วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

^ แมลง ^







แมลงอะไรไม่รู้ เจอมันอยู่ในห้องน้ำ





ปีกบาง ๆ ใส ๆ ดูบอบบางจัง





แต่แหม.. ปีกเป็นรูปหัวใจ ซะด้วย





เอิ่ม เอิ่ม ตั้งชื่อให้ว่า





' แมลงแห่งรัก ' ละกัน





^ ^

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พร 3 ประการ

มีใครดูละคร 'สูตรเสน่หา' มั้ยค๊า

มีอยู่ตอนนึง ที่อลินไปสปา แล้วไปแอบได้ยินห้องข้าง ๆ เม้าท์กัน

เรื่องการไหว้ขอพรเรื่องความรักจากพระตรีมูรติ

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยไปมาแล้วเช่นกัน



ครั้งนึง.... เมื่อสมัยที่ต้ายังอยู่เมืองไทย

จำได้ว่าเป็นช่วงต้นปี ( ที่เพิ่งรู้จักกับพี่อ้อได้ไม่นาน )

เย็นวันอาทิตย์ ต้าไปเดินเล่นแถวหน้าเวิลด์เทรด ( ตอนนั้นยังไม่เป็น CTW )



ผ่านพระตรีฯ เลยเดินแวะเข้าไปสักการะ ขอพร

โดยไม่ได้เตรียมดอกไม้แดง ธูปเทียนแดง

อย่างที่เขาว่ากันไปไหว้แต่อย่างใด

ก็ไหว้ปกติธรรมดา





จำได้ว่าขอพรไป 3 ข้อ


ข้อแรก... ขอให้ลูกมีความรักที่ดี

ข้อสอง... ขอให้ลูกมีคนรักที่ดี และรักลูกให้มาก มากกว่าที่ลูกรักเขา

ข้อสุดท้าย... ขอให้ลูกและคนรักได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว





วันถัดมา พี่อ้อโทรหาตามปกติ

ก็เลยเล่าให้พี่อ้อฟังว่าไปไหว้ขอพรพระตรีฯมา

พี่อ้อ : แล้วต้าขออะไรค่ะ

ต้า : ก็ขอให้ต้ามีความรักที่ดี

พี่อ้อ : จริงอ่ะ ( น้ำเสียงตื่นเต้นมาก )

ต้า : อืมมม ทำไมเหรอคะ

พี่อ้อ : ก็พี่เพิ่งส่งการ์ดให้ต้าไป พี่เขียนอวยพรไปว่า

"ขอให้ต้ามีความรักที่ดี' เหมือนกันเลย


.....................





ครั้งนึง.... เมื่อตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ

พี่อ้อเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ต้าจะมา ก่อนที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน

ก่อนนอนทุกคืน พี่จะขอพรจากพระเจ้า

ว่า 'ขอให้พี่ได้มีโอกาสได้ดูแลต้า'


.......................





เราไม่รู้หรอก ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมีจริงหรือเปล่า

เราไม่รู้หรอก ว่าสิ่งที่เราขอ มีใครได้ยินมั้ย

เรารู้เพียงว่า เราต่างตั้งใจที่จะให้มันเป็นไปแบบนั้น

และวันนี้.... ทุกๆคำขอ ก็เกิดขึ้นกับเราแล้วจริง ๆ


.....................




หากแต่ว่า เราไม่ได้เพียงแค่ขอ แล้วก็รอให้มันเกิด

เราต่างพยายามหาทางที่จะทำให้เราได้มีวันนี้



...................







ใครที่ยังคงรอคอยความรักที่ดีอยู่

ขอให้คุณโชคดี.. นะคะ

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Before X'mas 09



ผ่านไปแป๊บ ๆ จะสิ้นปีอีกแล้ว

ช่วงนี้ห้างฯ ร้านค้า ออฟฟิต รถเมล์ ร้านอาหาร บ้านพักอาศัย ฯลฯ

เริ่มตกแต่งด้วยไฟประดับ และต้นคริสตมาส

ชอบช่วงปลายปีแบบนี้จัง มันดูมีอะไรให้รอคอย

บรรยากาศก็ดูครึกครื้น พร้อมเฉลิมฉลอง







ชาวพุทธอย่างเรา ตอนอยู่เมืองไทย

ก็ไม่ได้อะไรกับเทศกาลคริสตมาสนี้เท่าไหร่


อาจจะมีปาร์ตี้จับฉลากแลกของขวัญกันบ้างในออฟฟิต

แต่พอมาอยู่ที่นี่ ถือเป็นวันสำคัญมากของคริสตศาสนิกชนเค้า

แทบจะสำคัญกว่าวันปีใหม่ซะอีก



หลาย ๆปีเข้า ก็รู้สึกอินๆ ไปบ้าง

และที่อินสุด น่าจะเป็นการรอลุ้นของขวัญจากสองสาวชาวคริสต์เนี่ยแหล่ะ

ว่าปีนี้ เราจะได้อะไรน๊อ










และแล้วก็หมดลุ้นไปหนึ่งคน เนื่องจากอุ๊รอให้ถึงวันคริสตมาสไม่ไหว

พอเลือกหาของขวัญไว้ในครอบครองได้แล้ว
ก็ตื่นเต้นเกินกว่าจะเก็บมันไว้ได้

ส่งมอบให้ต้าและพี่อ้อตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน ( เร็วไปมั้ยน้องเอ๊ย )






ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นเรื่องปกติของอุ๊อยู่แร๋น
อย่างวันเกิดต้าปีก่อนนู้น ก็ได้ของขวัญล่วงหน้าตั้งหลายเดือน

พอถึงวันเกิดจริง ก็ยังจะมีมาให้ใหม่อีก ( เพื่อ? )


อุ๊ : พี่ อุ๊หาของขวัญวันคริสตมาสให้พี่ได้แล้วนะ เอาไปเลยมั้ย?

