วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

: ตัดผม :

27 พฤษภาคม 2554



เกือบ 7 เดือนแล้ว ตั้งแต่กลับมา

พี่อ้อตัดผมไปแค่ 2 ครั้ง

เพราะชีวิตวุ่นวายอยู่กับหลายสิ่ง

ทำให้เรื่องความงามเป็นเรื่องรองลงไป



ครั้งแรก ตัดที่หาดใหญ่

ครั้งที่สอง ตัดแถวปิ่นเกล้า



อาทิตย์ก่อน พี่จุ๊บแวะไปเซย์ฮัลโหลที่ตลาดนัดรถไฟ

พร้อมกับผมทรงใหม่ ได้ใจวัยโจ๋ แนะนำร้านให้เสร็จสรรพ

เป็น barber แนว hiphop ร้านเดียวกับ เวย์ ไทเทเนียม

อยู่แถวรถไฟฟ้า ทองหล่อ



อย่ากระนั้นเลย อาทิตย์ถัดมาก็ไปอยู่ที่ร้านเรียบร้อย

เข้าไปในร้านแบบ งง ๆ อึน ๆ


ในร้านมีลูกค้าอยู่ 2 คน เป็นวัยรุ่นไทยหนึ่ง

กับฝรั่งที่หัวกำลังจะเป็นสกินเฮดอีกหนึ่ง

ช่าง 3 เจ้าของร้าน 1

ทุกคนมีผมทรงละม้ายคล้ายคลึง เวย์ ไทเทเนียม

แต่งตัวไปในทิศทางเดียวกันคือแนว hiphop



ไม่ได้ระบุช่าง เลยได้ตัดเลย ไม่ต้องรอ

ตอนแรก พี่อ้อขอดูเล่มแบบทรงผม ช่างก็เอามายื่นให้

พร้อมกับบอกว่า "ดูไปก็ไม่มีเหมือนที่อยากได้หรอก บอกมาเลยดีกว่า"

พี่อ้อเลยจัดแจงบอกความต้องการกับช่าง




ระหว่างที่พี่อ้อตัด ต้าก็นั่งรอแบบตัวลีบ ๆ

เพราะเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในร้านก็ว่าได้

เสื้อผ้า หน้า ผม ในวันนั้น ก็ช่างขัดกับสไตล์ของร้านอย่างสิ้นเชิง



ผ่านไป 45 นาที ได้ทรงนี้ออกมา















ถูกใจ แต่ไม่ถูกตังค์

ปกติ ราคาเริ่มต้นของร้านนี้อยู่ที่ 250 บาท

แต่หัวนี้ จ่ายไป 900!!! เชียวนะ

แพงค่าทำลวดลายนี่เอง




กลับออกมาพร้อมความรู้สึกที่ว่า

หากยังอยากทำลวดลายบนหัวอีก คงต้องหาร้านที่ถูกกว่านี้แล้วล่ะ

ไม่งั้น จนพอดี x_x


หกเดือนในไทย ภาค 7

เมษายน 2554


หลังจากที่ตะลอน ๆ เป็นคนว่างงานอยู่ร่วม 5 เดือน

ในที่สุด เราก็จะมีอาชีพกันแร๊วววววววว


คิดกัน คุยกัน ถกกัน หลายเรื่อง หลายรอบมาก

ถึงสิ่งที่จะเป็นอาชีพ ว่าจะทำมาหากินอะไรกันดี


สุดท้ายมาลงเอยที่ความบังเอิญ

บังเอิญเข้าไปหลบฝนในท่าเรือที่ ท่าช้าง

แล้วพี่อ้อไปเห็นว่ามีล็อคขายของว่างอยู่ล็อคนึง

เป็นล็อคเล็ก ๆ ( ประมาณสัก 2 x 2 เมตร ) เลยเข้าไปขอข้อมูล


อึ้งกับราคาค่าเช่าที่ แพงเอาเรื่องอยู่

ดูจากบรรยากาศโดยรอบ ผู้คนพลุกพล่าน

นักท่องเที่ยวต่างชาติ คนทำงาน เด็กนักเรียน นักศึกษา

เพราะเป็นท่าเรือด่วน เรือท่องเที่ยว เรือข้ามฟาก

ก็น่าจะถือว่าเป็นทำเลที่ดีประมาณนึง



ไม่รอช้า ตัดสินใจโทรกลับไปขอจองพื้นที่ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี

