วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

--- ผื่น ---


ช่วงนี้อากาศเริ่มอุณหภูมิลดลงเรื่อย ๆ
อากาศหนาว เปลืองไฟ


พี่อ้อขี้หนาว เปิดฮีทเตอร์ที่นอน แทบทุกคืน
แถมต้องเปิดเบอร์ 2 อีกตะหาก ตื่นมาสุกพอดี


ดีนะที่มีกันคนละตัว ไม่งั้นอาจมีปัญหา
ต้องแยกเตียง แย่เลย





อากาศเย็น มาพร้อมกับร่างกายที่เปลี่ยนไป
เป็นมันได้ทุกปี ปีก่อนโผล่มาที่บ่าก่อน แล้วค่อยลามไปที่หลัง ที่ตัวและขา ค่อย ๆ โผล่มาตามอุณหภูมิที่ลดลงเรื่อย ๆ

แถมมาเป็นช่วงเวลา โดยเฉพาะก่อนนอน
มาเป็นปื้น ๆ แดง ๆ คล้าย ๆ ลมพิษ คันสุดฤทธิ์สุดเดช ยิ่งเกาก็ยิ่งแผ่ขยายรัศมีวงกว้างไปเรื่อยๆ
ไปยันคอ ยันหน้ากันเลยเชียว





แรก ๆ คิดว่าที่นอนสกปรกมีไรฝุ่น เปลี่ยนใหม่สะอาดหมดจด
เอ๊ะ ก็ยังเป็นอยู่

หรือตัวเราไม่สะอาดพอ
หนาวก็หนาว ก็ต้องอาบน้ำอย่างพิถีพิถัน

เอ๊ะ ก็ยังเป็นอยู่ แถมเป็นหนักกว่าเดิม
กลายเป็นว่า ยิ่งฟอกสบู่ ผิวยิ่งแห้ง ปื้นๆยิ่งขึ้น แถมคันหนักเข้าไปอีก


เคยเป็นทั่วหลัง แดงปื้นเป็นแผนที่ออสเตรเลียเลย
พี่อ้อบอก เห่อได้น่ากลัวมากเลยอ่ะ

หนักเข้า ก็เลิกหาสาเหตุ ช่างมันละกัน ขึ้นมาก็เกากันไป คันกันไป
เกาเองไม่ไหว ก็อ้อนให้คนข้าง ๆ เกาให้ด้วย พี่อ้อก็ใจดี กลัวเกาแล้วจะเป็นแผล เลยใช้วิธีลูบ ๆ เอา
โอ้โห ดาร์ลิ้ง เค้าจะหายคันมั้ยนี่


พออากาศหนาวได้ที่ มันก็หายไปเฉย ๆ ซะอย่างงั้น เหมือนโอเค ชั้นมาแค่นี้แหล่ะ พอใจแร่ะ ไปแร่ะนะ


ปีถัดมาเอาอีกแล้ว แบบเดิมแป๊ะ

ปีแรกstart ที่หลัง แถว ๆ เอวก่อน

ปีถัดมาเป็นที่บ่า

ปีนี้ มันมาแร้วววววว
โผล่มาที่ท้ายทอยค๊า




มีอยู่ปีนึง พี่อ้อเซอร์ไพรส์ต้าด้วยตุ๊กตาหมีตัวใหญ่บะเริ่มเทิ่ม จาก Toy r us ซื้อใส่รถแท็กซี่มาแอบไว้ในตู้เสื้อผ้า


คืนแรก พอเอามันไปไว้บนเตียงด้วย ตื่นมาคันคะเยอ ผื่นขึ้น โทษพี่หมีก่อนเลย เดากันไปว่าคงแพ้ฝุ่นที่อยู่ในตัวพี่หมี


เดือดร้อนคนให้ค่ะ พี่อ้อต้องแบกพี่หมีซึ่งตัวใหญ่พอๆกันกะพี่อ้อนั่นละ เดินแบกไปร้านซักแห้ง ใส่ถุงก็ไม่ได้ เพราะไม่มีถุงใหญ่พอ อุ้มกันไปแบบนั้นล่ะ


แล้วพีอ้อก็ต้องแบกพี่หมีกลับมาอีก เพราะที่ร้าน ไม่มีเครื่องซัก ที่ใหญ่พอจะใส่มันได้




สรุปคือ ไม่ได้ซัก

เอากลับมาแล้วทิ้งพี่หมีไว้ที่โซฟาแทน



สองสามวันผ่านไป ผื่นหาย

กลับไปลองสัมผัสพี่หมีดูใหม่

เอ๊ะ ไม่เป็นไร



ลองกอดก่ายกันดูสิ

เอ๊ะ ผื่นไม่ขึ้นนี่



อ๊าววว ไม่ได้เป็นเพราะพี่หมีนี่นา
เกือบกลายเป็นแพะไปซะแร่ะ





ตอนอุ๊กลับไทย ฝากให้เอาคาลามายด์มาให้ขวดนึง
เพราะรู้ว่าได้ใช้แน่ ๆ
แล้วก็ได้ใช้จริง ๆ


ต้า: พี่อ้อ คันอ่ะ ทาคาลามายด์ให้หน่อย
หยิบขวดคาลามายด์พร้อมคัตเติ้ลบัดมาส่งให้

พี่อ้อก็ละเลงคาลามายด์ไปที่ท้ายทอย


ต้า: อึ๋ยยยย เย็นอ่ะ

พี่อ้อ: มีตรงไหนอีกป่าว


ต้า: ข้างๆหูนี่ มีป่าว

พี่อ้อ: ( ทา ๆ แถวข้างหู ) มีตรงไหนอีกป่าว


ต้า: แถว ๆ เอวมีป่าว คันนิดๆ

พี่อ้อ: (ทา ๆ แถว ๆ เอว) มีตรงไหนอีกป่าว


ต้า: หมดแล้วมั้ง จะให้มีตรงไหนอีกอ่ะ



พี่อ้อ: นม!!

!!!!!!!








....



คุณ Chelsea
ปกติพวก herb บางอย่าง นอกจากร้านไทยแล้ว
หาซื้อได้จากร้านเวียดนามค่ะ
วัฒนธรรมการกินคล้าย ๆ กัน
ร้านจีนจะไม่ค่อยมีขายผักประเภทนี้สักเท่าไหร่




คุณตั๊ก
เห็นจากรูปแล้วเชื่อเลยเหรอค่ะ
แล้วคุณตั๊กจะไม่ลองทำให้คุณนกหม่ำหน่อยเร้อ




คุณ Natjaoka
เผอิญมั่วเก่งค่ะ หุ หุ




คุณว ดี
ไม่เชิงพรสวรรค์หรอกคุณเหมี่ยว
สมัยอยู่บ้าน ไม่เคยทำกับข้าวเองเลย
แม่ทำตลอด เพราะแม่ทำอร่อย
แค่ช่วยปอกหอม ปอกกระเทียม หั่นผัก แม่ก็ปลื้มจะแย่
แต่พอมาอยู่นี่ ได้มาทำตอนอยู่ร้านไทย
ทำเพราะต้องทำค่ะ มันคืองาน
แต่ตอนนี้ทำเพราะซื้อกินทุกมื้อไม่ไหวค่ะ
ทำเองประหยัดกว่า ได้เยอะกว่า สะอาดกว่า
แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวัน บางทีก็ขี้เกียจ
ออกไปกินนอกบ้านกันก็บ่อย
ที่สำคัญพี่อ้อเคยเปรย ๆ ไว้สมัยแรก ๆว่า
"ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนเนี่ย มันดูมีเสน่ห์รู้ป่าว"





คุณ 24: จุดเริ่มต้นฯ
อยากกิน
แต่ไม่อยากทำ
ยังงี้ก็....อดกินสิค๊า
จะไม่ลองทำให้หวานใจกินหน่อยเหรอค่ะ




คุณกี้
อังกฤษคนไทยเพียบบบบบเลยคุณกี้
ไม่มีร้านไทยที่ขายของพวกนี้เหรอค่ะ
ที่นี่พืชผักบางอย่าง หาได้สบายตามซุปเปอร์ใหญ่ ๆ
ฝรั่งมันก็กินพวกขิง ตะไคร้ เหมือนกันน๊า
แต่ที่หายากนิดนึงก็พวกเม็ดพริกไทยอ่อน ข่า
ผักชีฝรั่ง อะไรพวกนี้อ่ะคะ
โชคดีมีร้านไทยอยู่ร้านนึงขายครบเลย
ราคาพอรับไหวค่ะ อย่างตะไคร้ต้นนึงก็ 1-2 ดอลล์
มะกรูดประมาณ 10 ใบก็ประมาณดอลล์นึง
ปลาทอดฯจานนี้ ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10 ดอลล์
แต่ถ้าไปกินตามร้านนี่ ต้าว่าไม่ได้ราคานี้แน่ ๆ ค่ะ




เพื่อนเป็ด
แหม ๆๆ ยังไม่ได้ชิมเลย รู้ได้ไงว่าอร่อย
แน่จริงก็ตามมากินซี๊




ไม่ระบุชื่อ
เก่งจริงเพื่อนฉัน..
ทำกับข้าวเป็นแม่บ้านเลย
อืมม์...ไม่น่าเชื่อ


แหม ๆ เค้าก็มีฝีมืออยู่บ้างน๊า
ว่าแต่... เพื่อนค่ะ
แสดงตัวนิดนึงจิ
ใครเนี่ย??