ต้า / พี่อ้อ : เร็วไปป่าว นี่มันเพิ่งพฤศจิเองน๊า

อุ๊ : มะเป็นไรพี่ อุ๊อยากให้แล้ว อยากรู้ว่าพี่จะชอบป่าว เอาไปเลยละกัน




ได้มาคนละสองชิ้นถ้วน

ชิ้นแรกของต้า เป็น Gift card
ใช้แทนเงินสดซื้อของได้ในห้างและร้านค้าที่ระบุ








ชิ้นแรกของพี่อ้อ เป็น gift card เช่นกัน
แต่เป็นของร้านค้าที่ขายพวกเกมส์และอุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์

ซึ่งยังไม่ทันจะได้เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
วันถัดมาพี่อ้อเอาไปใช้เรียบร้อยตามเจตนารมณ์ผู้ให้

โดยเอา gift card ( มูลค่า$40 ) + บัตรส่วนลดพิเศษ 10 % ที่มีอยู่
+ แผ่นเกมส์เก่าที่ไม่เล่นแล้ว (เกมส์ Toys Story ที่เล่นไปแค่สองหน แล้วอ้างว่ามันไม่สนุก)

และเพิ่มตังค์อีก $13

ทั้งหมดนี้ ไปแลกกับแผ่นเกมส์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมา

คิดดูสิคะเพื่อนผอง แผ่นเกมส์(แท้) ที่นี่ แพงได้อีก T T

กลับไปไทยเมื่อไหร่ ต้องรีบเอาเครื่องไปแปลง
จะได้เล่นกับแผ่นก๊อบได้สักที







ชิ้นที่สองของต้าเป็น shampoo & conditioner by Tony&Guy

ถูกใจมั่กๆ เพราะเพิ่งไปให้ผมถูกทำร้ายด้วยการทำสีมา







ชิ้นที่สองของพี่อ้อ เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้า by Oral B








เพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้า วันถัดมา เราก็เลยโทรไปหาอุ๊

ต้า : โหล ๆ ทำไรอยู่ เย็นนี้ว่างเปล่า

อุ๊ : ว่างพี่ มีไรเหรอ

ต้า : มาเอาของขวัญมั้ย เตรียมไว้ให้แล้วเหมือนกัน

พี่อ้อบอกว่า พี่อ้อมั่นใจว่าอุ๊ต้องชอบ 100 %

อุ๊ : จริงเหร๊อพี่ เอาไงดี จริงๆก็อยากรู้อยู่

โอเค ๆได้พี่ เด๋วสองสามทุ่มอุ๊ขับรถไปหา







จริง ๆ ตั้งใจจะเก็บไว้ให้ตรงวันนั่นล่ะ แต่เกรงว่าอุ๊จะไปซื้อเองซะก่อน
เลยรีบให้ดีกว่า เห็นบ่น ๆ เพ้อ ๆว่าอยากได้นักหนา
แต่ด้วยอารมณ์ของคนเป็นแม่ ที่มีภาระนู้นนี่ให้คิดเยอะ

ความชอบส่วนตัวบางอย่าง จึงต้องถูกตัดทอนออกไปบ้าง
เพื่อเก็บไปใช้ในส่วนของลูกก่อน

ซึ่งความชอบของแม่ชิ้นนี้ กลายเป็นสิ่งที่คุณลูกโปรดปรานเหมือนกัน

เพราะชีไปขอแฟลตเมทอุ๊เล่นอยู่บ่อย ๆ

ก้นดำชอบเล่นเกมส์เลี้ยงหมา แล้วชีเลี้ยงซะดีเลย

ปล่อยให้หมากินขยะท๊างวัน ( คงคิดว่าเป็นตัวเอง ^ ^ )










ตอนก้นดำเห็นของขวัญ ทำตื่นเต้นดีใจ แต่ไม่ยอมให้แกะ

แย่งจากมือแม่เอาไปถือไว้ ถือสักพัก เอาส่งต่อให้ป้าอ้อ

ป้าต้าต้องอ้อนวอน+ขู่ บอกให้แกะเห๊อะ

ชีถึงยอมส่งให้ป้าต้า แล้วป้าต้าก็ส่งต่อให้แม่อุ๊ใหม่
ป้าต้าเลยเบี่ยงความสนใจชีไปที่การ์ดแทน

ถามชีว่า นี่ตัวอะไรเอ่ย

ก้นดำ : ควายยย

เอิ่ม เอิ่ม เยี่ยมมากเลยลูก มองกวางเป็นควาย เก่งได้อีก










อาทิตย์ถัดมา ถึงคิวของก้นดำบ้าง

ป้าอ้อเป็นคนไปหอบหิ้วสิ่งนี้ให้จาก K-mart

อุ๊บอกว่า เคยไปเดินดูเหมือนกัน แต่ยังไม่กล้าตัดใจซื้อ

ราคาใน K-mart = $80 ซื้อตอน sales เหลือ $45

ราคาใน Toys r us = $150 ถ้วน ไม่ลดแต่อย่างใด

ดีใจจัง พี่อ้อซื้อได้ของถูก ( ซึ่งนาน ๆจะมีสักที )

















หลังจากประกอบเสร็จเรียบร้อย







ก้นดำ ซึ่งวันนี้ชีมาในชุด...

