วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

:: Drift ::

ช่วงก่อนกลับมาไทย พี่อ้อท่องเน็ต เห็นมีโชว์หลายอันที่น่าสนใจ

ด้วยความที่อัดอั้น หลายครั้งที่อยากดูแต่ดูไม่ได้ เลยจองไปซะเบา เบา 4 โชว์

อุดหนุนต่างชาติมาเยอะแร่ะ ขออุดหนุนคนไทยกันหน่อยซิ



6 พฤศจิกายน 2010

Goodyear International Drift Series 2010

Final 2 rounds @ Wonderworld Park รามอินทรา

Show Time : 10.00 am


เพราะเราจองตั๋วผ่านเวป พนักงานจึงบอกให้ไปถึงก่อนเวลาโชว์ครึ่งชั่วโมง

เพื่อรับตั๋ว












9.30 am


สองเราก็ไปถึงหน้าสนามแข่ง

รับตั๋วเสร็จเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปในสนาม

คนโล่งเชียว อืมม สงสัยยังไม่ถึงเวลา เด๋วคงคึกคัก










10.00 am


ได้เวลาโชว์ตามหน้าบัตร ทุกสิ่งอย่างยังนิ่ง… คนดูหรอมแหรม

สิบโมงกว่า เริ่มมีรถเข้ามาซ้อมในสนาม คนดูยังคงหรอมแหรม

สิบเอ็ดโมงนิด ๆ ยังคงเป็นรอบของการซ้อมอยู่ มีคนดูเพิ่มมาประปราย

แอบหวังว่าจะเจอพี่พีท ทองเจือ มาเดินผ่านให้ใจละลายเล่น

แห้วค่ะ มีแต่ดีเจหัวฟูที่ชื่อเรียกยาก ๆ เดินไป เดินมาแทน































นี่หล่อนมาดูโชว์ หรืออยู่ในส่วนกักกันโรคกันแน่เนี๊ย



















เกือบเที่ยง ความอดทนสิ้นสุด

นี่แกกะจะซ้อมกันถึงเย็นเลยป่ะเนี่ย ไม่ไหวแร่ะ กลับกันดีก่า

ระหว่างเดินผ่านเต็นท์ต่าง ๆ จนไปถึงเต็นท์ที่มีป้ายบิลบอร์ดรูปของนักแข่ง

อร๊ายยยยย นักแข่งคนนี้ ชีเป็นสาวหล่อนี่นา อร๊ายยยย

(จำเบอร์ไม่ได้แร่ะ จำได้แค่ขับเซฟิโร่ และมีนามว่า Pat )

แต่อากาศที่เริ่มร้อน ควันจากล้อและท่อที่คละคลุ้งไปทั่ว

ทำให้เราเลือกที่จะตัดใจจากน้อง Pat





ก่อนกลับ แวะไปนั่งหาไรหม่ำ ให้พี่อ้อนั่งมองพริตตี้นุ่งสั้นเดินโฉบหาข้าวกินไปมาแป๊บนึง

แล้วจึงตัดสินใจกลับ เพราะนัดเพื่อนไว้ จะมาเคลียร์สัมภาระที่ส่งมาร่วมกันที่บ้าน

ดีนะราคาตั๋วไม่แพง แค่ 150 ไม่งั้น เสียดายแย่เลย




ปล. คนดูในสนามบางตา แต่พอมองไปบนสะพานข้ามแยก

โอ้โห จอดยืนเกาะสะพานดูกันเพียบบบ

เดือดร้อนคุณตำรวจต้องมาไล่ เพราะการจราจรเริ่มติดขัด

เหอ เหอ ไทยมุง

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Hellooo Thailand (O o)