คุณ wawine
หัดทำแล้ว ได้ผลออกมาเป็นยังไง
อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ




tonaor phuket
ต๊าย คุณเพื่อน
กิ๊กมีเป็นร้อย บอกไม่มีใครทำให้ทาน




jerrie
โหะ โหะ
เปิดร้านคงเจ๊งอ่ะคะ หรือไม่ก็ต้องจ้างแม่ครัว
เพราะต้าแอบมีความเป็นศิลปินนิดนึง
คือจะทำต่อเมื่อมีอารมณ์อยากทำ
ถ้าวันไหนไม่อยากทำ ก็จะบอกพี่อ้อเลย
ว่าวันนี้ขี้เกียจ ไม่ทำ มาม่าโลด

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ปลาทอดยำสมุนไพร



หลายวันก่อน








พี่อ้อ: เสาร์นี้ไปไหนป่าวอุ๊ มากินข้าวที่บ้านพี่ป่าว




อุ๊: ได้เลยพี่ ทำไรกินกันดี





พี่อ้อ: ยำวุ้นเส้น อย่างนึง แล้วอะไรอีกดี





อุ๊: งั้นเด๋วอุ๊ทำไปอีกอย่างนะพี่ นึกออกแล้วเด๋วโทรไปบอกอีกที







หลายชั่วโมงผ่านไป






พี่อ้อ: ได้อีกเมนูแล้วนะ พี่จะทำ




ปลาทอดยำสมุนไพร พอดีเปิดเจอในหนังสือ "ครัว" หน้าตาน่ากินดี อุ๊ก็ทำอะไรมาให้กีตาร์อีกอย่างละกัน



อุ๊: โอเช ได้พี่ แล้วเจอกัน







" พี่จะทำ ปลาทอดยำสมุนไพร "






นั่นหมายความว่า ว่า ว่า ว่า





พี่อ้ออยากกิน
และ...






ต้าคือคนทำ






ไม่มีการถามไถ่กันสักนิ๊ดดดดด




ว่าทำเป็นมั้ย



อยากกินมั้ย


( เหตุผลคือ พี่รู้ว่าต้ากินได้ทุกอย่าง ต้าเป็นคนกินง่ายยย )



..


..



เช้าวันเสาร์ พี่อ้อมีงานตอนเช้า
ต้าไปจ่ายตลาด ซื้อพืช ผัก และส่วนผสมตามที่หนังสือบอก กลับมาก็ล้าง หั่น เตรียมทุกอย่างไว้ รอเวลาอาหารเย็น





เปิดตำรากางไว้ อ่านแล้วก็เริ่มทำ





แต่เป็นคนประเภทไม่ชอบทำตามสูตร ไม่มีที่ตวง ใช้กะๆเอา
แล้วอีกอย่าง ปริมาณคนกินมากกว่าในตำรา ทุกอย่างเลยต้องเบิ้ลเข้าไป เลยยิ่งใส่ตามใจฉัน



ใส่ๆ แล้วชิมเอา





ปรากฏว่า เมนูนี้






ผ่านค๊า





รสชาติดีทีเดียว
พี่อ้อชอบหรือเปล่าไม่รู้




แต่ถูกใจคนทำมั่กๆ
เป็นเพราะมีสมุนไพรเยอะด้วย ชอบกินตะไคร้ ใบมะกรูด ขิง ผักชีไรพวกนี้





หลังจากได้ลิ้มลองเมนูใหม่จานนี้ ปรากฏว่า





อุ๊ว่าผ่าน
ส่วนพี่อ้อ ชมว่าอร่อยค๊า ^ ^






เก็บเป็นเมนูโปรดไว้ได้อีกอันนึง






เพื่อนๆคนไหนอยากลองทำไว้ให้คนใกล้ตัวหม่ำกันก็ลองดูนะคะ
หนุ่ม ๆ จะทำไว้เอาใจสาว ๆ
หรือสาวๆ จะทำไว้เซอร์ไพรส์หนุ่ม ก็ได้ค่ะ
ไม่ยากมากค่ะ อาจจะดูเหมือนส่วนผสมเยอะ แต่วิธีทำไม่ยุ่งยากเลย






สูตรที่ลงไว้นี่ ลอกมาจากหนังสือครัวนะคะ สำหรับ 2 คนทาน ถ้าใครอยากทำให้มากกว่านี้ก็เบิ้ล ๆเข้าไปค่ะ









ส่วนผสม

น้ำมันพืช 3 ถ้วย
เนื้อปลากะพง หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ 200 กรัม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ ครึ่งถ้วย
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปิ๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอย 1/4 ถ้วย
ขิงแก่หั่นลูกเต๋าเล็ก 1/4 ถ้วย
หอมแดงหั่นลูกเต๋าเล็ก 1/4 ถ้วย
พริกขี้หนูซอย 7 เม็ด
พริกไทยอ่อนแกะเป็นเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดซอย 3 ใบ
สะระแหน่เด็ดใบ 1/4 ถ้วย
ผักชีฝรั่งซอย 3 ช้อนโต๊ะ

.









วิธีทำ

1. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่เนื้อปลาลงคลุกเคล้ากับแป้งสาลีบาง ๆ ให้ทั่ว จึงใส่ลงทอดจนสุกเหลืองทั่ว ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน พักไว้
..









2. ผสมน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล เข้าด้วยกันในถ้วยใบใหญ่ คนให้เข้ากัน จนน้ำตาลละลาย ใส่ตะไคร้ ขิง หอมแดง พริกขี้หนู พริกไทยอ่อน และเนื้อปลาทอด
..





คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ใบมะกรูด สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง เคล้าพอทั่ว









3. ตักใส่จาน พร้อมเสริฟ์ค่ะ

รสชาติออกเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ค่ะ
แต่บ้านนี้ถนัดกินเปรี้ยว เลยเอาเปรี้ยวนำเข้าว่า
จะกินกับข้าวสวยก็อร่อย หรือกินเป็นกับแกล้มก็เริ่ดดดดดดดด





ถ่ายมา 2 ภาพตอนทำเสร็จแล้ว ทำให้เห็นความรู้สึกคนถ่ายค่ะ
ว่ารีบและรอไม่ไหวแร้วววว











ปล. ภาพในหนังสือดูดีและน่ากินกว่านี้มั่กๆ ค่ะ
แต่กล้องปัญญาอ่อน + คนถ่ายหิวโซ
จึงได้มาแค่นี้แล

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตอบเม้นท์ล้วนๆค๊า


Ducky

ขอบคุณเพื่อนจ้า รักษาสุขภาพเช่นกัน
แล้วหายปวดหัวรึยังนี่
ระวังลุงเอายาหมดอายุให้กินอีกเน้อ





คุณโอ๊ต

วันหลังลองพกลิปมันติดกระเป๋าไว้ค่ะ
พอลงจากรถปุ๊บ ควักออกมาทาปั๊บ
จะทำให้ดูเป็นสาวขึ้นได้ 30 %
เผื่อคุณ รปภ จะเปลี่ยนใจมาเทคแคร์ อิ อิ





Happy

อยากเห็นคุณต้าเป็นมาลิริน มอลโรล
เจ๊ค่ะ นี่ไม่ได้เม้นท์ด้วยความสับสนใช่ป่าว
ไม่ได้จำต้าเป็นพี่อ้อใช่ป่าว
เอ๊ะ หรือว่า..... จริงๆแล้ว

