุพ้นผ่านไป ทุกท้องถนน ทุกหลังคาเรือน

ทิ้งฝุ่นสีส้มไว้เป็นที่ระลึก ขนาดปิดประตู หน้าต่างมิดชิดแล้ว

ฝุ่นก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้
v
v
v


Circular Quay
v
v
v

Harbour bridge
v
v
v


Opera house


หรือว่าธรรมชาติ พยายามจะพร่ำบอกอะไรกับเรา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

ชัดเจน

ตอนนี้น้องพีคตกกระป๋องไปแล้ว


พี่อ้อบอกว่า น้องพีคเริ่มโรยแล้ว



เปลี่ยนมาตามติดน้องจิ๊บแทน



เคยดูหนัง และ ละครบางเรื่องที่เธอเล่น








ช่วงนี้ดูรายการ ล้วงลับตับแตก น้องจิ๊บปกฉัตร เป็นหนึ่งในพิธีกร

สูงโปร่ง ขายาว หุ่นดี หน้าตาน่ารัก สวยสดใส

แต่.... จะรั่วไปไหนคะน้องขา อยู่เฉย ๆ ก็สวยดี

แต่พอพูด พอเล่น เท่านั้นล่ะ ล้น ๆ รั่ว ๆ เกิ๊น







เคยอ่านเจอบทสัมภาษณ์ของน้องในนิตยสารเล่มนึง

น้องให้สัมภาษณ์ว่า มีแฟนเป็นผู้หญิง

ยอมรับ และมีความสุขกับความรักเป็นอย่างดี






ล่าสุด ดูรายการล้วงลับฯ หนุ่ม กรรชัย หนึ่งในพิธีกรชาย มีแซวน้องเค้า

ในรายการ มีช่วงนึงที่ต้องใบ้คำว่า ยาคุมกำเนิด

กรรชัยถามน้องจิ๊บว่า "รู้จักมั้ย ต้องใช้หรือเปล่า"

น้องตอบกลับไปทันทีว่า " จิ๊บไม่ต้องใช้ เพราะจิ๊บมีแฟนเป็นผู้หญิง"



อืมมมม..... ชัดเจน

ชัดเจนเสมอต้นเสมอปลาย ได้ใจพี่จริง ๆ ค่ะน้องเอ๊ยยย



แต่ถ้าต๊องให้น้อยลงกว่านี้ น่าจะมีงานเข้าเยอะกว่านี้นา

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

บะ - บาย

ถึง.... ก้นดำของป้า



พอดีว่าป้าไปเปิดเจอคลิปของหนู สมัยตอนที่หนูเพิ่งจะสองขวบได้ไม่กี่วัน

ก็เลยกะว่าจะเอามาแฉ เอ๊ย เอามาให้ป้าๆน้า ๆ ในบล็อกได้ชื่นชม ( แกมเวทนา ) กัน

ตอนนั้นหนูยังพูดได้ไม่กี่คำ ที่พอจะจำได้ก็

"บะ-บาย"

คาดว่าคงจะจำพฤติกรรมของแม่หนูมา เลยวุ่นวายกับโทรศัพท์ทั้งวัน









วันที่ได้ยินหนูพูดคำนี้ครั้งแรก หัวใจป้า ๆ พองโต ( ดีใจแทนอิแม่มัน ที่ลูกสาวมีพัฒนาการแร๊วเฟร๊ย )

ตอนนั้นแม่หนูเครียดสุด ๆ ทำไมหนูพูดไม่ได้สักที พัฒนาการช้าไปหมด

ไม่ว่าจะคลาน เดิน หรือพูด แต่ป้า ๆ ก็พยายามหาข้ออ้างให้หนูกันไปเรื่อย







ซึ่งป้าต้าคิดว่า ถ้าหนูไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ไปเจริญเติบโตและเบิกบานที่เมืองไทยแทน