30 ตุลาคม 2010


ตีหนึ่ง สิบนาที ตามเวลาประเทศไทย

Emirates Airline พาเรากลับสู่แผ่นดินเกิดโดยสวัสดิภาพ



ตีหนึ่ง สามสิบนาที ระหว่างรอรับกระเป๋า

บริเวณที่รอรับกระเป๋า มีขยะ เศษกระดาษ เกลื่อนอยู่

หันไปทางซ้าย เห็นพนักงานทำความสะอาดสามสี่คน

นั่งจับกลุ่มอยู่ตรงมุม โดยมีรถเข็นประจำตำแหน่งบังตัวอยู่

เม้าท์บ้าง คุยโทรศัพท์บ้าง

พี่อ้อ : อืมม บรรยากาศแบบนี้ รู้สึกได้เลยว่า นี่เรามาถึงเมืองไทยแล้วจริง ๆ


เพราะถ้าเป็นที่โน่น สถานการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นไม่ได้อ่ะ

ไม่งั้น อาจจะตกงานแบบสายฟ้าแลบ

Thailand Only



เกือบตีสอง น้องชายสุดหล่อของแม่อุ๊ก็มารับตามเวลาที่นัดแนะกันไว้

แล้วก็พาเราสองคน ส่งถึงบ้านแม่พี่อ้อแบบ งง ๆ กับทิศทาง


………………………..




31 ตุลาคม 2010



อาหารเช้ามื้อแรกในเมืองไทย

โจ๊กหมู ( ไม่อร่อยเลย ) ในซอยบ้าน

เดินแวะเซเว่น พี่อ้อตื่นตาตื่นใจ ข้าวของมากมายอลังการ

( เซเว่นที่โน้นก็มีนะคะ แต่ขายเฉพาะเครื่องดื่ม ขนมนิดหน่อย

ไม่ได้เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อมแบบบ้านเรา )


แต่ที่สะกิดสายตากว่า

คือสก๊อยเกิรล์ ใส่ชุดนอนเดินหัวฟู ปากแดงในเซเว่น

พี่อ้อถึงกับเอ่ยปาก โห... ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานมากกกก

Thailand Only





ตื่นมาวันนี้ พร้อมกับอาการงง ๆ เบลอ ๆ


เบลอ.. ตรงที่ยังปรับเวลาไม่ค่อยได้

ทุ่มนึงตาปรือ ง่วงนอน ตีสี่ ลืมตา พร้อมตื่น


งง.. ตรงที่จะยังไงกะชีวิตกันต่อดี


ของต้ายังงงในระดับนึง

แต่พี่อ้อนี่สิ หลายปีที่จากเมืองไทยไป

ทำให้ไม่ต่างจากพวก บ้านนอก เข้ากรุง

ถนนหนทางที่เปลี่ยนไปมากมาย ทำเอามึน

ไปไหนกันสองคน มีหลงตลอดอ่ะ



เรื่องง่ายๆ อย่างแค่การจะมีเบอร์โทรศัพท์กันสักเบอร์

น้องเค้าอธิบายเร็วไปไหนเนี่ย แล้วโปรฯก็เยอะ ค่ายก็แยะ ใช้ไม่ถูก

ทำเอาเราสองคนงง ๆ ต้องออกมาจากร้าน เพื่อตั้งหลักกันก่อน


อีกหลายอย่าง ที่กลายเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา

หลาย ๆ เหตุการณ์ผิดไปจากแผนที่วางไว้

ทำให้เราต้องมาคิดกันใหม่ ว่าจะยังไงกันต่อดี

สถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจ และความไม่คุ้นเคย

ทำให้เรายังไม่กล้าที่จะลงทุนทำอะไรในตอนนี้

ได้แต่เก็บเงินทุนอันน้อยนิดที่มีเอาไว้กับตัวก่อน เพื่อความปลอดภัย




ฉะนั้น ใครมีงานอะไรให้ทำ บอกกล่าวกันบ้างนะค๊า

จะได้มีตังค์ซื้อบัตเตอร์ฟลาย ส่งไปให้ก้นดำ ( อ้างหลานซะเลย อิ อิ )


………………………..