เจ๊อยากเห็น อ้อน้อยยยยย





Natjaoka

เรื่องก้นดำ ยังมีให้ขำอีกเยอะค่ะ ไว้จะมาเม้าท์ชีเรื่อยๆนะคะ






loveislove

คุณกี้ ต้าเขียนให้คุณกี้งงอ่ะป่าวเนี่ย
หมวกใบนั้นเป็นของมาดามนางนึงนะคะ
ไม่ใช่ของต้า


เพราะฉะนั้น จะซักออกรึป่าวมะรู้ง่ะ
หรือมาดามอาจจะไม่ซัก เก็บไว้เป็นที่ระลึกน๊า





violet ladybird

วันนี้เพิ่งดูข่าว ช่วงนี้มีพายุเข้าค่ะ ที่บริสเบนนี่ถึงขั้นพัดเอารถยนต์ปลิวลงทะเลไปเลยค่ะ ตึกริมถนนนี่ กระจกหน้าต่างแตกหลายบานเลย
แต่ที่ซิดนีย์แค่เดินตัวปลิวววววว ไปตามลม



แหมๆๆๆ คุณตั๊กนี่ ไม่พลาดเรื่องความงามจริงๆ ขั้นเทพเลยนะคะนี่

สินค้าที่คุณตั๊กถาม เคยลองใช้กันมาแล้วถ้วนทั่วค่ะ ใช้หลายขนานอีกตะหาก
เริ่มจากแม่ก้นดำ น้องอุ๊นั่นละคะ เค้ามาเป่าหู คือชีเป็นประเภท
เรื่องสวยๆงามๆขอนำเสนอเช่นกัน น้องเค้าก็แวะเวียนที่จีบันอยู่บ่อยๆ

เริ่มจากคอลลาเจนก่อนเลยค่ะ เป็นแคปซูลสีเลือดหมู ใช้ทาน
น้องเค้าว่าทานแล้วจะใสเด้ง
เราก็เลยสนใจ โทรนัดน้องคนขาย เป็นน้องสาวประเภทสอง หน้าใสเด้งมาเลย
เราก็เลยคิดว่า ถ้าคนขายหน้าเด้ง สินค้าก็น่าจะพอเชื่อถือได้
น้องเค้าก็พรีเซนต์สินค้าสุดชีวิตค่ะ ตัวนู้นก็ดี ตัวนี้ก็ดี แต่ชอบตรงที่
เค้าไม่ได้บังคับซื้อ แล้วแต่ลูกค้า เม้าท์กันถูกคอ เม้าท์ไปเม้าท์มา
ได้สินค้ามาเพียบค่ะ ยิ่งซื้อเยอะก็จะยิ่งได้ลดเยอะ แร้วมีของแถมด้วย 555
คอลลาเจนคนละกล่องกะพี่อ้อ กล่องนึงมี 4 แผง แผงละ 10 เม็ด
( แอบเม้าท์พี่อ้อ รายนี้ก็ห่วงเรื่องผิวหน้าสุดชีวิต อยากกระชากความใส
ให้อยู่คงทนไปยันแก่ แต่ไอ้ครั้นจะใช้ลาแมร์เช้าเย็นก็ไม่ไหว เลยอาศัย
ครีมพวกนี้ทาตอนกลางคืนแทน )

NC โบทอกซ์ คนละกล่อง กล่องนึงมี 5 ขวดเล็กๆ
ราคากล่องนึงประมาณ 45-50 ดอลล์

NC วิตามินซี อีกคนละกล่อง มี5ขวดเล็กๆเช่นกัน
ราคาใกล้เคียงกัน

ยังมีคอลลาเจนแบบทาอีกนะคะ สินค้าเค้าเยอะค่ะ มีไนท์ครีม เดย์ครีม อายครีม นู้นนี่อีกเพียบ
น้องคนขายเค้าบอกว่า ที่เมืองไทยขายแพงเป็นเท่าตัว แค่ขวดเล็กๆ ขวดเดียวขายกันเป็นพัน
(ไม่รู้น้องโม้เปล่า) น้องคนขายยังเม้าท์ต่อว่า บางคลีนิคใช้เซรั่มพวกนี้ฉีดให้เลยก็มี จะได้เห็นผลเร็ว ๆ
แรกๆที่ลองใช้ตัวโบทอกซ์ หน้าก็ตึงๆดีค่ะ รู้สึกกระชับขึ้นเล็กน้อย ( พยายามไม่คิดไปเอง )

ส่วนวิตามินซี กะคอลลาเจน รู้สึกเฉยๆ ไม่รู้ว่ามันต้องใช้ติดต่อกันไปนานๆหรือเปล่า
ต้ากะพี่อ้อ เอามาลองใช้กันคนละ 2-3 กล่องแล้วก็หยุด ( บ้ากันแค่ช่วงแรก )
คิดเอาว่า หากใช้กับคนที่หน้าค่อนข้างมีปัญหาชัดเจน อาจจะเห็นผลชัดกว่านี้ก็เป็นได้
คือปกติหน้าก็ไม่ได้เลวร้ายมากอ่ะคะ แต่ก็ยังอยากสวยใส
เลยหาเรื่องเสียทรัพย์มาบำรุงต่อมกิเลสกันนิดนึง

อ๋อ... มีเซรั่มทองอยู่ตัวนึงค่ะ ใช้ไปได้ไม่เท่าไหร่ พี่อ้อทักว่าหน้าใสขึ้น เนียนขึ้น
แล้วก็มีเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอกันทักเหมือนกัน
พอใช้บรรดาผลิตภัณท์ของ NC หมดปุ๊บ ตอนนี้เลยกลับมาใช้เซรั่มทองอีกรอบ
เป็นของ Lanopearl ค่ะ รู้สึกบ้านเราจะมีขายแล้วมั้งค่ะ แต่ไม่รู้ราคา

ที่นี่ขายหลอดละ 20-25 ดอลล์ค่ะ แล้วแต่ร้านและความสามารถในการต่อรอง
หลอดนึงก็ใช้ได้นานอยู่

ตอนนี้ต้าก็เลยใช้เซรั่มทองตัวนี้ กะ เซรั่มของ Kose สลับกัน เช้า-เย็น
พล่ามมาซะเยอะ ตกลงได้ตอบคำถามคุณตั๊กไปอ่ะยังหว่า ( เริ่มงงๆ )
สนใจยังไงถามเพิ่มได้นะคะคุณตั๊ก หรือจะเมล์มาคุยก็ได้คะ
เรื่องความงามนี่ต้องแบ่งปัน จะได้สวยกันถ้วนทั่ว



วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

~ Windy ~






สมัยจีบกันใหม่ๆ คุยกันผ่านทางโทรศัพท์ มักจะได้ยินเสียงหวื่อๆเวลาคุย

"เสียงอะไรอ่ะคะพี่อ้อ"

"เสียงลมค่ะ"

"ทำไมมันดังขนาดนั้นอ่ะ"
"นี่พี่นั่งอยู่หน้าพัดลมป่ะคะเนี่ย"

"ป่าวค่ะ ที่นี่ลมแรงมากจริงๆ"



แอบคิดในใจ เอ๊ะ หรือว่าพี่อ้อกำลังนั่งมอไซด์วินอยู่แถวบางกะปินี่แหล่ะ แล้วอ้างว่าอยู่ออสฯ




มาเจอกับตัวเองถึงรู้ว่า





ที่นี่.... ลมแรงมากจริงๆๆๆๆ



แต่ก็ไม่ได้แรงทุกวัน ทุกเวลา
เป็นแค่บางวัน บางช่วง





แรงขนาดที่ทำให้ร่มหัก เสาเอียง ต้นไม้พังได้





วันไหนอยากใส่กระโปรง ต้องดูลมฟ้าอากาศกันนิดนึง จะใส่สุ่มสี่สุ่มห้านี่เข้าขั้นชีวิตพังกันเลย อาจจะต้องโชว์ตูด กลายเป็นมาริลีน มอนโร กันได้ง่ายๆ





บางวันเซตผมอย่างดี กะออกไปเดินเล่นทำสวย
เจอลมที่นี่ไปที ลืมทรงที่ทำมาเลย





เคยยืนรอข้ามถนนอยู่มุมตึก ฝนตก ลมแรง (ใช้มุมตึกหลบลม หลบฝน)
พอไฟของคนข้ามเขียวปุ๊บ วิ่งค่ะ พยายามวิ่ง แต่มันย้ำอยู่กับที่ เดินไปสามก้าว เซกลับมาก้าวนึง
อารมณ์เหมือนภาพประกอบหนังชีวิต ที่ต้องผจญวิบากกรรมประมาณนั้นกันเลยทีเดียว