ในชุด...

อะไรดีเนี่ย

ลูกกรอกดีมั้ย หรือไส้กรอกดีน๊า (รมควันด้วย)

อิแม่มันซื้อไว้เมื่อตอนกลับไทยช่วงเมษาฯ






ท่าโปรด





ดูชีจะชอบกับของขวัญทั้งสองชิ้นเป็นอย่างมาก

ของขวัญของอุ๊นั่น คาดว่าจะเสร็จก้นดำเป็นแน่แท้

ต้องขอลูกเล่นแล้วแหล่ะอุ๊เอ๋ย โฮะ โฮะ โฮะ









ดูมุ่งมั่นมาก














เวลาวางกะทะหรือหม้อลงบนเตา
มันจะมีเสียงฉ่าๆ เหมือนทำกับข้าวจริงๆ เลย







เครื่องปั่น ปั่นได้จริงด้วยน๊า เสียงดังแคร่ก ๆๆๆ
ขนมปังปิ้งก็มีดีดติ๊งด้วย






หลังจากชื่นชมกับของขวัญแล้ว ก็ได้เวลาออกไปหาอะไรหม่ำกันสักหน่อย








กิจกรรมระหว่างรออาหารของสองสาวต่างวัย



หน้าชี ทะเล้นได้อีก











รูปนี้หน้าตาขี้เมามั่กๆ เคลิ้มเชียว
ไม่รู้แอบไปจกไวน์โต๊ะข้างๆ กินมาป่าว



ท่านั่ง กุลสตรีเหลือเกินลูกเอ๊ย


ออกจากร้าน เดินผ่านวงดนตรีเปิดหมวก
อุ๊บอกให้ก้นดำเอาเหรียญไปใส่ในหมวกให้เค้า

ก้นดำซึ่งหวาดกลัวกับเสียงดัง ๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น

ลังเลอยู่พักนึง แล้วตัดใจวิ่งกำเหรียญไปใส่
( แต่ดูไปเหมือนจะเขวี้ยงซะมากกว่า )

แล้วรีบวิ่งจู๊ดออกมา ป้ามันเก็บภาพไว้ไม่ทัน ได้แค่ตอนวิ่งหางชี้ออกมาแล้ว



















ป้าอ้อซื้อปีก+ที่คาดผมผึ้ง ให้ชีใส่







ชีชอบมาก ร้อง Bee bee ตลอดทาง
ต้องขอให้ถอดตอนขึ้นรถ เพราะมันแน่นคับ Car seat นั่งไม่ได้






คืนนี้อากาศดี กะว่าจะเดินเล่นไปแถว Darling Harbour กันสักหน่อย

แต่ก้นดำไม่ให้ความร่วมมือ เพราะทางที่จะไปมันเป็นทิศเดียวกันกับ China town

ชีร้องโวยวายอยู่กลางถนน จะกลับบ้านลูกเดียว

"มะอาว น่าทาว มะอาว... กะบ้านเห๊อะ"

โวยวายอยู่อย่างนั้นจนคนเริ่มมองว่าอิลูกกรอกนี่เป็นไรหว่า



สุดท้าย สามสาว พ่ายแพ้ต่อลูกกรอก

โอเค๊ กะบ้านก็กะบ้าน
..............





ถ่ายคลิปก้นดำมา ไม่เข้าใจ ตอนถ่ายตั้งกล้องแนวนอนปกติ





แต่ไหงคลิปมันออกมาตะแคงงี้ละ T T






ได้วิธีดูคลิปตะแคงแบบนี้มาจากคุณhappy ว่า





ให้เอียงคอมดูนะค๊า สำหรับ notebook





ส่วนเครื่อง pc ก็เอียงหัวกันไปแล้วกันเน๊อ












ปล.

ต้ากับพี่อ้อ ยังคงเก็บงำของขวัญของตัวเองไว้

โดยที่พี่อ้อเผยไต๋มานิดนึงว่า ของขวัญที่พี่เตรียมไว้ให้ต้า

รับรองต้าต้องถูกใจ 95 % ( โอ้โห มั่นใจไปป่าวเพ่ )

ส่วนของต้า ก็มั่นใจเหมือนกันแหล่ะ ว่าพี่น่าจะชอบ ^ ^

25 ธันวา จะได้รู้กัน Ho..ho..ho





วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Tipping The Velvet




เดือนที่แล้ว ตอนที่ไปซื้อดีวีดีจากร้านไทยมาดูตามปกติ

พี่อ้อเหลือบไปเห็นหนังฝรั่งเรื่องนึง



ชื่อเรื่อง " Lesbian Vampire"