ป่านนี้หนูคงจะมีพัฒนาการล้ำเลิศ ไม่แพ้เด็กคนไหนเลยทีเดียวเชียว









ตอนสองขวบ เวลาหนูอยากได้อะไร หนูจะพูดแต่คำว่า " อ๋า อ๋า "

ซึ่งแม่และป้าๆ ต้องเดากันเอาเอง ว่าไอ้ อ๋า ของหนูเนี่ย มันแปลว่าอะไร

เพราะไม่ว่าหนูจะปวดท้อง หิวข้าว อยากให้เล่นด้วย หรืออยากไปเที่ยว

ทุกความต้องการจะบอกได้เพียงแค่ว่า " อ๋า อ๋า "

เดากันไปสิ ยังกะเล่นเกมส์ทายใจ









แรก ๆ ป้าๆ และแม่หนูคิดกันไปว่า ถ้าหนูโตขึ้น จะเป็นสาวห้าวเหมือนป้าหนูมั๊ยน๊อ

เพราะของเล่นแต่ละอย่างที่หนูชอบ จะหนักไปในแนวเด็กผู้ชาย เช่น

ลูกบอล ปืน อะไรเทือกๆนี้

พวกตุ๊กตาสวย ๆ กุ๊กกิ๊กน่ารักนี่ หนูไม่ปลื้มเอาซะเลย

แต่พอโตขึ้นเรื่อย ๆ ป้าๆ และแม่หนู ต่างลงความเห็นว่า

คงไม่หรอก โตขึ้น หนูก็คงเป็นเด็กผู้หญิงตามเพศของหนูนั่นแหล่ะ

คงไม่เป็นเพศทางเลือกแต่อย่างใด

เพราะเด๋วนี้ หนูชอบเหลือเกิ๊นนนน กับการได้เล่น ได้พบปะ พูดคุยกับ

"ผู้ชาย"

ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก หนูสามารถเดินโฉบเข้าไปทักทาย เซย์ไฮ ไปทั่ว







มีอยู่ครั้งนึง ป้าต้าพาหนูไปซื้อปลาที่ตลาด คนขายเป็นผู้ชายชาวจีน

หนูก็ไปยืนเกาะขอบตู้ ส่งยิ้มหวานให้ชายจีนผู้นั่น

พอเค้าหันมาเห็น และได้ยินป้าพูดภาษาไทยกับหนู เค้าก็พูดว่า " ซา หวัด ดี คับ" พร้อมกับยกมือไหว้แบบแขนกางๆ เท่านั้นล่ะค๊า ก้นดำของป้า รีบยกมือไหว้กลับอย่างสวยเลย ทั้งที่ปกติ กว่าหนูจะไหว้งาม ๆ นี่

ป้าๆต้องขอให้ทำอย่างต่ำสามครั้งขึ้นไปถึงจะยอม







ที่ร้านไอศครีมก็เหมือนกัน เด็กเสริฟเป็นสาวสวย แต่คนตักเป็นชายหนุ่ม

หนูก็ชอบไปยืนเพ้อเจ้ออยู่หน้าตู้ คุยกับเค้าเหมือนเค้าจะรู้เรื่อง

เค้าคงจะได้ยินที่หนูพูดหรอก ตัวโผล่พ้นตูมาแค่จึ๋งนึง

แถมไปเดินตามเค้าอีกตะหาก


เค้าเดินไปสั่งข้าวร้านข้าง ๆ หนูก็เดินตามเค้าไป

แม่หนูหันมาอีกที ไม่เห็นลูก หัวใจแทบวาย ที่ไหนได้ เดินตามผู้ชายไปสั่งข้าวซะงั้น







อีกอย่าง ช่วงนี้หนูก็รักสวยรักงาม รักสะอาด และชื่นชอบสีชมพู

วันไหนถ้าเห็นป้าต้าควักลิปสติกออกมาทา หนูจะต้องทำปากยื่นๆ มาเสนอหน้าทันที











ตอนนี้หนูสามขวบ กับสามเดือนแล้ว

พูดมาก พูดเก่ง พูดไปเรื่อย มีเป็นประโยคมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นประโยคยาวๆสักเท่าไหร่