วันไหนที่มีลมแรงแล้วแถมฝนตก จะได้เห็นร่มพังๆ ทิ้งอยู่ตามถังขยะข้างทางเพียบ






มีอยู่วันนึง ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถเมล์




เห็นมาดามนางนึงใส่หมวกปีกกว้างสีขาวสวย ดูมีสกุลรุนชาติ เดินเริ่ดเชิดสวย หิ้วกระเป๋า เฉิดฉายอยู่ตรงฟุตบาธ






จู่ๆก็มีลมกรรโชกแรงมาวูบใหญ่






หมวกใบสวยของชีเกิดปลิวไปตามลม แล้วก็หล่นปุ๊ลงบนพื้น แต่มันยังไม่หยุดเท่านั้น มันมีท่าทีจะปลิวต่อไปตามแรงลมอีก







ในระหว่างนั้น มีผู้ชายวัยฉกรรจ์สองคน เดินผ่านมา






ต่างคนต่างมา มากันคนละทาง และกำลังจะเดินสวนกัน






ทั้งสองคงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะหมวก





ต่างพร้อมใจที่จะช่วยรักษาหมวกใบสวยให้มาดาม





โดยการตรงรี่เข้าไปที่หมวกพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย





และเอาส้นตรีนเหยียบลงไปที่ปีกหมวกคนละข้าง







มาดามเดินตามไปเก็บหมวกขึ้นมาแนบอก
.
.
.
.



ชายหนุ่มนิรนาม2 คนนั้นได้จากไปแล้ว
.
.
.
.
.


ทิ้งไว้เพียงรอยบาทาบนปีกหมวกให้มาดามได้ระลึกถึง
v
v
v
v
v


ซักก็คงออกมั้งมาดาม ...



ดีกว่าให้มันปลิวหายไปกะสายลมล่ะเนอะ






ถึง.... ป้าๆ น้าๆ ที่รักยิ่ง



ขอบพระคุณนะค๊าที่เป็นห่วงหนู
ตะหมูกหนูยังคงใช้งานได้ดี
หายใจฟืดๆ ได้ตามปกติ
หนูเป็นเด็กซาดิสม์ค่ะ ชอบความรุนแรง





อันที่จริงตอนนี้หนูก็ว่าหนูสวยที่สุดในบ้านแล้ว
แต่หนูเห็นสาวเกาหลีเค้าฮิตทำศัลยกรรมหน้าใหม่กัน
หนูเลยกะว่าจะเอาหน้าบ้าน ๆของหนู
ไปฟาดกะป้ายรถเมล์ เสาไฟฟ้า บันไดบ้าน ฯลฯ
อีกสักสองสามที เผื่อว่าแม่อุ๊ของหนู จะยอมลงทุนควักกระเป๋า
ให้หนูทำสวยแบ๋วๆแบบ wonder girls ดูบ้าง




จะว่าไป เจ็บตัวนี่ก็ดีนะคะ ทั้งป้า ทั้งแม่ ตามใจหนูกันน่าดูเล๊ย
อุ อุ...




จาก ก้นดำ ^ ^

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อดดู


เสาร์ที่ผ่านมา เรามีนัดกับอุ๊และก้นดำ เพื่อจะไปดูโชว์เจ็ตสกีกันที่ Darling Harbour เป็นงานครบรอบ 21 ปี มีโชว์ มีดนตรีกลางน้ำ งานเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 3ไปจนถึงสิ้นเดือน

Darling Harbour เป็นอ่าวขนาดใหญ่ มีเรือยอร์ช เรือท่องเที่ยว เรือดินเนอร์ของโรงแรมต่างๆ จอดกันเรียงราย มีร้านค้า ร้านอาหาร ผับ ฯลฯ ถือเป็นจุดชมวิวอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวมิควรพลาด โดยเฉพาะคู่รัก เพราะบรรยากาศมันโรแม๊นซ์อยู่
..
..
..
..
..

นัดเจอกันที่ห้องเรา เพื่อหม่ำมื้อเย็นก่อนไป

วันนี้อุ๊เตรียมข้าวกะผัดผัก English spanish (ผักโขมนั่นล่ะ) สำหรับก้นดำ แล้วก็มีน่องไก่กะตรีนไก่ทอดมาให้เราแทะเล่นหลายตรีนอยู่

เมนูของพี่อ้อวันนี้ ยำวุ้นเส้น ( อีกแล้ว ) ส่วนเราก็มีขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ที่เหลือจากวันก่อน พอตั้งโต๊ะปุ๊บ ก้นดำเห็นขนมจีนของป้าต้าปั๊บ ชีไม่สนใจข้าวของชีแร้ว ร้องจะกินเส้นๆ เลยแบ่งเส้นขนมจีนให้ชีกินกะผัดผักและน่องไก่

กินไปได้ไม่เท่าไหร่ ชีก็หยิบตีนไก่ทอดขึ้นมาแล้วพูดว่า
"มือ มือ"

ไม่อยากแก้ให้ ปล่อยให้ชีเรียกมือไปจะดีกว่าเรียก ตีนไก่ เกิดชีสับสน จับมือป้าแล้วเรียกตีนจะยุ่งไปกันใหญ่

แล้วชีก็แทะตีนไก่อย่างเมามัน ไม่สนใจเมนูหลักของชีอีกเลย

ด้วยความที่อุ๊ทอดไว้ตั้งแต่กลางวัน กว่าจะมาถึงเราก็เลยค่อนข้างเหนียว ไม่ค่อยกรอบแล้ว ออกแนวไก่แก่นิดนึง ก้นดำชีเลยแทะเองลำบาก จัดการส่งตีนยื่นใส่หน้าป้าอ้อ ให้แทะให้

ป้าอ้อก็คอยฉีกตีนไก่ทอดเหนียวๆ ด้วยมือและปากส่งให้ชีกิน ทั้งที่ป้าอ้อไม่ชอบกิน

เบ็ดเสร็จมื้อนี้ ชีจัดการตีนไก่ไปร่วม 5อัน

กินเสร็จก็เตรียมตัว ข้างนอกลมแรง อากาศหนาวๆๆๆ คนพร้อม เสื้อกันหนาวพร้อม กล้องพร้อม ออกเดินทางได้ เดินไปเรื่อยๆผ่านหน้า Hype Park ผ่านใจกลางเมือง ไปจนถึง Darling Harbour
กำหนดการของโชว์จะเริ่มตอนทุ่มครึ่ง เป็นโชว์ขี่เจ็ตสกีพร้อมกับจุดพลุไปด้วย ระยะเวลาโชว์ประมาณ 15 นาที เราเดินไปถึงกันตอนเกือบทุ่ม เลยแวะเข้าไปเดินในโซนพลาซ่า คล้ายๆแหล่งชอปปิ้งเล็กๆ มีแค่ 2ชั้น ด้วยพี่อ้อมีจุดมุ่งหมายจะไปสอยจัมเปอร์สีฟ้าที่เล็งไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน

ระหว่างที่เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง พอถึงชั้นสอง ก้นดำชีก็เดินไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองทาง ไม่รู้มัวแต่หันหลังมองบันไดหรือยังไงมิทราบได้ เดินไปหันมองด้านหลังไป พอหันหน้ากลับมาอีกที ชีเลยเสยตู๊มเข้ากะเสาต้นบะเริ้มเทิ่ม



ปกติชีเป็นเด็กอดทน ไม่ว่าจะล้มหัวฟาด ชีก็ไม่ค่อยร้อง อย่างมากก็แค่แอะเดียว





พอจูบกะเสาไปแล้ว ชีคงเจ็บมากอยู่ หน้าเริ่มแบะ เสียงเริ่มมา ป้าอ้อที่อยู่ใกล้สุด เลยรีบคว้าชีขึ้นมาอุ้มไว้แล้วโอ๋ อุ๊เห็นชีเริ่มร้องไห้เลยเข้าไปอุ้มแทน พอชีเงยหน้าขึ้นมาอีกที ป้าต้าแทบหัวใจวาย










เลือดสีแดงแปร๊ดไหลย้อยออกมาจากจมูกน้อยๆข้างนึงของชี ทีนี้สามคนเลยอลหม่านกันใหญ่ นั่งลงมันกลางห้าง ป้าอ้อถอดเอาผ้าพันคอมาให้ซับเลือด (แมนโคดๆ)