อืม... น่าสนใจ ก็เลยซื้อมา


ตอนซื้อ เราแอบคิดเอาว่าคืนนี้เรามีอะไรสนุก ๆดูกันแล้วสิ




ผ่านไปหลายวัน ถึงได้เปิดดู

ดูไปสักพัก พอ.. พอเถอะ




ทนดูต่อไปไม่ไหวแร่ะ
















หนังอาไร๊... ห่วยได้อีก

ไม่ได้เรื่องเลย ปัญญาอ่อนมาก อารมณ์เสีย








พอพูดถึงหนังเลสเบี้ยนแล้ว มีอีกหนึ่งเรื่องมานำเสนอค่ะ

เป็นหนังเก่า ออกมานานมากแล้ว แต่เผื่อว่าใครยังไม่ได้ดู

เป็นหนังที่พี่อ้อซื้อเก็บไว้ แล้วเอามาให้เราดูตอนมาที่นี่ใหม่ ๆ

เป็นหนังเลสเบี้ยนเรื่องนึงที่พี่อ้อชื่นชอบ พี่เค้าว่า

เรื่องนี้ภาพสวย ใช้การสื่ออารมณ์ของตัวละครด้วยภาพได้ดี

เช่น อารมณ์หึง ก็จะฉายไปที่คนกำลังทำกับข้าว

โฟกัสไปที่กะทะที่กำลังผัด และไฟที่ลุกโชติช่วง รุนแรง












Tipping The Velvet







เป็นหนึ่งในนวนิยายเรื่องเยี่ยม ของ Sarah Water

นำเสนอเรื่องราวในประเทศอังกฤษยุคละครเวทีเฟื่องฟูถึงขีดสุด
















อันนี้เป็นปกที่เรามีอยู่









เรื่องย่อ


แนน แอซลี่ย์ หญิงสาววัย 18 ปี

ที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวชนชั้นแรงงาน

เธอทำงานเป็นคนแกะเปลือกหอย ในร้านขายหอยนางรมของครอบครัว

เธอใช้ชีวิตอย่างราบเรียบเหมือนเด็กสาวชนบททั่วไป จนกระทั่งวันหนึ่ง

เธอได้มีโอกาสเข้าเมืองไปชมการแสดงละครเวที

และต้องมนต์สะกดของ คิทตี้ บัตเล่อร์ นักแสดงสาวสวย

ที่สวมบทบาทเป็นผู้ชายบนเวที แนนคลั่งไคล้เธออย่างมาก


ถึงกับไปดูการแสดง ของคิทตี้ทุกคืน





จนกระทั่งคืนหนึ่ง สิ่งที่แนนไม่เคยคิดฝันก็เกิดขึ้น

เธอได้พบและพูดคุยกับคิทตี้ ในห้องพักนักแสดง

ทั้งคู่คุยกันถูกคอ คิทตี้จึงชวนแนน ไปเป็นผู้ช่วยแต่งตัวให้เธอ

แนนและคิทตี้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน จนสิ้นฤดูกาลแสดง

คิทตี้ได้ รับข้อเสนอให้ไปเปิดการแสดงที่ลอนดอน

เธอจึงชวนแนนไปด้วยกัน แนนติดตามคิทตี้ไปลอนดอน

พวกเธอเช่าห้องอยู่ด้วยกัน และยังได้นอนเตียงเดียวกันด้วย

แนนรู้สึกเหมือนมีไฟสุ่มอก เมื่อคิทตี้เข้ามาใกล้และเวลาที่คิทตี้นอนกอดเธอ







การแสดงของคิทตี้ได้รับการตอบรับจากชาว ลอนดอนดีขึ้นเรื่อยๆ

และเธอก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นทุกที

แม้ว่าแนนจะภูมิใจและยินดีไปกับความสำเร็จของหญิงสาวที่ตนเองรัก

แต่เธอก็กลัวว่าความสำเร็จเหล่านี้ จะพรากคิทตี้ไปจากเธอ





คืนหนึ่ง ขณะที่คิทตี้ไปเจรจาธุรกิจกับเจ้าของโรงละคร

แนนซึ่งอยู่ ในห้องเพียงลำพัง ได้เอาเสื้อผ้าผู้ชายของคิทตี้มาสวมใส่

เมื่อคิทตี้กลับมาเห็น ก็รู้สึกทึ่งในความหล่อเหลาของแนน

ถึงกับดึงเธอเข้าไปจูบ และนั่นเป็นจูบแรกที่แนนได้รับจากหญิงคนรัก




วันรุ่งขึ้น คิทตี้พาแนนไปโชว์ตัวกับคุณบลิส เจ้าของคณะ

แนนจึงถูกวางตัว ให้เป็นนักแสดงคู่หูของคิทตี้

แนนถูกเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้คล้ายผู้ชาย และต้องฝึกซ้อมละครอย่างหนัก

(ซึ่งในละครเธอได้โอกาสจูบคิทตี้ นับครั้งไม่ถ้วน)




การแสดงครั้งแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ในคืนงานเลี้ยงฉลอง คิทตี้ไม่พอใจที่เห็นแนนออกไปเต้นรำกับหนุ่มดนตรี

อย่างสนุกสนาน และแนบชิด เธอเข้าไปบอกแนน ว่าจะกลับบ้าน

และเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากงานเลี้ยง แนนรีบวิ่งตามไป

และไม่เข้าใจว่า คิทตี้โกรธเธอเรื่องอะไร ทั้งคู่จึงได้ เผยความในใจกันในรถม้า




และคืนนั้นเอง ที่แนนได้สมหวังในความรัก

มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของแนน

แต่ความสุขก็อยู่กับเธอเพียงไม่นาน

เมื่อต่อมาแนนค้นพบว่าคิทตี้มีความสัมพันธ์เกินเลยกับเจ้าของคณะ

และทั้งคู่จะแต่งงานกัน แนนจึงต้องจากคิทตี้ ไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย




นับจากนั้น ชีวิตของแนนก็ระหกระเหิน บางครั้ง ยากไร้ถึงกับต้องขอทาน

และบางครั้ง ต้องเข้าไปผจญในสังคมชั้นสูงอันฟุ้งเฟ้อ

ในขณะนั้นเอง แนนได้พบกับฟลอเรนซ์ หญิงสาวที่สดใสและแสนดีคนหนึ่ง

แต่แนนกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าคู่ควรกับ ฟลอเรนซ์

เธอจึงหลบหน้า ไม่ไปพบฟลอเรนซ์อีก




ต่อมา แนนถูกไดอาน่า หญิงวัยกลางคน

ที่มีรสนิยมทางเพศแปลกประหลาดนำไปเลี้ยงดู

เธอได้อยู่ในคฤหาสน์หลังโต ได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศ และได้ใส่เสื้อผ้าราคาแพงลิบ

แต่สิ่งเดียวที่ไดอาน่าไม่เคยมอบให้คือ ความรัก ซึ่งแนนเองก็ไม่เคยต้องการจากเธอ

จนกระทั่ง ชีวิตของแนนพบกับจุดตกต่ำที่สุด คนเดียวที่เธอนึกถึงคือ ฟลอเรนซ์

หญิงสาวที่เธอรู้จักเพียงผิวเผิน แนนออกตาม หาฟลอเรนซ์จนเจอ

แต่ก็พบว่าฟลอเรนซ์ได้อาศัยอยู่กับราล์ฟ หนุ่มนักสังคมนิยม ผู้อ่อนโยน

และมีทารกน้อยคนนึง นอกจากนั้น ฟลอเรนซ์ได้แปรเปลี่ยนจากหญิงที่สดใสร่าเริง

เป็นคน ที่เคร่งครึมและเอาแต่ทำงาน แนนอาศัยอยู่กับฟลอเรนซ์และครอบครัว

ในฐานะแม่บ้าน และพี่เลี้ยงทารกน้อยซีริล



คืนหนึ่ง แนนกับฟลอเรนซ์ได้ออกไปเที่ยวบาร์กัน และมีคนจำแนนได้

จึงขอให้เธอร้องเพลงให้ฟัง เมื่อเจ้าของโรงละครที่อยู่ในบาร์นั้นได้ยิน

จึงเสนองานแสดงให้เธอ นอกจากนั้น เพลงที่แนนร้องยังทำให้ ฟลอเรนซ์

ประทับใจในตัวเธอ เป็นอย่างยิ่ง

ในคืนนั้นเอง แนนได้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับฟลอเรนซ์




ในระหว่างที่ซ้อมละครอยู่ จู่ๆ คิทตี้ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอขอให้แนน กับไปอยู่กับเธอ

โดยที่เธอจะยอมหย่ากับคุณบลิส แต่แนน เจ็บปวดเกินกว่าที่จะตกปากรับคำในทันที

อีกทั้งในขณะนั้น หัวใจของเธอมีแต่ฟลอเรนซ์ แนนรู้สึกกลัดกลุ้ม จนถึงวันที่ต้องขึ้นแสดง

และวันนี้เอง ที่เธอจะต้องเลือก...

^ ^



ลองไปหามาดูกันนะคะ


หวังว่าเพื่อน ๆ จะชื่นชอบ...เหมือนกับเรา ^^



วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ของเหลือ

Sat 21 November , 2009









กิจวัตรประจำวันหยุดของชีวิตที่นี่



วนเวียนอยู่แต่เรื่องอาหารการกิน

ภารกิจประจำวันของแม่บ้านจำเป็นอย่างเรา

(ใช่เซ๊ ก็ที่นี่มันไม่มีรถเข็นขายข้าว ขายก๋วยเตี๊ยวอร่อยๆ แบบบ้านเรานี๊)















ตอนเพื่อนมาเที่ยวบ้าน เปิดรายการเปรี้ยวปากให้เพื่อนดู


เพื่อน : โห อันนี้น่ากินจัง


ต้า : อืม คิดดูสิ ขนาดแกอยู่เมืองไทย


พอมาเห็นรายการแบบนี้แกยังอยากกิน แล้วช๊านละ T T



เพื่อน : แล้วแกจะไปซื้อรายการพวกนี้มาดูทำไม๊ ดูแล้วก็อยาก


ต้า : ก็ดูไว้เป็นไอเดียไง



เผื่ออันไหนอยากกินแล้วพอจะทำเองได้ ก็ทำกินเอง









เหมือนกับที่เวลาไปอ่านบล็อกเพื่อนๆ ไปกินตามร้านดังนู้นนี่


แล้วเอารูปมาลง เราก็แอบฉกเอาไปมั่วๆทำกินเองอยู่บ่อยๆ


ใช้ได้มั่ง ไม่ได้มั่ง ก็กินๆกันไป เหอ เหอ ดีกว่าไม่ได้กิน


ชีวิตนี้หากไม่ได้กินอาหารไทย อาจขาดใจตายได้ (จริง จริ๊ง )















เสาร์นี้กินไรกันดีน๊า





พี่อ้อนำเสนอปลาทอด


โอเค ได้ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก จัดไป






อีกสักอย่าง ทำไรดีน๊อ


ไปคุ้ย ๆตู้เย็น




อ๊า.... เจอใบมิ้นท์ที่เหลือจากกุ้งมะนาว


( เริ่มเหี่ยว แต่ทิ้งไม่ได้ เป็นเงินทั้งน๊าน )