กลับมาคิด มาคุยกันอีกหลายรอบ ถึงของที่จะขาย

สิ่งที่อยากทำ บางที มันโดนตัดทอนด้วยหลายสาเหตุ

คงต้องรอโอกาสและความพร้อม ในการทำตามฝันที่เคยวาดไว้



สรุปว่ามาจบลงตรงที่เราจะขายงาน idea & hand made

มีทั้งงานที่ทำเอง และงานที่เอามาจากนักศึกษา


ใช้เวลาในการตกแต่งทาสีร้าน ทำผนัง ทำประตู 3 ถึง 4 วัน

ได้รับความช่วยเหลือจากคุณคนดี (ของคุณตั๊ก )

ช่วยประสานงานและหาช่างให้ (กราบงาม ๆ มา ณ ที่นี้ค่ะ )

ได้ฤกษ์ดีมาคือวันที่ 9 เมษายน คุณตั๊กบอกว่า เป็นวันธงชัย

ทุกอย่างก็เลยฉุกละหุกและลนลาน เพื่อจะให้เปิดได้ทันฤกษ์


มีเวลาอยู่ไม่กี่วัน ในการตระเวณหาของที่จะเอามาขาย

ติดต่อขอคิวช่าง ซึ่งแน่นเอี๊ยดเพราะใกล้หยุดยาวช่วงสงกรานต์

แต่ก็เสร็จ(แบบทุลักทุเล) ทันได้เปิดร้านตามวัน

ที่เหลือก็ทยอยทำไปให้เข้าที่เข้าทาง




พฤษภาคม 2554



จากที่เคยมีเวลาว่างกันเยอะแยะตอนก่อนจะทำร้าน

กลายเป็นต้องทำงานทุกวัน เสาร์ อาทิตย์ ยิ่งสาหัส

เพราะกลางวันไปเปิดร้าน พอตกเย็น ก็ไปต่อที่ตลาดรถไฟ

ที่จริง ขายที่ตลาดรถไฟ แทบไม่ได้อะไรเลย เข้าเนื้ออีกต่างหาก

เพราะช่วงนี้ฝนตกบ่อย ฝนตก ก็อดขาย

แต่จ่ายค่าที่ล่วงหน้าไปแล้ว

บางทีไปถึง จัดร้านเสร็จได้สักพัก พอคนเริ่มเดิน ฝนก็เริ่มมา

เข้าใจหัวอกแม่ค้ากันเลยทีเดียวงานนี้




ใครมีโอกาสผ่านไปแถวท่าช้าง แวะไปทักทายกันได้นะคะ

ท่าช้างอยู่ตรงสามแยกหน้าวัดพระแก้ว กับ ศิลปากรค่ะ

ติดกับราชนาวีสโมสรเลย

( ทักทายแล้ว อุดหนุนด้วยก็ดี แม่ค้าจะได้มีกำลังใจ อิ อิ :P )

แต่ถ้าใครไม่สะดวก ก็สั่งทางเวปเพจได้นะคะ ขายค่ะขาย

( วิญญาณแม่ค้ามาเลย )


เป็นสินค้าบางส่วนจากที่ร้านค่ะ


ตอนนี้ พี่อ้อ กลายเป็นแม่ค้า

ส่วนต้า ก็กลับสู่โหมดพนักงานประจำค่ะ

พรุ่งนี้จะเข้าไปประจำการที่โชว์รูมแล้ว

ใครผ่านไปแถวเส้น เอกมัย-รามอินทรา แวะไปส่งน้ำ ส่งขนมได้นะคะ ^_^

ที่โชว์รูม Stwo @ CDC จ๊ะ

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

: เลือดจาง :