ก้นดำไม่ร้อง แต่ชีคงตกใจนิดหน่อยที่เห็นเลือดตัวเอง ป้าอ้อบอกว่าต้องทำให้เลือดหยุดไหลก่อน โดยการใช้น้ำแข็งมาประคบไว้ อุ๊เลยรีบวิ่งไปหาซื้อน้ำแข็งจากร้านชั้นล่าง






คนผ่านไปมา เริ่มสนใจมอง เด็กน้อยตูดดำเลือดไหลไม่หยุด มีหนุ่มหัวทองคนนึงเดินมายื่นกระดาษทิชชูให้ 2 แผ่น เลยได้ใช้ซับแทนผ้าพันคอ





ก่อนที่จะกลายเป็นฝรั่งมุง เราเลยอุ้มก้นดำไปนั่งหลบอยู่ตรงหลืบๆแทน อุ้มให้ชีนอนบนตักแล้วจับหน้าชีเงยไว้ ใช้ทิชชูอุดจมูกข้างนึง ระหว่างนั้นก็ชวนชีคุยไปเรื่อย




"กีต้าร์ นี่ๆ อะไรอยู่บนเพดานนู้น ดูสิ มีดาวป่าว" (หลอกล่อให้ชีไม่ก้มหน้า)


"หูย ดูสิ ในรูเพดานนั่นมีตัวอะไรน๊า กีต้ารเห็นมั้ยลูก"
"เห็น" (ยังอุตส่าห์ให้ความร่วมมือ)



"โหย กีต้าร์ดูสิ ร้านนี้มีขายตุ๊กตาม้าด้วย มีหมีด้วย โหย ตัวอะไรเต็มไปหมดเลย"
"นี่ๆ มีเป็ดด้วย เป็ดร้องยังไงน๊า"
"แคว๊ก แคว๊ก"
"โอ้โห กีต้าร์เก่งจังเลย"





แล้วอุ๊ก็วิ่งมาพร้อมกับน้ำแข็งแห้งแก้วนึง
ด้วยความเย็นชีมีขัดขืนเล็กน้อย
(ชีทำหน้างงๆเหมือนอยากจะถามว่า เอาน้ำแข็งมาแปะหมูกชั้นทำไมฟ่ะ)


อุ๊เลยหลอกล่อด้วยการให้ชีอมน้ำแข็งไปด้วยอีกก้อนนึง

ได้ผล เลือดหยุดไหลแล้ว แต่หน้าชีอย่างกรัง คราบเลือดเพียบ เลอะไปจนถึงเสื้อตัวสวยที่ป้าขวัญจัดให้ชีจาก เมืองไทย


แม่อุ๊เห็นลูกเจ็บตัว เลยปลอบขวัญชีด้วยการตามใจ พาแวะร้านของเล่น ให้ชีเลือกตามสบาย
"เต็มที่เลยลูก อยากได้อันไหน หยิบโลด"



ออกจากร้านชีได้กระเป๋าสะพายดอร่าสีชมพูสดใสมาหนึ่งใบ
เดินไปอีกนิด ชีอยากได้สติ๊กเกอร์ A-Z แม่อุ๊ตามใจชีอีกรอบ
สติ๊กเกอร์แผ่นเดียว 3ดอลล์ (นี่ถ้าซื้อในร้าน smart dollar แถวบ้านได้เป็นเล่มเลยนะนี่)


ระหว่างซื้อสติ๊กเกอร์ ป้าอ้อก็จัดการไปลองเสื้อ และสอยมาไว้ในครอบครองเรียบร้อย





เสร็จแล้วก็เดินลงไปชั้นล่าง ผ่านหน้าแมคฯ ชีอยากกินเฟรนฟรายส์ แม่อุ๊ตามใจชีอีกรอบ
อุ๊: เห็นว่าเจ็บตัวนะนี่เลยตามใจ


ระหว่างไปซื้อเฟรนฟรายส์ ป้าต้าได้ยินเสียงพลุ
เอ๊า นี่มันทุ่มครึ่ง เค้าเริ่มโชว์แล้วนี่ เลยบอกให้ป้าอ้อเฝ้าของและรออุ๊ ส่วนเราเอาก้นดำขี่หลังแล้ววิ่งไปดูพลุ





ไปถึงหน้าประตูห้าง ชีร้องกรี๊ดๆ ไม่ได้ชอบค๊า
แต่ชีกลัว
ชีกลัวอะไรที่มันมีเสียงดังๆ เช่น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ไดร์เป่าผม





เราก็พยายามโน้มน้ามชีสุดชีวิต (ก็ป้าอยากดู)




" โห นู้นๆกีต้าร์ พลุส๊วย สวย หนูดูสิ โหยย เต็มเลยนี่ "

No ooooooooooooooooo

"กลัวๆๆๆ "
พร้อมทั้งกระชากคอเสื้อ+ผม ป้ามัน เอียงตัวหนีจนแทบจะตกจากหลัง


ท้ายที่สุดเลยต้องพาชีกลับเข้ามาในห้าง


"จี่ จี่" โอ้ววว กลัวจนปวดฉี่เลยเหรอนี่

อุ๊มาพอดี อุ๊พาชีไปฉี่

ป้าต้านั่งเฝ้าของ

ป้าอ้อ วิ่งปรู๊ดไปดูพลุ

กว่าอุ๊จะพาชีกลับมา

โชว์จบพอดี

หมดกัน..

อดดู...





ขากลับกะให้ชีเดินชนอีกสักรอบ เลือดมันจะได้ออกสองข้างเท่าๆกัน


...







ปล. พัชจ๊ะ แม่ก้นดำฝากแท้งกิ้วมั่กๆสำหรับผ้าพันคอผืนสวยของก้นดำ
พี่เปิดรูปผ้าพันคอให้ชีดู แล้วถามว่าสวยมั้ย
"สวย"


ชอบมั้ย
"ช๊อบ" (ยังคงเสียงสูงอยู่ ไม่รู้ทำไม)


นี่ๆ น้าคนนี้เค้าถักให้หนู เรียกน้าพัชสิ
"น้าพัก"!!

..






ปล. อีกครั้ง
ดีใจจังเลย
บล็อกหน้าที่แล้วทำให้เพื่อนผองอุ่นนนน กันถ้วนทั่ว ไว้จะมาแวะมาเติมความอุ่นให้อีกเรื่อยๆนะจ๊ะ


(^^,)








ไม่มีรูปโชว์ใดใดมาให้ดู ขอยกความผิดครั้งนี้ให้ก้นดำแต่เพียงผู้เดียว

..


..




..



..





..



..




..




..






........

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

~ อุ่น ~

Wed , May 13









เที่ยงห้านาที พี่อ้อโทรหาต้า


..



ต้า : ฮาโหล ว่าไงจ๊ะ
พี่อ้อ : ไม่มีไร แค่จะโทรมาบอกว่า
ต้มยำของดาร์ลิ้ง ขนาดกินตอนไม่ร้อนแล้ว

ยังอร่อยอยู่เล้ย
ต้า : เวอร์แร่ะ
พี่อ้อ : จริงจริ๊ง แหม ดาร์ลิ้งก็รู้ว่าเค้าไม่เคยโกหกอยู่แล้ว ถ้าไม่อร่อยก็จะบอกว่าไม่อร่อย





..





วางสายไปแล้ว ทำงานต่อ ทำไป ยิ้มไป

งั้นกินต้มยำติดกันสักห้าวันเลยดีมั้ยพี่อ้อ
..






อาทิตย์ก่อน หลังเลิกงาน

เรานัดเจอกันแถวbondi junction
เพื่อแวะซื้อของสดในซุปเปอร์ ก่อนกลับบ้าน


พี่อ้ออยากกินยำวุ้นเส้นอีกแล้ว กินติดกันมาร่วมอาทิตย์แร่ะ เป็นคนที่สามารถกินอาหารเดิมๆ ติดกันได้หลายๆ วัน


ตอนนี้ต้าทำยำวุ้นเส้นคล่องมั่กๆ จากเดิมที่ยำแล้ว รสชาติยังไม่ค่อยเด็ดสักเท่าไหร่ มาตอนนี้พี่อ้อชมว่า อร่อย ( ปลื้มค๊า )






ยำวุ้นเส้นของพี่อ้อ ต้องมีกุ้งแห้งทอดกรอบโรยหน้าด้วย ถึงจะถูกใจสุดๆ
มีแฟนเป็นคนตรง ถ้าทำแล้วไม่อร่อยก็ไม่มีการยอให้ได้ใจ ติกันไปจนอยากจะเอาหัวมุดsink
พอได้รับคำชมทีนึง ใจพองฟูกันเลยทีเดียว





..