มีหมูสับเหลืออยู่ หอมแดงเหลือครึ่งลูก















ปิ๊งป่อง.... คิออกแร๊ว





ทำลาบหมูใส่วุ้นเส้นดีก่า


(ไอเดียจากร้านลาบกาฬสินธุ์จากบล็อกของคุณตั๊ก)





พริกป่นก็มีแล้ว ข้าวคั่วก็มีอยู่


อุปกรณ์พร้อม





ต้มน้ำ ลวกวุ้นเส้นที่แช่ไว้จนนิ่มแล้ว แล้วพักไว้



ต้มน้ำครึ่งถ้วย รอน้ำเดือด ใส่หมูสับลงไป



หมูเดือด ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล มะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว



ใส่วุ้นเส้นลงไป ใส่ใบมิ้นท์ลงไป















เรียบร้อย















วันนี้ขี้เกียจ...ทำสองอย่างพอ





v




v




v




v








ปลา snapper ทอดกรอบ









































เมนูของเหลือได้แก๊.....









ลาบวุ้นเส้นนนนนนน






......


......










ผลออกมาไม่ได้ดั่งใจ อยากให้มันมีน้ำใสๆ เจิ่ง ๆ

แต่พอใส่ข้าวคั่วลงไปแล้วมันหนืดๆ

ยิ่งพอใส่วุ้นเส้นไปปุ๊บ น้ำหายไปหมดเลย

ไม่เหมือนยำวุ้นเส้นแฮะ ทำไมอันนั้นทำให้น้ำเจิ่งๆได้หว่า





ว๊า... ก็กินกันไป เพราะยังไงก็ต้องกินอยู่ดี



วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กุ้งมะนาว

Sat November 14 , 2009





เมื่อคืนดูรายการตลาดสดสนามเป้า

พิธีกรพาไปร้านอาหารแถวบางขุนเทียน

มีเมนูแนะนำจากทางร้านหลายอย่าง

มีอยู่เมนูนึงชื่อ กุ้งอะไรสักอย่าง เป็นชื่อร้าน จำไม่ได้แร่ะ

หน้าตาคล้ายกุ้งราดน้ำจิ้มแซ่บๆ

เลยหันไปถามพี่อ้อ

ต้า : ดาร์ลิ้ง พรุ่งนี้กินหมูมะนาวมั้ย?

พี่อ้อ : ไม่เอา ไม่อยากกินหมู

ต้า : งั้นเปลี่ยนเป็นกุ้งเอามั้ย?

พี่อ้อ : โอเค เอา เอา

ต้า : แล้วเอาอะไรอีกดี

พี่อ้อ : ต้มยำ

ต้า : อีกแร่ะ ไม่เบื่อเหรอคะ

พี่อ้อ : ไม่เบื่อคะ




โอเค จัดไป






เช้าวันเสาร์ ไปช่วยงานพี่อ้อจนเกือบเที่ยง
เสร็จแล้วเราก็มุ่งหน้าไปจ่ายตลาดที่ Paddy Market

ส่วนพี่อ้อ แยกไปทำงานต่ออีกที่





หอบหิ้วของสองไม้สองมือเต็ม shopping bags
กลับถึงบ้านบ่ายโมงกว่าๆ

พี่อ้อบอกว่า จะเลิกงานกลับมาถึงบ้านตอนห้าโมงกว่า

แต่พอกลับมาถึงบ้านไม่ทันไร

พี่อ้อโทรมาบอกว่าจำวันผิด ที่จริงต้องไปวีคหน้า
เอ๋า พี่อ้อนี่ แทนที่จะได้ไปจ่ายตลาดด้วยกัน






พอได้ฟังดังนั้นเลยต้องรีบลงมือทำกับข้าวเตรียมไว้

กลับมาถึงบ้านจะได้หม่ำเลย
เพราะคาดว่าคงหิวซ่กกลับมาตามเคย







เริ่มต้นที่ต้มยำก่อน เพราะทำทิ้งไว้ได้
เสร็จแล้วค่อยทำกุ้งมะนาว

เครื่องปรุงต้มยำ ก็ตามที่รู้ ๆกันนะคะ
v
v
v






วันนี้จะทำต้มยำเห็ดสองสหาย

ไม่เน้นเนื้อสัตว์ เพราะใส่แล้วเหลือบานเบอะทู๊กที

ดันชอบกินแต่เห็ดกันทั้งคู่ เลยใส่แต่เห็ดดีกว่า













หน้าตาคล้าย ๆ เห็ดโคน แต่คนขายชีเรียก Little browns








เอามาหั่นเป็นแผ่น ๆ แบบนี้

v

v




















อันนี้เห็ดฟาง ใช่มั้ย?... ( ใช่สิ... สับสนเล็กน้อย )