และยังคงสับสนในการวางตำแหน่ง ประธาน กิริยา กรรม มั่วๆ กันไป

ถนัดไปทางพูดตามซะมากกว่า






วันดีคืนดี ก็จะเพ้อเจ้อว่า "คีถ้า..เสย" แปลว่า กีตาร์สวย

(ช่างกล้านะลูกนะ)






พักหลัง ๆ มานี่ เริ่มมีมาอีกหลายคำที่พูดบ่อยขึ้น

เป็นต้นว่า...




" แต๊น ติ๊ว " ป้าๆน้า ๆ ทายสิ ทายสิ........... Thank you นั่นละคะ


" ซ้อ รี " อันนี้ชัดเจนอยู่ Sorry


" คิ้ว มี " มาจาก excuse me นั่นเอง


" ฮาว ยู้ อยู่ " เอ่อ เดายากกันนิดนึง How are you
อันนี้เพิ่งได้มาสดๆ ร้อน ๆ ป้าอ้อเพิ่งสอนกันวันนี้เอง









ป้าต้าเคยบอกกับแม่หนูว่า ถ้าหนูโตขึ้น หนูคงไม่ใช่เด็กเรียบร้อยแบบผ้าพับไว้เป็นแน่แท้

ท่าทางหนูจะขาลุยอยู่ไม่น้อย ออกแนวสาวห้าว แต่แอบหวานนิด ๆ

และท่าทางจะมีเพื่อนชายเยอะกว่าเพื่อนสาว

ประมาณว่าหัวโจกเลยทีเดียวเชียว









มีหลายๆ คน ที่มักจะพูดว่า ป้าต้าและหนู หน้าคล้ายๆ กัน ถ้าบอกว่าหนูเป็นลูกป้าก็น่าเชื่ออยู่

ป้าไม่รู้ว่าหนูจะดีใจหรือเสียใจดี

เพราะมีหลายคนทักว่า ป้ามีบุคลิกละม้ายคล้ายกาละแมร์




หนูอยากเหมือนกาละแมร์มั้ยลูก??










ที่จริง หนูก็เกือบจะได้เป็นลูกสาวของป้าอ้อไปแล้วนะ

เพราะตอนแรก แม่ของหนู ขอให้ป้าอ้อเป็นแม่ทูนหัวให้

ตามธรรมเนียมของคริสต์ศาสนา

แต่ป๊ะป๋าหนู ขอไว้ อยากให้ลูกคนแรกเป็นพุทธ เหมือนพ่อ

คนต่อไปค่อยเป็นคริสต์เหมือนแม่ ( ถ้ามีนะ)




แต่ป้าต้าว่า ถึงยังไง ป้าอ้อก็ยังรักหนูประหนึ่งลูกสาวอยู่ดีละ






หลังๆ มานี่ เวลาป้าต้าถามหนูว่า

"กีต้าร์ คิดถึงป้าต้าป่าว"

หนูก็จะตอบว่า " ถึง "

" ถึงใคร "

" ถึง ป้า ต้า "





แรกๆ ป้าต้าก็ไม่รู้หรอก ว่าหนูจะเข้าใจความหมายของมันรึป่าว หรือพูดตามไปงั้นๆ

จนมีอยู่วันนึง แม่หนูโทรมา แล้วบอกว่า หนูจะคุยด้วย บอกให้แม่โทร "หาอ้อ หาต้า"

ป้าต้าก็คุยกับหนู




"ฮาโหล กีต้าร์เหรอ กีตาร์อยากคุยกะป้าต้าเหรอ มีไรอยากคุยจ๊ะ"

" คิ..ถึง "

" โหยยยย กีตาร์ คิดถึงป้าต้าเหรอลูก โหยย ดีใจจัง"


" กีต้าร์รักป้าต้าป่าว "

" รัก ป้า ต้า "