ระหว่างที่นั่งรถเมล์กลับบ้าน


พี่อ้อ : ดาร์ลิ้ง เค้าชอบชีวิตแบบนี้จัง
ต้า : แบบไหนเหรอ
พี่อ้อ : ก็แบบที่เราเป็นอยู่นี่ไง เลิกงาน แวะซื้อของ กลับบ้านด้วยกัน ทำกับข้าวกินกัน นั่งดูหนังกัน
ต้าชอบมั้ย...






มันอาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาของใครหลายๆคน แต่ในช่วงเวลานึงมันเป็นเรื่องที่ไกลตัวเหลือเกินสำหรับเราทั้งคู่

ในช่วงเวลาที่เราอยู่ไกลกันมากมาย
ในช่วงเวลานึงของการคบกันที่เราต่างดำเนินชีวิตของแต่ละคนกันไปคนละเส้นทาง


หลายครั้งที่เราเดินซื้อของคนเดียวอยู่ในห้างฯ ซุปเปอร์ หรือที่ไหนก็แล้วแต่ สิ่งที่เราทำได้มากสุดแล้วในตอนนั้น คือการโทรศัพท์คุยกันไป เลือกของกันไป ช่วยเลือกของให้ได้ผ่านเสียงตามสาย





..



พอมาถึงวันนี้ สิ่งที่ดูธรรมดาอย่างแค่การเดินซื้อของใช้เข้าบ้านด้วยกัน เดินห้าง กินข้าว ไปดูหนัง มันเลยกลายเป็นความรู้สึกอบอุ่นที่ยิ่งใหญ่


ทุกครั้งที่เราเดินจับมืออยู่ด้วยกัน ในเมืองที่หนาวๆ เหงาๆ แบบนี้ มันเลยอุ่นใจ



..






มีอยู่วันนึงพี่อ้อบอกว่า " อยู่ดีดีพี่ก็ฮัมเพลงนี้ขึ้นมา " ฮัมโดยที่ไม่รู้ว่าเพลงนี้ชื่อเพลงอะไร แล้วใครเป็นคนร้อง เราก็เลยให้พี่อ้อบอกเนื้อเพลงมาสักท่อนนึง



..







นั่นคือเธอคนเดียวจริงๆที่ยังอยู่
และอยู่คอยดูแลไม่ว่าจะหันไปเมื่อไหร่ก็เจอ
.......
แค่มีเธอคอยห่วงใยรักตลอดไปไม่ต้องการใครอีกเลย




..






ชื่อเพลง คนเดียวจริงๆ ของโหน่ง พิมลักษณ์
พี่อ้อไม่รู้จัก ทั้งเพลง ทั้งนักร้อง แต่มั่นใจว่าเคยฟังจากที่ไหนสักที่ (พี่อ้อคงไม่ทันตอนที่เพลงนี้ฮิต คงมาอยู่ที่นี่แล้ว)





"แล้วยังไงเหรอค่ะ.. ตอนฮัมเพลงนี้ พี่รู้สึกอะไร"
v
v
v
v


"พี่คิดถึงต้า"……



(^ ^,)






ขอบคุณนะคะพี่อ้อ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
วันใดก็ตามที่เราได้กลับไปใช้ชีวิตด้วยกันที่เมืองไทย เราจะยังคงเก็บความรู้สึกอุ่นใจแบบนี้ไว้กับเราได้นานเท่านาน

..









..





To...ท่านผู้มีอุปการะคุณค่ะ


ขออภัยที่ต้องย่อรูปบรรยากาศงานจนเหลือแค่นั้น
เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการโหลด
มิเช่นนั้น กว่าจะโหลดได้ครบ คงสิ้นชีวาหน้าคอมกันเลยทีเดียว
คอมที่บ้านความเร็วสูงซ้า

..

อีกนัยนึง เป็นเทคนิคหลอกล่อให้ท่านผู้มีอุปการะคุณ
อยากรู้อยากเห็นมากๆๆๆๆๆกว่ารูปที่โชว์
จนต่อมกิเลสพองโตอยากมาดูด้วยตาตัวเอง หุหุ
(เผื่อจะได้มีใครอยากแวะมาเยี่ยมเยียนเราบ้าง ) YY

..

From…. คนไกลบ้าน


วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันของเพศที่3




ติดค้างไว้นานแล้วว่าจะเขียนเรื่องงาน Mardigra
วันนี้ได้โอกาสเหมาะค่ะ แต่บอกไว้นิดนึงว่าคงต้องย้อนไปเอาภาพบรรยากาศเมื่อปีก่อน ๆ มาลงคละ ๆกันไปให้ชมกัน เพราะปีนี้ไม่ได้ไปค่ะ ติดภารกิจย้ายบ้าน
..

แต่จะว่าไป มันก็เหมือนๆ กันทุกปีละ ต้าไปมา 2 ปีแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ บรรยากาศโดยรวมก็เหมือนๆกัน คงเหมือนงานกาชาดนั่นละค่ะ เหมือนกันทุกปี แต่เราก็ยังอยากไป
..

Mardigar เป็นงานของชาวเพศที่ 3 ไม่ว่าจะเป็น ชาย หรือหญิง รวมหมดค่ะ ฝรั่งจะแบ่งเรียกหลัก ๆ แค่ เกย์ และเลสเบี้ยน ไม่ได้แตกแขนงเป็น ตุ๊ด กะเทย ทอม ดี้ ฯลฯ ถ้าเราพูดถึง tomboy ฝรั่งจะเข้าใจว่าคือผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวห้าว ๆ เหมือนผู้ชาย และอาจจะมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ถ้าเกิดมีแฟนเป็นผู้หญิงปั๊บ ก็จะเรียกว่าเลสเบี้ยนค่ะ
..

วันงานจะมีด้วยกัน 3 วัน วันแรกมีไปเมื่อ เสาร์ต้นเดือนกุมภาฯ เป็นวัน Mardigra Fair จัดขึ้นที่ Park แถวบรอดเวย์ ไม่ไกลใจกลางเมืองมากนัก เป็นงาน outdoor มีการออกบูธขายของหลากหลาย มีเวทีขนาดใหญ่ คนที่ไปส่วนใหญ่ 90 % เป็นเพศที่ 3 ที่เหลือก็เป็นเพศปกติทั่วไป งานแฟร์นี้จะเป็นเหมือนการออกมาปิคนิคสังสรรค์กันซะมากกว่า จะเห็นครอบครัวเกย์ เลสเบี้ยน พาลูกเต้ามาสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนฝูง บางคนก็ไม่ได้รับอุปการะเด็ก แต่จะเลี้ยงหมาแมวแทนลูกกันไป

กฏหมายที่นี่รับรองการจดทะเบียนสมรสของเพศที่ 3 ค่ะ บางคู่ก็มีการอุปการะเด็กเป็นพ่อ
เป็นแม่กันไป ถือเป็นเรื่องธรรมดา
..




..


..

เห็นหลังขาวๆนั่น เลสเบี้ยนค่ะ
..




รูปขวามือ 4คน 2 คู่นี่ แฟนกันนะคะ
..


..


..




body painting ค่ะ
..



ไม่เคยพลาดสายไหมเลยที่รักเดี๊ยน
..



งานเริ่มตั้งแต่ช่วงสาย ๆ ไปจนเย็น ๆ ส่วนใหญ่พอเริ่มค่ำก็จะไปต่อกันที่ผับย่าน new town เป็นแหล่งที่เดินเจอเลสเบี้ยนได้เยอะที่สุดของที่นี่แล้วมั้งค่ะ เหมือนกับที่ถ้าอยากเห็นเกย์ ก็ต้องไปเดินแถวเส้น oxford อะไรแบบนั้น
..

ถัดมาอีกเสาร์นึงก็จะเป็นวัน Mardigra Drive อันนี้ยังไม่เคยไปร่วม ไม่แน่ใจในรายละเอียดเหมือนกันค่ะ ฉะนั้น ขอผ่าน ..
..