ขอแทรกคิวเอาเรื่องนี้มาเขียนก่อน



24 พฤษภาคม 2554



วันนี้ตั้งใจจะแว่บไปสภากาชาด จะไปบริจาคเลือดซะหน่อย

เนื่องด้วยมีเพื่อนลงประกาศในเฟสบุ๊ค ว่าคุณน้าไม่สบาย

ต้องการเลือดกรุ๊ป O จำนวนมาก และนี่ก็ครบกำหนด 3 เดือนแล้ว

ตั้งแต่ที่ให้ล่าสุดเมื่อเดือนเกิด




คนเยอะพอสมควร นั่งรอประมาณเกือบ 50 คิว

เที่ยงนิด ๆ ได้เวลาเข้าห้องเจาะนิ้วเช็คความเข้มข้นของเลือด

ผลออกมาว่า ไม่ผ่าน เลือดจาง

ห๋า ไม่จริงสิคะ ไม่เคยไม่ผ่านนี่นา

ปกติที่ผ่านมาก็ให้ได้นิ เลือดปกติดี ไม่จาง

คุณพี่คนที่เจาะบอกว่า วัดค่าได้ 11.8 ถ้าจะผ่านเกณฑ์ ต้อง 12

คงเห็นว่าเราไม่ยอมจำนน เลยบอกว่า ให้ไปลงทะเบียนก่อน

แล้วให้ไปห้องตรวจริมสุด ให้คุณหมอเช็คให้อีกที


ตามคำบอกนั้นไปจนถึงห้องริมสุด เป็นห้องให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ

คุณหมอบอกว่า เด๋วจะขอเจาะเลือดไปตรวจนะคะ

ต้า : ห๋า เจาะแบบเดียวกะบริจาคเลือดเลยป่ะคะ

คุณหมอสาว : ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ

ต้า : คือ หนูกลัวเข็มค่ะ

คุณหมอสาว : อ้าว แล้วเวลาบริจาคเลือดไม่กลัวเหรอค่ะ ให้มาหลายหนแล้วนี่

ต้า : กลัวค่ะ กลัวทุกครั้งที่ให้ ตื่นเต้นหน้าซีดทุกครั้งไป

คุณหมอรับฟังแล้วยิ้มๆ ( หรือเยาะเย้ยก็ไม่รู้ )


คุณหมอสาว : ปกติให้เลือดข้างไหนค่ะ

ต้า : ขวาค่ะ

คุณหมอสาว : งั้นเด๋วหมอเจาะข้างซ้ายนะ เผื่อให้ได้ จะได้เจาะคนละข้าง

ห๋า หมอค่ะ วันนี้ต้องเจ็บสองข้างเลยเหรอค๊า

แล้วถึงถ้าให้ไม่ได้ ก็ต้องเจ็บฟรีอยู่ดีอ่ะสิ T T

(ระหว่างที่พูด คุณหมอก็เตรียมอุปกรณ์ไปด้วย)



ต้า : หมอค่ะ ที่จริงมันอีกแค่ 0.2 เองนะคะ

คุณหมอ : แค่นั้นก็สำคัญค่ะ เด๋วตรวจแล้วจะได้รู้ว่ามันเพราะอะไรถึงจาง

ต้า : เป็นไปได้มั้ยค่ะ ว่าเป็นช่วงที่ใกล้จะมีประจำเดือนอ่ะคะ

(พยายามช่วยหาสาเหตุให้ จะได้ไม่ต้องเจาะ)