แค่นี้ก็ปลื้มใจสุด ๆ แล้ว ลูกเอ๊ยยยยยย




ป้าต้ากับป้าอ้อก็รักหนูน๊า ^^



-------

ตอบเม้นท์จ๊า

ducky

เค้าก็เขิน แต่ความหนาว+ขี้เกียจมีมากกว่า เลยกลั้นใจวิ่งปรู๊ดออกไป


คุณกี้

"กี้เคยเปลือยกายล่อนจ้อนต่อหน้าธารกำนัลเพียงครั้งเดียว"

นอกนั้นเปลือยกายในที่... ใช่มะคะ ^^


เจ๊happy

เจ๊นึกภาพไรค่ะ อยากรู้ อยากรู้ ติดเรทรึป่าว


คุณตั๊ก

หัวใจจะวายนี่... เพราะเค้ามีสองอันเหรอคะ 555


patty

"ถ้ามีกันเองแค่ในกลุ่มนี่สบายมาก"

แปลว่า คราวหน้าถ้ามีวาระที่ร้านกาแฟ patty จะแก้ให้เพื่อน ๆ ดู ชิมิ


คุณวดี

ใครคือ คุณต้น บอกมาเด๋วนี้นะ


คุณแหม่ม

ไม่ต้องแย่งค่ะ ใจเย็นๆ แนะนำให้เดินเฉิดฉายออกไปพร้อมกันทั้งคู่เลย ดีป่ะคะ ^^ ให้มันรู้กันไปเลย ว่าครายหย่ายยยย


คุณโอ๊ต

วิ่งปรู๊ดไปปรู๊ดมา ต่อหน้าคุณพรีมป่าวค่ะ


คุณต้นกล้า

อยากเห็นนี่ อยากเห็นอะไรค่ะ

ต้า ฝรั่ง หรือพี่อ้อ!!


คุณmonkey

ที่กลัวนี่... กลัวใจตัวเองป่ะคะ อิ อิ

...........................

ปล. เริ่มอัพบล็อกโหลดคลิปตั้งแต่สี่ทุ่มกว่า ๆ จนป่านนี้ จะตีหนึ่งแล้ว

ยังโหลดคลิปไม่เสร็จ.......... ไม่ไหว รอไม่ไหว ง่วง

ขออนุญาตติดค้างคลิปก้นดำไว้ก่อนนะจ๊ะ เด๋วไว้พรุ่งนี้จะมาโหลดแต่หัววันเลย

.

.