ไฮไลท์ของงานกันเลยค่ะ Mardigra Parade นั่นเอง จัดขึ้นในวันเสาร์แรกของเดือนมีนาคม ใช้ถนนเส้น Oxford เป็นหลัก เริ่มปิดถนนตั้งแต่หน้า Hype Park ไปจนถึง Fox Studio เพื่อให้ขบวนเดินโชว์ ระยะทางหลายกิโลอยู่ค่ะ พวกเดินขบวนนี่อึดนะคะ โดยเฉพาะที่ต้องแต่งหญิง ใส่ส้นสูงมาก ๆ แล้วฝรั่งตัวมันใหญ่ เดินเป็นกระเทยยักษ์บนส้นสูงนี่ สุดยอดค่ะ
สงสารส้นรองเท้าเหลือเกิ๊น
..

ช่วงเดือนนี้เลยจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่นี่มากเป็นพิเศษ มาจากหลายมุมโลก บางคนก็มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ คงเพราะมันไม่ได้มีกันทุกประเทศที่จะจัดใหญ่ขนาดนี้

ขบวนจะเริ่มเดินตอนเกือบทุ่ม แต่เตรียมปิดถนนเพื่อให้คนมาจองที่รอชมกันตั้งแต่ 4 โมงเย็น
อยากอยู่ช่วงไหน สะดวกช่วงไหนของถนนก็ว่ากันไปตามอัธยาศัย

..

..


..

ระหว่างรอดูขบวนก็ drink กันไป เฮฮากันไป
ช่วงไหนของถนนที่มีผับ มีร้านอาหาร ก็จะครึกครื้นเป็นพิเศษ

ปีที่แล้ว เป็นครั้งที่ 2 ที่ต้าได้ไปดู เราไปกันสองคน แล้วก็มีเพื่อนอีกสองคนตามมาสมทบ
ปีที่แล้ว เป็นครั้งที่รายการสุริวิภามาถ่ายทำบรรยากาศของงาน ในช่วงของรายการมีสัมภาษณ์ เจ้าของร้านอาหารไทย 2 ร้าน ร้านแรกคือร้านชาติไทย น้าตุ๋ยเป็นเจ้าของร้าน ต่อสู้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กในครัว จนปัจจุบันร้านชาติไทยมี 4 สาขาแล้ว

อีกร้านชื่อ Spice I am เจ้าของร้านเป็นคู่เกย์ คนนึงเปิดร้านอยู่ก่อนแล้วที่นี่ อีกคนทำงานสายการบิน
แควนตัส จนมาพบรักและอยู่ด้วยกัน ทำมาหากินกันไป ร้านนี้เป็นร้านโปรดของพี่อ้อ อาหารเค้าอร่อยค่ะ
ฝีมือคงเส้นคงวา ใช้วัตถุดิบที่ดี ราคาอาหารสูงกว่าร้านไทยทั่วไปนิดหน่อย แต่คนแน่นร้านโดยเฉพาะต่างชาติ
..

กลับมาเรื่องงานกันต่อ พวกพาเหรดที่เดินในขบวนก็มาจากหลายสังกัดค่ะ ทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นหน่วยงาน ห้างร้าน ตัวแทนสินค้าต่าง ๆ ส่งตัวแทนกันมาร่วมขบวน น่าจะเกิน 150 ทีมได้

ทีมคนไทยก็ไม่น้อยหน้าค่ะ ปีที่แล้วขนน้องฟิลม์ที่ได้ตำแหน่งมาประกาศศักดาสาวประเภทสองของไทย


..


คนที่เดินในขบวนไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพศที่3เท่านั้นค่ะ ชาย หญิง ก็ได้ แค่อยากมาร่วมสนุกกับงาน
แต่ละขบวนก็จะมีธีมแตกต่างกันไป ว่าต้องการจะ present อะไร

ทุกปีจะเริ่มเปิดขบวนด้วยบรรดาสิงห์ชอปเปอร์ บางปีก็เริ่มที่เกย์ก่อน บางปีก็เลสเบี้ยนก่อน
ดังกระหึ่มกันมาพร้อมกับเสียงเชียร์และเสียงปรบมือ
..



..


..



..

..
..
..
..
..
บนขวานั่นกระเทยไทยค่ะ
..
..

ถ้าใครได้ดูรายการสุริวิภา คงจะนึกภาพออก
พี่หนูแหม่มเค้านึกสนุก ขึ้นไปนั่งอยู่บนรถที่ร่วมขบวน
พอเราเหลือบไปเห็นว่าพี่หนูแหม่มนั่งอยู่บนรถ ก็ตะโกนสุดเสียง
พี่หนูแหม่มมมมมมม
พี่แกคงงง งง เอ๊ะ ทำไมชั้นได้ยินเสียงคนเรียกชื่อชั้นเป็นภาษาไทยด้วย หันขวับตามเสียงกลับมามองกลุ่มที่เรายืนอยู่ แล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง โบกมือทักทายกันสุดฤทธิ์
ฝรั่งที่ยืนอยู่ข้างๆ มองแบบสงสัยใคร่อยากรู้ ว่าดีใจอะไรกันนักหนาถึงกรี๊ดกร๊าดกันสุดชีวิต ( ปล่อยให้มันอยากรู้ต่อไป )
..

ขบวนสุดท้ายผ่านหน้าเราไปก็ร่วม 4 ทุ่มกว่าน่าจะได้
ทุกขบวนจะไปรวมตัวกันอยู่ที่ Fox studio ไปปาร์ตี้กันต่อในนั้น เรายังไม่เคยเข้าไป
แต่เห็นพี่อ้อเล่าให้ฟังว่า ก็เข้าไป danceกัน เมากัน อัพยากัน ประมาณนั้น
พอสิ้นสุดขบวนสุดท้าย ผู้คนร่วมแสนก็เริ่มแตกกระจาย บางคนก็เมาอยู่แถวๆนั้น
บ้างก็เข้าไปต่อกันในผับ ส่วนเราเลือกที่จะกลับไปนอนอุ่นอยู่บ้านดีกว่า

เวลามีเทศกาลงานใหญ่ๆ หลังเลิกงานจะมีรถบัสฟรีจอดรออยู่ตามจุด เพื่อทยอยส่งคนที่มาร่วมงาน ระหว่างเดินกลับออกมาสู่จุดที่จอดรถ สังเกตุเห็นได้ว่ามีขยะเกลื่อนถนน เป็นเรื่องธรรมดา พอเมาแล้วก็ทิ้งเรี่ยราดกันไป ทั้งที่ปกติจะไม่ค่อยมีใครทิ้งขยะบนถนน
กว่าผู้คนจะร้างจากถนนจริงๆก็คงจะร่วมตี3-4

เคยมีโอกาสผ่านถนนเส้นเดิมหลังคืนวันงานในตอนเช้าตรู่ โอ้โห แทบไม่เหลือร่องรอย ขยะที่เละเทะจากคืนวันงานเลย เคลียร์ถนนกันเร็วมาก
ดีจังเนอะ
นี่เป็นเพียงแค่ภาพบางส่วน ถ้าขืนลงภาพทั้งหมด อาจจะล้นไปบล็อคข้างบ้านได้ หากอยากได้บรรยากาศที่เต็มอิ่มกว่านี้ เพื่อนๆคงต้องมารอดูกันเองแล้วล่ะคะ มันส์กว่าดูจากรูปเยอะๆๆๆๆ

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แฟนคลับ


[ canberra' 08 ]



..



[ canberra' 08 ]


..



[ canberra'08 ]


...




มาเม้าท์คนข้างกายกันอีกสักหน่อยดีก่า






ว่ากันด้วยเรื่องดาราสาวที่พี่อ้อชื่นชอบ
..

น้องพีคเจ่อ จาก 'สายลับจับบ้านเล็ก'
แต่หลังๆ ดูเธอเล่น 'เซนสื่อรักสื่อวิญญาณ' ความนิยมเริ่มลดน้อยลง
เพราะน้องเธอพูดเร็วและรัว จนฟังไม่รู้เรื่อง ( จะรัวไปไหนเนี่ย )
..

แอริณ เห็นแว่บ ๆ จาก 'แก้วล้อมเพชร '
พี่อ้อชอบมาก บอกว่า น้องคนนี้สวยจัง
( มีเถียงออกไปว่าสวยตรงไหนฟ่ะ ตาโปน ๆ ไงมะรู้ แต่พี่อ้อบอกว่าสวย )
..