ข้ามขั้นตอนการทำต้มยำไปเลยละกัน

เพราะเป็นเมนูไทย ๆที่ใคร ๆก็น่าจะคุ้นเคยกันดี



















มาที่ กุ้งมะนาว กันดีกว่า เป็นเมนูที่ไม่ยากค่ะ



เตรียมเครื่องปรุงก็น้อย ขั้นตอนการทำไม่ซับซ้อน

เหมาะแก่แม่ครัวจำเป็นไกลบ้านอย่างเรา






ส่วนผสม


กุ้งตัวอวบ ๆ ปริมาณตามความอยาก

กระเทียม

พริกแดง

ใบมิ้นท์

มะนาว

น้ำปลา

น้ำตาลปี๊บ

เกลือ






เริ่มต้นที่ล้างกุ้งให้สะอาด บั้งหลังกุ้งเอาเส้นดำๆออก


v


v


v















สับกระเทียม+พริกแดง ให้ละเอียด

ล้างใบมิ้นท์แล้วเด็ดเตรียมไว้






v


v


v














น้ำยำ

น้ำตาลปี๊บครึ่งช้อน + เกลือนิดหน่อย



น้ำมะนาวสักสองลูก



น้ำปลาไปใส่สักสองช้อนก่อน



แล้วค่อย ๆชิมรสตามชอบ


พอได้รสที่ถูกใจแล้วก็ใส่กระเทียม+พริกลงไป คนให้เข้ากัน




ต้มน้ำจนเดือด แล้วเอากุ้งไปลวก

พอกุ้งสุก ก็เอากุ้งใส่ลงไปในอ่างน้ำยำ คนให้เข้ากัน ใส่ใบมิ้นท์






เรียบร้อย



v


v


v



















แถมท้ายด้วย ผัดผักบุ้ง


ช่วงนี้เป็นฤดูกาลผักบุ้ง



ขายกำละ 1 - 1.50 ดอลล์ อันนี้ถือว่าถูก


เพราะถ้าช่วงแพงจะขายเป็นกิโล กิโลละประมาณ 10 กว่าดอลล์

ช่วงแพงก็จะงดกิน ไม่ไหว แพงเกิน

ผัดผักบุ้งเป็นอีกเมนูที่พี่อ้อโปรดปราน กินได้ทุกวัน ไม่มีเบื่อ













ผัดผักบุ้ง VS ต้มยำเห็ดสองสหาย














กุ้งมะนาว by อลิน ^ ^ (มะใช่ละ)





.............








ตบท้ายมื้อเย็นวันนี้ด้วยผลไม้ตามฤดูกาล

องุ่นดำไร้เมล็ด หวานฉ่ำ ลูกโต



กัดไปแล้วฉ่ำเต็มปากเต็มคำ



v


v


v






...............





วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

~ พี่..เขิล ~

Mon November 16 , 2009


8 โมง 45


พี่อ้อไปทำงานแล้ว



ต้าเพิ่งตื่น วันนี้มีเรียน

เข้าเรียน 9 โมง

ไปมัน 10 โมงกว่า




ไม่ชอบอาจารย์วิชานี้ ครูชาวเคนย่า

ไม่ถูกชะตา ไม่ชอบ ไม่อยากเรียน

ดีอยู่อย่างเดียวคือเช็คชื่อท้ายชั่วโมง เลยไปมันซะเกือบท้าย










สองทุ่ม เลิกเรียน



นัดพี่อ้อไว้ไทยทาวน์ จะแวะหม่ำข้าวกันก่อนเข้าบ้าน





สองทุ่ม 15 ถึงร้าน

พี่อ้อนั่งอยู่ในร้านแล้ว

เดินดิ่งเข้าไปหา พี่อ้อเงยหน้ามามอง ยิ้มกรุ้มกริ่ม


ต้า : สั่งอะไรอ่ะยังค่ะ

พี่อ้อ : สั่งแล้วค่ะ

ต้า : งั้นต้ากินอะไรดีน๊า

พี่อ้อ : ชุดนี้ไม่เคยเห็น

ต้า : ก็ที่เพิ่งซื้อเมื่อวันพุธไง

พี่อ้อ : อ๋อ

ต้า : เด๋วเค้าไปห้องน้ำก่อนนะ ปวดมั่ก ๆ







5 นาที ผ่านไป






กลับมานั่งที่โต๊ะปุ๊บ


พี่อ้อ : วันนี้ดาร์ลิ้งสวย

ต้า : หือ จริงอ่ะ... สวยตรงไหน ชุดใหม่เนี่ยเหรอ

พี่อ้อ : ก็รวม ๆ ทั้งชุด ทั้งหน้า ทั้งหมด

ต้า : จริงอ่ะ แหม ดีใจจัง

พี่อ้อ : วันนี้ได้กินข้าวกับสาวสวย อิ อิ

ทำตัวไม่ถูกเลย ไม่กล้ามองหน้าดาร์ลิ้งอ่ะ เขิล

ต้า : โอ้โห นี่ถ้าใครมาได้ยินเข้า

เค้าคงนึกว่าเราเพิ่งจีบกัน แล้วมาเดทกันอ่ะเนอะ

พี่อ้อ : เด๋วกินเสร็จ กลับบ้าน แล้วเรารีบเข้านอนกันเนอะคืนนี้

ต้า : ( ต๊าย คิดอะไรกับเราแน่เลย ^ ^ )





อาหารมาเสริฟ

สังเกตว่า... ตลอดระยะเวลาที่กิน

พี่อ้อมองผ่านไหล่ออกไปนอกร้านตลอดเลย

ไม่ยอมมองหน้า ไม่ค่อยคุย มีแต่ยิ้มตุ่ย ๆ เป็นระยะ ๆ





กินเสร็จเดินกลับบ้าน

สังเกตว่า... ตลอดระยะเวลาที่เดิน

จับมือกันไปตลอดจนถึงบ้าน






ก่อนนอน


ต้า : ถามจริง วันนี้เขิลจริงอ่ะคะ

พี่อ้อ : จริ๊ง เขิลจริง ๆ

ต้า : จะเขิลอะไรอ่ะ

พี่อ้อ : ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติเวลาพี่เจอใครที่รู้สึกว่าสวย ชอบ