มาแล้ว มาแล้ว

มาอัพคลิปให้ชมกันแล้วน๊าค๊า

ก้นดำสมัย 2 ขวบ หน้าตาฮามั่กๆ

พัฒนาการด้านอื่นนี่ไม่เท่าไหร่

แต่พัฒนาการด้านความงามนี่ เห็นได้ชัดนะเนี่ย ว่าหนูโตแล้วสวยขึ้น

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

ไม่ชิน

Thur September 10 , 2009


เย็นวันนี้ หลังกินข้าวเสร็จ เราตั้งใจจะไปว่ายน้ำกัน



พี่อ้อไปว่ายหลายหนแล้ว ส่วนต้ามัวแต่อิดออด นี่ก็เลยเพิ่งจะเป็นหนที่สอง







สองทุ่ม พร้อมออกจากห้อง





เดินไปประมาณสิบกว่านาทีก็ถึง Aquatic Centre




คนบางตา มีว่ายอยู่หรอมแหรม



เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยพร้อมลงสระ



ถึงสระจะปรับอุณหภูมิแล้ว แต่ก็ยังต้องทำใจอยู่นาน



ว่ายไปได้ครึ่งรอบ เหมือนใจจะขาด เหนื่อยสุด ๆ

ไม่รู้สระมันจะยาวไปไหนเนี๊ยยย







ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เลยต้องว่ายๆ หยุด ๆ


ว่ายได้พักนึง ต้าก็ขอบาย ไปแช่สระน้ำอุ่นแทน


เป็นสระขนาดใหญ่ ไว้ให้แช่เฉย ๆ ห้ามว่ายเล่น


จะมีน้ำพุ่งแรงๆ ไว้นวดตัว คล้าย ๆ จากุชชี่ ประมาณนั้น









สามทุ่มครึ่ง ก็ขึ้นจากสระไปอาบน้ำ


เข้าไปในห้องอาบน้ำ มีฝรั่งสาวอยู่หนึ่งคนกำลังอาบน้ำอยู่


ด้วยความหนาว เราก็เลยรีบหยิบถุงอุปกรณ์พวกแชมพู ครีมอาบน้ำ


แล้ววิ่งจู๊ดเข้าห้องอาบน้ำไป






ต้ากับพี่อ้อ อาบห้องติดกัน เพื่อที่จะได้ส่งอุปกรณ์กันได้


อาบกันไป เม้าท์กันไป พออาบเสร็จ


ตายละวา ลืมหยิบผ้าขนหนูมากันทั้งคู่เลย


ทำไงดี ทำไงดี







พี่อ้อ : ตัวเอง... ฝรั่งคนตะกี้เค้ายังไม่ไปเลยอ่ะ เค้ายังแต่งตัวอยู่ข้างนอกนี่อ่ะ


ต้า : แล้วยังไงอ่ะคะ


พี่อ้อ : ตัวเองออกไปเอาผ้าขนหนูจิ๊


ต้า : ไม่เอาอ่ะ ตัวเองแหละออกไป


พี่อ้อ : โหยยย นี่ถ้าข้างนอกไม่มีคนนะ เค้าเดินออกไปแล้วเนี่ย เค้าไม่อายหรอก


ต้า : ไม่เอาอ่ะ เค้าอาย


พี่อ้อ : ก็ตัวเองเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ชีไม่ตกใจหรอก
แต่ถ้าเค้าออกไปเด๋วชีตกใจเอา



ง่ะ .... เอาไงดี เอาไงดี จะยืนรอกันต่อไปก็หนาว

เอาฟ่ะ


ตัดสินใจวิ่งปรู๊ดออกไปตรงกองเสื้อผ้า ที่อยู่ไม่ห่างจากห้องอาบน้ำเท่าไหร่


แล้วรีบหันหลัง หยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเอง แล้วหยิบอีกผืนไปส่งให้พี่อ้อ


ฝรั่งนางนั้น ชีคงไม่ทันเห็นหรอกมั๊งเนอะ





แต่ถึงเห็น ก็ไม่เป็นไร เพราะตะกี้เราก็เห็นของชีไปหมดแร่ะ

โอเค๊ ... ถือว่าหายกัน










สมัยอยู่เมืองไทย เวลาไปว่ายน้ำ ก็ไม่เคยเห็นสาวไทยในห้องอาบน้ำจะเดินแก้ผ้ากัน


มาอยู่ที่นี่ ไปว่ายน้ำครั้งแรกๆ โอ๊ววววววแม่เจ้า .... หูตาลุกวาว


เดินล่อนจ่อนขาวโพลนกันไปมา ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่


ไม่มีใครอายใครแต่อย่างใด ทุกคนทำเหมือนนี่เป็นเรื่องปกติ


เหมือนเดินเล่นซื้อของในซุปเปอร์ยังไงยังงั้น


คิดจะถอดก็ถอด ง่ายๆ เหมือนถอดแว่นตาถอดหมวกกันเลย






ห้องอาบน้ำก็จะมีสองแบบ

แบบแรกมีประตูแบบบานผลัก ไม่มีกลอน บานประตูบดบังแค่ช่วงตัว เห็นหัวกะขา

แบบที่สองเป็นแบบเปิดเผย ไม่มีประตูปิด จะอาบจะถูส่วนไหนก็เปิดเผย เห็นโหม๊ดดด





ถึงต่างชาติเค้าจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สาวไทยอย่างเรา
ยังไง๊ ยังไง ก็ไม่ชินค๊า

^^

.......................



วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

~ ละเมอ ~

Tue September 8, 2009


คืนนั้น... ระหว่างที่เราทั้งคู่นอนหลับสนิท ในความมืดและเงียบ






อยู่ดีดีพี่อ้อก็ตะโกนออกมาว่า







"เฮ้ย!!..."







เสียงเฮ้ย ดังจนเราที่นอนหลับสนิทอยู่ตกใจตื่น




รีบหันไปหาเจ้าของเสียง พร้อมกับเอื้อมมือไปแตะตัว



"พี่อ้อเป็นไร"


………..






"พี่เป็นไรป่าว"


………..







ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ไม่มีเสียงตอบรับใดใด





..................






เย็นวันต่อมา




นั่งๆคุยกันอยู่ดีดี พี่อ้อก็หัวเราะออกมา



"หัวเราะไรอ่ะ"


"ขำที่ต้าตกใจพี่ เมื่อคืนอ่ะ"


"เออ ตกลงเมื่อคืนเป็นไรคะ อยู่ดีดีก็ตะโกนซะลั่นห้องเลย"


"เค้าฝัน"


"ฝันว่ามีขโมยกำลังจะเข้าห้อง

มันกำลังเจาะประตูแล้วเอามือล้วงมาบิดลูกบิด

เค้าเดินไปเห็นมันพอดี เค้าเลยตะโกนให้มันตกใจ

แล้วก็ตื่นพอดี"





สรุป.... คนที่ตกใจไม่ใช่ขโมย



แต่เป็นต้านะพี่อ้อ


....................








พี่อ้อเป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ แต่ต้าก็ยังไม่ค่อยชิน




แรกๆ ที่มาอยู่ด้วยกัน

ตกดึก พี่อ้อนอนหัวเราะเสียงดัง ต้าก็งงสิค่ะ

พี่อ้อผีเข้าเปล่าฟ่ะ





เพื่อนพี่อ้อที่เคยอยู่ด้วยกัน ก็เลยบอกว่าพี่อ้อเป็นแบบนี้บ่อยๆ เด๋วต้าก็ชิน

บางทีก็หัวเราะ

บางทีก็พูดงึมงัมๆ อะไรไม่รู้ ไม่เป็นภาษา







พอรู้แล้วก็โอเค รับทราบค่ะ

แต่แหม คนกำลังหลับ อยู่ดีดีมาหัวเราะ มาพูดๆนี่

ถึงจะรู้แล้ว แต่ก็ยังตกใจอยู่ดีล่ะค๊า


................




วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ของฝากจากไทย

ได้ผ้าพันคอมาใหม่ สองผืน



มีสาวสวยใจดี ถักส่งมาให้จากเมืองไทย





ได้มาพักใหญ่ ๆ แต่ยังไม่ได้เอารูปที่ถ่ายไว้มาอวดคนถักสักที






























ผืนแรกของเรา สีสันสดใสแสบตาแสบตูด

















โอ้มายก๊อด!! ดูสิค่ะท่านผู้ชม
เค้าเหมือนคนท้องเลยอ่ะ

.

.








พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นเพราะใส่หลายชั้น
( มีเสื้อกล้าม เสื้อยืดแขนยาวคอกลม เสื้อไหมพรมแขนยาวคอเต่า แล้วก็เสื้อคลุมตัวนอก )

.

.

.




แต่.. แค่นั้นมันสามารถทำให้กลายเป็นคนท้องได้เลยรึ๊นี่










.


.


.