ล่าสุด เริ่มรู้สึกว่าพอลล่าน่ารักดี จาก 'เรื่องเนื้อคู่ประตูถัดไป '
..

แต่ที่ชอบถึงชอบมาก เข้าขั้นอยากเป็นแฟนคลับคือ...
..

โอปอล ปณิสรา พิมพ์ปรุ

โอ้วววววว สวยได้อีก..

พี่อ้อชอบตั้งแต่เห็นชีเล่นหนังเรื่องแรก ๆ จนมาถึงสายลับฯ , เนื้อคู่ฯ
ยิ่งเนื้อคู่ฯ นี่ ขำทุกอย่างที่เป็นโอปอล

เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา พี่อ้ออยากส่งการ์ดปีใหม่ไปให้ชี อยากเป็นกำลังใจให้
เราเลยเข้าไปsearchหาที่อยู่ ของบริษัท GTH มาให้
แล้วก็จัดแจงส่งไป

นึกได้ว่ามีเพื่อนสาว ทำงานอยู่เบื้องหลังแวดวง เลยคุยเอ็ม ถามไถ่
ปรากฏว่าเพื่อนได้มีโอกาสร่วมงานกับโอปอลอยู่
เลยฝากไปถามว่าชีได้รับการ์ดจากคนแปลกหน้าป่าว
เพื่อนสาวปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี ได้คำตอบกลับมาว่า

โอปอลยุ่งมากกกกค่ะ ยังไม่ได้เข้าบริษัทเลย
แป่ววววว

จนป่านนี้ ก็ยังคงไม่รู้ว่าชีได้อ่านการ์ดหรือยัง

หลายอาทิตย์ก่อน เห็นข่าวจากเวป ว่าชีถ่ายชุดว่ายน้ำ
รีบเปิดให้พี่อ้อดู
พี่อ้อ " ดาร์ลิ้งsearchหาในกูเกิ้ลให้หน่อยสิ ว่ามีชมรมแฟนคลับโอปอลป่าว "
" เค้าอยากเป็นแฟนคลับโอปอล "
เพื๊อ?

อยากเป็นแฟนคลับโอปอล

เค้าว่า เป็นแฟนคลับต้าง่ายกว่ามั้ยค๊า ตะเอ๊ง!
..

..
..
[ sydney'09 ]
..
...
เจ๊ happy py
เจ๊ค่ะ ถ้าชวนก้นดำมาเล่นด้วย พอดี วงแตกอ่ะซี๊
แตกจริง ๆ นะ ชีถนัดนัก เรื่องทำลายข้าวของเนี่ย
..
คุณprim
น่าหนุกค่ะ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เล่นยากเหมือนกันนะนี่
..
ducky
"ความสุขของต้าเหรอ" อยู่ข้าง ๆ นี่ไง ^ ^
..
July
ถ้า ด.ญ.แอนมา จะส่ง ด.ญ. ก้นดำไปสู้ด้วย 55 รับรอง ชนะเลิศ
..
wadee
เยอะ ๆๆๆๆๆ แบบนี้ป่าวอ่ะคะ มันต้องอ่านยังไงอ่ะ
..
Jerrie
สอยที่เมืองไทยน่าจะถูกกว่ามั้งค่ะ ( รึป่าวหว่า )
ราคาไม่แพงถึงขั้นเป๋าฉีกหรอกค่ะ
แค่ขาดๆ
ไว้กลับเมืองไทยจะชวนมาเล่นกะพี่อ้อดีมั้ยค่ะ ^ ^
..
violet ladybird
รูปประกอบเหรอค่ะคุณตั๊ก เท่เกินกว่าจะออกอากาศ 555
ขอเก็บไว้ชมคนเดียวก่อนละกันนะคะ
..
24: จุดเริ่มต้นของเรื่องมหัศจรรย์
แวะเข้ามาอ่านแล้ว ส่งเสียงเป็นแรงใจกันหน่อยก็ได้ค่ะ ^ ^
.....

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ความสุขของพี่อ้อ

วันพฤหัสบดี ถือเป็นวันช้อปปิ้งของคนที่นี่



ร้านรวงจะปิดดึกกว่าปกติ ผู้คนก็จะออกมาเดินกันยั้วเยี้ย
ผับ บาร์ครึกครื้น ขี้เมาเต็มถนน






พฤหัสฯที่ผ่านมา หลังเลิกงาน พี่อ้อชวนไปเดินห้าง เรื่องของเรื่องคือมีแผนจะไปสอยอะไรบางอย่างที่อยากได้มานาน เล็งไว้ตั้งแต่มันเริ่มวางขายช่วงก่อนคริสมาสต์ แต่ราคาค่อนข้างสูง เลยรอไปก่อน รอให้มันเซลล์ คิดไปว่าหลังปีใหม่ไปแล้วราคามันอาจจะถูกลง






รอแล้ว.... รอเล่า






ฟ้าคงไม่เป็นใจ ให้เราได้ซื้อของถูก จนป่านนี้จะครึ่งปีแร่ะ มันยังคงราคาเดิม
พี่อ้ออดรนทนต่อไปไม่ไหว เลยชวนไปสอยมาไว้ในครอบครอง






เรื่องมันเริ่มต้นที่...






เราซื้อไอ้เจ้าเกมส์ wii เป็นของขวัญวันเกิดให้พี่อ้อเมื่อปีที่แล้ว จากนั้นเป็นต้นมา พี่แกก็ไปสอยอะไรต่อมิอะไรที่มันช่างคิดช่างผลิตมาปล้นตังค์ในกระเป๋า






อาทิเช่น แผ่นเกมส์ อันนี้ต้องซื้อ แล้วที่นี่ดันไม่มีแผ่นก็อปเหมือนบ้านเรา ถ้าจะซื้อแผ่นก็อปจากบ้านเรามาเล่น ก็เล่นไม่ได้อีก ไอ้ครั้นจะส่งเครื่องเล่นไปแปลง เผื่อให้เล่นแผ่นก็อปได้ ก็ดูจะวุ่นวายเกินไปหน่อย






เคยไปเดินหาแผ่นเกมส์ตอนกลับเมืองไทยปีก่อน แผ่นจริงหายากมากถึงมากที่สุด แถมราคาเทียบดูแล้วก็แทบไม่ต่างกันกับที่นี่






อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ นานา เผื่อให้ได้อรรถรสในการเล่นแบบสมจริง เช่น
พวงมาลัย เวลาเล่นเกมส์แข่งรถ


ไม้เทนนิส เวลาอยากเป็นแทมมี่


ไม้กอล์ฟ เผื่อจะดังอย่างไทเกอร์ วู๊ด


ปืน เพื่อการเล็งที่ดูสมจริง


กีตาร์ เอาไว้ดีดแทนก้นดำ


จนล่าสุด พี่อ้อเกิดอยากตีกลองค๊า
เราก็เลยมีกลองอยู่ในบ้าน ( ที่แสนกว้างขวาง ) 1 ชุดล่ะคราวนี้

...

.....


ในกล่องประกอบไปด้วย
กลองพร้อมไม้กลอง

กีตาร์

ไมค์
บังคับซื้อน่าดูเลย ไม่ได้อยากได้อย่างอื่น อยากได้แต่กลอง มันไม่ขาย
ไม่ได้อยากได้กีตาร์ เพราะมีแล้วอันนึง ไมค์ก็ไม่ต้อง แหกปากร้องเองได้
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามีกีตาร์ 2 ตัว ขาวกะดำ

..




..


พี่อ้อพยายามจะกำจัดตัวเก่าออกไป แต่ถามใครก็ยังไม่มีใครสนใจจะซื้อต่อ
เลยต้องเก็บไว้ ( เก็บไว้จริง ๆ เพราะตั้งแต่สอยมา เห็นเล่นอยู่ไม่กี่ที )



...


อันนี้เป็นแผ่นเกมส์ล่าสุดที่สอยมาได้สักสองเดือน พี่อ้อบอกว่าเกมส์นี้ชอบสุด สนุกสุด แต่ไม่เหมาะกับเด็ก เพราะมันมีฉากที่แม่ลูกจูบกันด้วย แถมยิงกันเลือดสาดจอ ปีศาจในเกมส์ออกแนวผีชีวะประมาณนั้น






ทั้งหมด ทั้งปวง มันก็แค่.... ความสุขของพี่อ้อ
( ความสุขที่ต้องเสียตังค์ เล่นให้คุ้มนะค๊าดาร์ลิ้ง )