คุณหมอ : ก็อาจจะมีส่วน แต่ให้แน่รอดูผลเลือดดีกว่าค่ะ

จิ้มเข็มไปเรียบร้อย เก็บตัวอย่างเลือดไปหนึ่งหลอด

เด๋วนั่งรอด้านหน้าสักครู่นะคะ เด๋วหมอเรียกค่ะ



ระหว่างนั่งรอหน้าห้องตรวจ รู้สึกแปลก ๆ ช่วงล่าง เลยแว่บไปเข้าห้องน้ำ

นั่นไง ชัดเลย มันมาแร่ะ แจ่มมาเชียว



กลับมานั่งหน้าห้องตรวจอีกครั้ง พร้อมคำตอบ

กะว่าเด๋วเจอหมอ จะบอกว่า หมอไม่ต้องตรวจก็ได้มั่งค่ะ

หนูหาสาเหตุให้ได้แร่ะคะ


สักพัก มีคุณหมออีกคน ไม่สาว ผมซอยสั้น เดินมาบอกว่า

คุณ... ใช่มั้ยค่ะ ของคุณรอผลตรวจสักครู่นะคะ

พอดีว่าเครื่องมันไม่อ่านหน่ะคะ พยายามลองทำใหม่อยู่นะคะ

เครื่องมันฟ้องให้ทำใหม่ค่ะ



3 นาทีผ่านไป


คุณหมอผมซอยสั้น : อีกแป๊บนะคะ เด๋วไปทำเครื่องที่ชั้นบนให้ค่ะ





2 นาทีผ่านไป


มีคุณหมอผู้หญิงท่าเดินแม๊นแมนเดินเข้าห้องไป

อึดใจนึง คุณหมอผมซอยก็โผล่หน้ามากวักมือให้เข้าไปในห้อง



มีคุณหมอผู้หญิงอยู่ 3 คน ทุกคนจ้องมาที่เรา ( ทำไม )

คุณหมอให้นั่งลงหน้าโต๊ะที่มีกระดาษกาง ๆ อยู่ 3-4 แผ่น

ทุกแผ่น ล้วนเป็นสิ่งที่เรามองดูแล้ว ไม่เข้าใจ และไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย


คุณหมอ : 4 - 5 ครั้งที่ผ่านมาเวลาบริจาคเลือด ให้ได้เป็นปกติเหรอคะ

ต้า : ได้ค่ะ

คุณหมอ : ไม่มีใครบอกอะไรเลยเหรอคะ

ต้า : ไม่มีค่ะ

คุณหมอ : ไม่ทราบแต่งงานหรือยังค่ะ

ต้า : ยังค่ะ

คุณหมอ : เด๋วหมอจะอธิบายให้ฟังนะคะ

คือผลเลือดที่ตรวจได้ มันไม่ปกติ

ค่า RBC ของคนปกติจะอยู่ที่ประมาณ 4 - 6

แต่ของคุณอยู่ที่ 5.92+ ซึ่งถือว่าสูงมาก

(นั่งยิ้มฟังด้วยคิ้วที่ขมวดและเครื่องหมายคำถาม

ก็ไอ้ตัวย่อมากมายบนกระดาษเนี่ย ชาวบ้านอย่างเราจะเข้าใจมันมั้ยฮึ๊ )