ปลง....
อายุมากขึ้น ลดยากลดเย็น
ไอ้ไขมันบ้านี่





















อีกผืนเป็นของพี่อ้อ สีดำ เท่ๆ ขรึมๆ















ถ่ายจากมือถือ แถมถ่ายตอนกลางคืนอีก ภาพพร่า ๆมัวๆ
มองเห็นแค่เป็นก้อนสีดำ ๆ T T























ส่วนของก้นดำ จะพยายามให้แม่ชีจับภาพงาม ๆ มาฝากน้าพัชนะจ๊ะ
ไม่รู้จะหมดหนาวซะก่อนรึป่าวเนี่ย เพราะตอนนี้อากาศที่นี่อุ่นขึ้นบ้างแล้ว










ขอบคุณอย่างแรงนะจ๊ะนู๋พัช และแล้วก็มาทันได้ใช้ส่งท้ายลมหนาวในปีนี้










เพื่อนๆค่ะ
.

.



เรื่องกิจวัตรประจำวันประจำคืนก่อนนอนนั้น หาได้เป็นปัญหาไม่

เพื่อน ๆ อย่าได้กังวลไปเลยค่ะ


เราก็ทำทุกสิ่งอย่างให้เรียบร้อยก่อนปิดมุ้งสิค่ะ

แค่มุ้ง มิอาจขวางกั้นเราได้หรอกค่ะ อิ อิ

( เค้าหมายถึงหอม หรือ จุ๊บุ จุ๊บุ นั่นละ อย่าได้คิดไกล )

................






^^

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

อี๊..อี๊

เคยเปรยๆไว้ในบล็อกตั้งแต่ตอนย้ายบ้านใหม่ ๆ ช่วงเดือนเมษาฯ

ว่าตั้งแต่อยู่ที่นี่มา ยังไม่เคยโดนยุงกัดเลยแม้แต่ตุ่มเดียว
จนกระทั่งย้ายมาอยู่ห้องใหม่นี่แหล่ะ เพิ่งมีโอกาสได้ป๊ะหน้ากันอยู่หลายตัว
เดาเอาว่าเพราะข้างบ้านเราปลูกต้นไม้ไว้เยอะ และห้องเราก็อยู่แค่ชั้น2
ยุงจึงสามารถบิน แวะเข้ามาพักเหนื่อยในห้องเราอยู่บ่อยๆ



แวะมาก็ไม่ว่าไร อยากพักอยากนอนก็ตามสบาย
แค่อย่ามากวนตอนเรานอนแค่เนี๊ยะ ขอได้มั้ยยยยยยยย


มันชอบมาบินอี๊ อี๊ อยู่ข้างหูตอนนอน บินฉวัดเฉวียนตอมหน้าตอมหู
ใครจะไปหลับลงล่ะทีนี้



แต่ก็ตอมได้แค่หน้ากะหูแหล่ะ เพราะอากาศหนาวทำให้เราห่มผ้ากันมิดชิด เหลือโผล่มาแต่หัว อันที่จริงก็อยากห่มไปถึงหัวเลยเหมือนกัน แต่กลัวหายใจไม่ออก



เดือดร้อนพี่อ้อต้องไปซื้อที่ไล่ยุงไฟฟ้า ( ที่เป็นแบบปลั๊กเสียบแล้วเสียบแผ่นสีฟ้าๆลงไป )ก็ได้ผลดีอยู่ นอนหลับกันสบาย ไร้ยุงมากวนใจ

แต่...
พี่อ้อก็กังวล ว่ามันเป็นสารเคมี ถ้าใช้เป็นระยะเวลานาน มันจะมีผลอะไรมั้ยหนอ
จนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราไปเดินเล่นกันที่ร้านขายอุปกรณ์สำหรับเดินป่า และกิจกรรม outdoor
เดินชมนู้นนี่ จนไปสะดุดอยู่ที่ " มุ้ง "
พี่อ้อเคยพูดนานแล้วว่าอยากนอนกางมุ้ง
ต้า : "ทำไมอ่ะพี่อ้อ"
พี่อ้อ : "มันได้อารมณ์ดี"
ต้า : "อารมณ์อะไร"
พี่อ้อ : " ก็แบบ ได้ปิด ได้เปิด ดูมีอะไรทำดี"

อืมมม ……..