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Good bye Sydney... T T

29 ตุลาคม 2010



หมดเวลาของแรงงานไทยในต่างแดนกันแล้ว!! ^__^


ระยะเวลาหลายปีที่เราได้มีโอกาสใช้ชีวิต อยู่ กิน เที่ยว เล่น และเรียนรู้

กับหลากหลายประสบการณ์ใหม่ ๆ ในดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิด

หลายสิ่งที่คงไม่มีโอกาสได้ทำหากยังอยู่ในเมืองไทย

ก็มีโอกาสได้ทำ ได้เรียนรู้ ได้ฝึกฝน ที่นี่



จากกันคราวนี้ ไม่รู้จะมีโอกาสกลับมาอีกมั้ย

จะว่าไป ที่นี่ เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพัน และเรื่องราวมากมาย

เสียงหัวเราะและน้ำตา ระหว่างเรา

รวมถึงมิตรภาพของเพื่อน


ช่วงแรกที่ตัดสินใจกันแล้วว่าจะกลับ

ตื่นเต้น ดีใจ นับวันรอ

ยิ่งใกล้วันที่จะกลับ ทุกสิ่งอย่างดูยุ่ง ๆ วุ่น ๆ

วันเวลาที่น้อยลง แต่ยังมีหลายสิ่งต้องสะสางและจัดการ


ข้าวของเครื่องใช้มากมายตามระยะเวลาที่อยู่

ทยอยแพ็คข้าวของที่จะเอากลับไทย

บางส่วนก็ขาย ทิ้ง แจก

สิริรวมแล้ว นับได้ 34 ลัง ( ส่วนใหญ่หนักไปทางของเล่น ของสะสมของพี่อ้อ )



ใกล้วันกลับ เริ่มใจหาย

แม่อุ๊นี่ไม่ต้องพูดถึง ร้องไห้เป็นผีบ้าตั้งแต่ตอนที่บอกไปว่าจะกลับ

ยิ่งช่วงนี้ กำลังมีน้องของก้นดำอยู่ในท้อง ยิ่งอ่อนไหวง่ายดาย

ณ วันที่อัพนี่ อายุครรภ์น่าจะร่วม 4 ถึง 5 เดือนได้แล้ว



สิ่งนึงที่รู้สึกเสียดายเมื่อต้องจากมาคือ

ไม่ได้มีโอกาสอยู่ดูการเจริญเติบโตของหนูน้อยคนที่สองของแม่อุ๊



4.30 PM

หกสาวพร้อมเพรียงกันอยู่ที่ Airport

บรรยากาศดูอั้น ๆ

แต่ละคนพยายามกลบเกลื่อนความอ่อนไหวของตนเอง

เกรงว่าหากน้ำตาไหลโดยพร้อมเพรียงกัน อาจจะเกิดอุทกภัยขึ้นที่นี่ได้




















มินดี้และก้นดำ ผู้ซึ่งยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็ลั๊นลาไปตามประสา

เราพยายามอธิบายให้ก้นดำฟัง ถึงการจากกันในครั้งนี้

ชีก็รับฟังแต่คงไม่เข้าใจ

ได้แต่พร่ำเพ้อว่า "ซื้อบัตเตอร์ฟลายมาด้วยนะ"















































ถ่ายได้ไม่กี่รูป ก็ไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนขายน้ำซะงั้น



































































































































ตอนนี้ ก็ได้แต่ภาวนา ขอให้พวกเรา ได้มีโอกาสเจอกันอีกที่เมืองไทย

ขอให้ทั้งแม่อุ๊ ก้นดำ และสมาชิกใหม่ ได้กลับเมืองไทยทุกปี

( กลับทีก็จนกันไปเลยง่ะ )

แล้วก็แม่มิ้นท์ที่บอกว่า จะพามินดี้กลับไทยตอนสองขวบด้วย

เราจะได้มีช่วงเวลาที่น่าจดจำร่วมกัน.. อีกครั้ง



Thank you.. my beloved

Thank you.. our best sister

Thank you.. our kids

Thank you.. Australia


Lots of love

We will miss you all


See ya in Thailand

























พี่อ้อเห็นข่าวความเห่อของใหม่ของคนไทย เลยสอยโดนัทจาก Airport

ซึ่งร้านโคตรเงียบเหงาจนเกือบเจ๊ง ไปฝากครอบครัวสักหน่อย

จะได้ไม่ตกเทรน ^^