แปลบ้าน ๆได้ว่า ไอ้ตัวที่ผลิตเลือดของเราเนี่ย

มันผลิตได้สูงมาก แต่ทำไมเลือดยังจาง

ก็เพราะไอ้ 2-3 ตัวที่คุณหมอขีด ๆไว้เนี่ย มันผิดปกติ

ตรงที่มันตัวเล็กมาก เลยทำงานได้น้อยกว่ามาตรฐาน




คุณหมอ : ก็เลยทำให้คุณมีเปอร์เซ็นต์เสี่ยงที่จะเป็นโรค ธาลัสซีเมีย

เพราะตอนนี้ คุณเป็นพาหะนำโรคธาลัสซีเมียอยู่นะคะ

หมอถึงได้ถามว่า คุณแต่งงานหรือยัง

เพราะถ้าสามีคุณ ตรวจเจอว่าเป็นพาหะเหมือนกัน

ลูกของคุณ ก็จะเป็นโรคธาลัสซีเมีย


ต้า : งั้นคงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อ่ะคะคุณหมอ

เพราะหนูคงไม่มีลูกหรอก แฟนหนูเป็นผู้หญิงค่ะ

คุณหมอ : อึ้งไป 2 วิ แล้วยิ้มกว้าง

โอเค โอเคค่ะ งั้นจบ จบเลยเรื่องนี้



หันไปมองอีกสองคุณหมอที่นั่งฟังกันอยู่ คนนึงหัวเราะ คนนึงอมยิ้ม


ต้า : หมอค่ะ ตะกี้ไปเข้าห้องน้ำ ประจำเดือนมาพอดีเลยค่ะ

มันเป็นผลที่ทำให้เลือดจางวันนี้หรือเปล่าค่ะ

คุณหมอ : ไม่เกี่ยวค่ะ

ต้า : แล้วสเต็มเซลล์ที่หนูเคยให้ไว้ล่ะคะ

คุณหมอ : ไม่เกี่ยวเหมือนกันค่ะ ถ้ามีผู้ป่วยที่เลือดแมทกับคุณได้

คุณก็ยังสามารถบริจาคสเต็มเซลล์ได้ค่ะ



เด๋วหมอจะให้ยากลับไปทานนะคะ ทานให้หมดนี่

แล้วอีก 2 อาทิตย์ เอาเอกสารใบนี้กลับมาเจอหมอใหม่

มาตรวจอีกทีว่าค่า SF มันจะเพิ่มขึ้นมามั้ย

ถ้ามันเพิ่มขึ้นมาเป็นปกติ คุณก็จะกลับมาให้เลือดได้ใหม่ค่ะ







ลาหมอกลับมาพร้อมยา 4 ถุง

เป็นยาบำรุงเลือดเม็ดแววๆ ที่คุ้นเคยกันดี 2 ถุง

แล้วก็ยาสีสวย เหลือง กับ ชมพูอีกอย่างละถุง



อีก 2 อาทิตย์ มาลุ้นกันอีกทีค่ะ

หกเดือนในไทย ภาค 6



2-3 อาทิตย์ ที่เราตระเวรเข้าออกตามโครงการต่าง ๆ

เพื่อเก็บข้อมูลแทบทุกวัน มีเวลาเหลือเฟือ เพราะว่างงานทั้งคู่

ในที่สุด เราก็ได้คอนโดน้อย ๆ มาไว้ในครอบครอง


จริง ๆ อยากอยู่บ้านมากกว่า อยากมีที่กว้าง ๆ

อยากมีต้นไม้เยอะ ๆ อยากมีสวนสวย ๆ ร่ม ๆ

อยากมีครัว Full option อยากมี อยากมี อยากมี ฝันต่อไป T T


จริง ๆไปถูกใจโครงการนึงของ Q-House เป็น Town Home

เสียตรงที่มันอยู่นอกเมือง เดินทางไม่ค่อยสะดวก

เอาไว้มีโอกาสเหมาะเมื่อไหร่ ค่อยย้ายไปหาบ้านต่างจังหวัดทีเดียว





1 กุมภาพันธ์ 2554



แพ็ตตี้ส่งข้อความมาบอกว่า วันนี้เป็นวันดี เหมาะแก่การย้ายเข้าห้องใหม่

เอาไงดี ไม่พร้อมสักอย่าง

ไม่เป็นไร อัญเชิญหลวงปู่ทวดเข้าไปก่อน

ตามด้วยกระดูกแม่ ที่เหลือค่อยๆทยอยตามไป

ดีที่คอนโดใหม่กับบ้านแม่พี่อ้อใกล้กันนิดเดียว เลยไม่ต้องจ้างรถขน

ค่อย ๆ ทยอยใส่น้องตั้งใจไปวันละนิดวันละหน่อย





2 - 3 กุมภาพันธ์ 2554


ยังคงวุ่นวายกับการขนย้ายข้าวของ

จัดของ ซื้อของใช้เข้าห้อง ซื้อเฟอร์ฯ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ

เข้านอนคืนวันที่ 3 แบบที่ไม่มีอะไรแสดงพิรุธ





4 กุมภาพันธ์ 2554



เก้าโมงหน่อย ๆ ลืมตาตื่น เห็นพี่อ้อกำลังลุกไปเข้าห้องน้ำ

ขณะที่พี่อ้ออยู่ในห้องน้ำ ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

ปัง ปัง ปัง !!! ต้าตกใจโผล่หน้าออกมานอกห้องนอน แล้วเรียกพี่อ้อ

"พี่อ้อ ใครเคาะอ่ะ"

ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ "ไม่รู้ ไปเปิดดูสิ"

ต้าเดินไปส่องดูรูตรงประตู

เอร๊ยยยย ทำไมเห็นเป็นแบงค์ มีรูปในหลวงด้วยอ่ะ

ด้วยความอยากรู้ รีบเปิดประตูห้อง

ก็ยิ่งทำให้งงหนักเข้าไปอีก เพราะเจอสิ่งนี้อยู่หน้าประตู




????




งง อึ้ง เอ๋อ อยู่หน้าห้อง

พอเห็นรูป เห็นข้อความ สติเริ่มมา

หันกลับมาคาดคั้นถึงที่มาของมันจากพี่อ้อ ด้วยความสงสัย

มันมาได้ไง แล้วไปทำตอนไหน ก็อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. นี่นา

พี่อ้อไม่ยอมบอก ไม่ยอมเฉลยท่าเดียวเลย เอร๊ยยยยย >< อยากรู้ ๆ





เริ่มต้นกิจกรรมของวันนี้ด้วยการไปบริจาคเลือดที่สภากาชาด

จากนั้นก็ไปช้อปปิ้งหาซื้อของสดไว้สำหรับปาร์ตี้เย็นนี้


หกโมงกว่า ๆ แขกคู่แรกมาถึงห้อง

พี่อ้อลงไปรับข้างล่าง เพราะเรากำลังง่วนกับการทำอาหาร

แพ็ตตี้ กับ คุณพี่จุ๊บ


มาถึงแพ็ตตี้ก็พยายามจะให้เราพาชมห้อง (ทำเหมือนห้องใหญ่มาก)

เราก็โบ๊ยไปให้เป็นหน้าที่พี่อ้อ แพ็ตตี้แลดูไม่สมหวัง


สักพักใหญ่ ๆ ก็ตามมาด้วยเพื่อนทนาย (ประจำตัว)ของเรา

ตามติดมาด้วยคู่หวานแห่งปี Ducky and The Jew


ระหว่างที่เพื่อนกำลังหม่ำก๋วยเตี๋ยวหมูสับ

ต้าก็แว๊บไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จ เกิดอยากจะล้างเท้า

เพราะย่ำเท้าเปล่าออกไปนอกระเบียงมา

เลยเปิดม่านห้องน้ำที่ปิดอยู่ออก ภาพที่เห็นคือ

ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ ภายในบรรจุกล่องอยู่2อันซ้อนกันวางอยู่

รู้ได้ทันทีโดยสัญชาติญาณ เปิดประตูห้องน้ำออกมา

แล้วบอกเพื่อน ๆ ว่า "เค๊าขอโทษษษ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ อ่ะ"

ทุกคนทำหน้าเซ็ง แบบ อีนี่ ทำเสียแผนหมด

แพ็ตตี้บอกว่า ที่เซ้าซี้ให้พาดูห้อง เพราะจะได้เอาไปซ่อนนี่แหล่ะ

แต่เราไม่ยอมไป เลยไม่รู้จะถือไปไว้ไหน ห้องน้ำเนี่ยแหล่ะ ใกล้สุด






ช่วยกันจัดเรียง









ระหว่างที่กำลังรอเพื่อนสาวของเรา ซึ่งโทรถามทาง และกำลังมา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก อ่ะ มาแล้ว แต่เอ๊ะ ทำไมยามให้ขึ้นมาเองล่ะ