มุ้งที่เราเห็น มันเป็นมุ้งแบบกลม ๆ แขวนจากเพดาน แล้วคลุมลงมาบนเตียง เหมือนตามรีสอรท์อ่ะคะ ซึ่งเราไม่อยากเจาะเพดาน และต้าก็ไม่อยากนอนมุ้ง กลัวสะดุดมุ้งตกเตียงเวลาลุกขึ้นมาฉี่ตอนดึกๆ

เดินวนไปวนมา ก็ไปเจอผ้าตาข่ายกันยุงที่ใช้ใส่คู่กับหมวกอีกทีนึงสำหรับเดินป่า เป็นแบบสวมหัว หัวใครหัวมัน
พี่อ้อถูกใจ เลยซื้อมาลองใช้ใส่นอน แต่ต้าไม่ปลื้ม ต้าไม่ชอบให้อะไรมารก ๆ หน้าตอนนอน

แล้วคืนนั้น พี่อ้อก็มีมุ้งส่วนตัว ให้ปิดให้เปิดได้ตามใจ
ได้อารมณ์พอมั้ยค่ะ ดาร์ลิ๊ง ^ ^





.













ปล. ยุงออสซี่ ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษแต่อย่างใด
ร้องอี๊..อี๊ เป็นสำเนียงเดียวกันกะยุงไทยเล๊ยยยย

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ดีใจจัง

เมื่อคืน...




ยังไม่สี่ทุ่มดี พี่อ้อขอตัวไปเข้านอนก่อน เวียนหัว อยากนอนไว ๆ





ต้านั่งหน้าคอม อ่านนู้นนี่ไปเรื่อย ( อ่านเรื่องชาวบ้านนั่นเอง )





เกือบ ๆ ห้าทุ่ม ปิดคอม ปิดไฟ เข้านอน


มืดตื๋ดตื๋อ


เห็นเงาพี่อ้อตะคุ่ม ๆ

ค่อย ๆ ปีนขึ้นเตียงไปนอนที่ตัวเอง

ล้มตัวลงนอน หันไปมองพี่อ้อที่หลับปุ๋ยไปแล้ว ความรู้สึกนึงแว๊บเข้ามาในใจ

แล้วก็ค่อย ๆ สอดมือที่อยู่ใต้ผ้าห่ม ไปแตะตัวพี่อ้อเบา ๆ






บ่อยครั้งที่รู้สึกแบบนี้ แต่คราวนี้อยากบอกให้พี่รู้






ดีใจ... ดีใจ... ดีใจ






ดีใจจัง ที่ต้ามีพี่เป็นคนรัก

ดีใจจัง ที่ในวันนี้ยังมีคำว่า "เรา"

ดีใจจัง ที่ในวันนี้ยังมีโอกาสนอนอยู่ข้าง ๆ กัน

ดีใจจัง ที่ตื่นเช้ามาก็ยังคงเป็นเราอยู่

หลับไปพร้อมกับความรัก ที่ยังคงอยู่ในทุก ๆ คืน

ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรัก ที่ยังรออยู่ในทุก ๆ วัน





บ่อยครั้งที่เราไม่เข้าใจกัน มีปัญหากัน ทะเลาะกัน

เกือบจะสิ้นสุดคำว่า "เรา" ไปซะ ก็หลายหน

แต่ "ความรัก" ก็ยังทำหน้าที่ของมันอย่างเข้มแข็ง เพื่อยึดเหนี่ยวเราไว้









ขอบคุณ.. ที่ยังคงอยู่ด้วยกัน

ขอบคุณ.. 'ความรัก' ที่ยังคงอยู่กับเรา








บล็อกวันนี้ ต้าจะไม่บอกพี่ให้มาอ่าน ต้าจะไม่บอกว่าอัพบล็อกแล้ว เอาไว้ให้พี่เปิดย้อนกลับมาอ่านเจอเอง

(ไม่กล้าบอกตรง ๆ ..... เค้าเขิน )