เปิดประตูปุ๊บ เอ๊ะ หน้าคุ้น ๆ เอร๊ย มาไงค่ะเนี๊ยยยยย

กลายเป็นคู่ของคุณนกกับคุณตั๊กซะงั้น


คือเราเกริ่น ๆ ชวนคุณตั๊กไว้ แต่คุณตั๊กบอกว่าไม่ว่าง

มีนัดกับสาว ๆ spr ไว้ก่อนแล้ว ว่าจะไปหม่ำข้าวต้มวัดบวรกัน

แต่โผล่มาเซอร์ไพรส์เฉยเลย

ปิดท้ายปาร์ตี้ด้วยเพื่อนสาว ที่หนีบเอาทอมละอ่อนมาด้วย








11 ชีวิต ในคอนโดน้อย ๆ ของเรา

โต๊ะ เก้าอี้ ก็ยังไม่มี นั่งพื้นเบียดๆ กันไป อบอุ่นดี






















คัพเค้กที่คุณพี่จุ๊บรับหน้าที่ไปเสาะหามาให้






สมาชิกมาครบหมดแล้ว เราก็เซ้าซี้พี่อ้อต่อ ให้เฉลย

ได้ความว่า เซอร์ไพรส์รอบนี้ ทำกันเป็นทีม

มีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ แพ็ตตี้ และพี่จุ๊บ


โดยแพ็ตตี้แวะมาตอนเช้า อธิบายภารกิจกับคุณ รปภ

แล้วเอามาติดไว้ รอสัญญาณจากพี่อ้อ (ตอนเข้าห้องน้ำ) ให้เคาะประตู

เคาะเสร็จแล้วก็รีบวิ่งลงลิฟท์ไป







เป็นปาร์ตี้วันเกิดที่คับคั่งมาก อบอุ่น และ สนุกสนาน

ขอบคุณม๊าก มาก คร่า

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หกเดือนในไทย ภาค 5


ย้อนกลับไปนิ๊ดนึง



ก่อนหน้าจะสิ้นปีไม่กี่วัน เพิ่งจะรู้สึกอยากไปเคาน์ดาวน์ที่ไหนสักแห่ง

ที่ไหนก็ได้ แค่ไม่อยากอยู่กรุงเทพ เพื่อนเสนอเป็นระยอง หรือไม่ก็เกาะล้าน

เลยให้เพื่อนไปจัดการเรื่องที่พัก


พอใกล้ ๆ กระแสสึนามิมา พี่อ้อเปลี่ยนใจ

บอกเพื่อนให้หนีเกาะหนีทะเล ไปเที่ยวป่าเที่ยวเขากันแทน


จองห้องพักเรียบร้อย สำหรับ 8 คน

เห็นว่าสมาชิกพอสมควร เลยอยากหากิจกรรมกระชับไมตรี

เพราะสมาชิกทั้งหมด มีทั้งเพื่อนเก่า เพื่อนใหม่

สรุปธีมกันได้ที่ ปาร์ตี้หมวกแปลก และของขวัญจับฉลาก ในราคาชิ้นละ 50 บาท


แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เพื่อนเราอีก 4 คน งานเข้าซะงั้น

ไม่เป็นไร เหลือแค่4ก็ไป



เช้าวันที่ 31 ธันวาคม 2553



สมาชิกพร้อม มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่โดยน้องตั้งใจ



































บ่านี้เพื่อเธอ









ยิงจริง เจ็บจริง (เพราะมันดีด)













































ส่วนเกิน

























































จะแอ๊บเป็นเมืองนอกซะหน่อย ไม่ได้ก็ตรงไส้กรอกทอดเนี่ยล่ะ







ทำไปได้






















ของขวัญจับฉลาก









ปาร์ตี้หมวกแปลก







ตัดสินกันเอง ให้คะแนนตัวเองกันสุดฤทธิ์













เช้าวันใหม่




















พริ้มเชียว







จะแก้ข่าวยังไงดี






คนนี้ตะหาก ตัวจริงของเค๊า








หรือคนนี้ดี




ค้างแค่คืนเดียว พอหายอยาก แล้วมุ่งหน้ากลับเมืองกรุง

หนีรถติดคร่าาาาา





ปล. ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จากfacebook พี่จุ๊บค่ะ

มีกล้องระดับโปรไปด้วย กล้องเราเลยไม่ค่อยได้ใช้งาน