พี่จะเขิลไม่กล้าคุย ไม่กล้ามอง

ต้า : แล้วไมวันอื่นไม่เขิล แสดงว่าวันอื่นเค๊าไม่สวยเหรอ ( เริ่มหาเรื่องแร่ะ )

พี่อ้อ : สวยค๊า สวย






แต่งตัวสวย คนอื่นชม ก็รู้สึกดี

แต่งตัวสวย คนรักชม แหม มันช่างปลาบปลื้มใจ...เหลือเกิน

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เบอร์ห้า




Thursday November 19 , 2009



วันนี้ห้างปิดดึกกว่าปกติ ( ปกติ 6 โมง ไม่ปกติ 3 ทุ่ม )

เย็นนี้ไม่ได้ทำกับข้าว จะไปกินก๋วยเตี๊ยวร้านไทยในฟู๊ดคอร์ท

พี่อ้อจะเอาแผ่นหนังไปคืน ซื้อมาผิด ลืมไปว่ามีแล้ว



ข้อดีอีกอย่างของประเทศนี้

ซื้อของแล้ว คืนได้

ซื้อแล้วไม่ชอบ ซื้อมาซ้ำ ซื้อผิด ซื้อเกิน

คืนได้หมด แค่ให้อยู่ในสภาพเดิมและมีใบเสร็จ

ยกเว้นสินค้าบางประเภท จะมีบอกไว้ว่าห้ามคืน



กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ก็เดินไปร้านขายดีวีดีในห้าง

คืนดีวีดีเรียบร้อย



พี่อ้อ : ดาร์ลิ้ง ไปทางนู้นกัน

ต้า : ไปไหน

พี่อ้อ : ไปดูทีวีกัน

ต้า : ก็ไม่ซื้อ จะไปดูทำไม

พี่อ้อ : ไปดูเฉย ๆ

ต้า : สบายใจว่างั้น





ตั้งแต่วันที่ไปซื้อชุดว่ายน้ำแร่ะ เดินวนไปมากันในโซนขายทีวี

อยากได้กันทั้งคู่ แต่ตกลงกันไปแล้วว่าจะไม่ซื้อ เพราะคิดกันว่า

อีกไม่กี่ปีเราก็จะกลับแล้ว ซื้อมาก็เป็นภาระอีก

พยายามไม่สร้างอะไรเพิ่ม ให้ลำบากตอนกลับ

แล้วที่มีอยู่มันก็ยังทำงานได้ดี เครื่องเก่าแก่สมัยพี่อ้อมาใหม่ ๆ

แต่ถ้าซื้อเครื่องใหม่ แล้วจะทำยังไงกะเครื่องเก่ากันดี

หรือจะประกาศขาย ขายในเวปไทยที่นี่ เหมือนตอนขายจักรยานไง



พี่อ้ออยากได้ทีวีจอใหญ่ ๆ มาไว้เล่นเกมส์ wii

ต้าก็อยากได้ LCD เพราะมันบางดี ประหยัดเนื้อที่



วันนี้... ในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า

สองสาว ยืนพิงผนังดูทีวี LCD จอ 32 นิ้ว

ยืนกันนิ่ง ๆ ร่วม 10 นาที

ในร้านเปิดการ์ตูนเรื่อง Bolt ให้ดูศักยภาพของทีวี

สองสาวดูหมาน้อยในเรื่อง ผจญภัยไปเรื่อย ๆ

มีอยู่ฉากนึง หมาน้อย วิ่ง วิ่ง วิ่ง

ใกล้จอเข้ามาเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ

ใกล้เรามาก ชัดมาก มากซะจน....



พี่อ้อ : ดาร์ลิ้ง... หมามันจะวิ่งมาหาเราแล้ว

ต้า : อืม.. นั่นสิ ชัดเนอะ แจ่มเชียว

พี่อ้อ : ซื้อมั้ยดาร์ลิ้ง

ต้า : โอเค ซื้อเลย



เลือกรุ่นที่คิดว่าเหมาะสมกับเราที่สุด

Samsung LCD 32 นิ้ว Series 3

ราคาพอรับได้ ถูกกว่ายี่ห้ออื่น ประหยัดไฟ 4 ดาวครึ่ง

ราคาทีวี + ประกัน 2 ปี = 739 ดอล์ = 22170 บาทถ้วน


เบียดเบียนกองทุนสำรองสองเรานิดหน่อย มะเป็นไร เด๋วสมทบเข้าไปใหม่



Series 4 แพงกว่า 100 ดอล์

พนักงานบอกว่า ต่างกันตรงที่มี HDMI เป็น 3 ช่อง

แล้วก็หมุนจอซ้ายขวาได้

ไม่เป็นไร ไม่จำเป็น

ทีวี ไม่ใช่ดอกทานตะวัน ไม่จำเป็นต้องหมุนตาม

เด๋วเราหมุนตามทีวีเอง



แล้วตกลง จะทำยังไงกะเครื่องเก่า??



ต้า : ถามอุ๊ดูก่อนมั้ย เผื่ออุ๊อยากได้

เห็นบอกว่า เด๋วย้ายไปบ้านใหม่ พี่ก้องจะต้องซื้ออีกเครื่องนึง



จัดแจงโทรหาอุ๊
อุ๊เพิ่งขับรถออกจาก ikea

มาซื้อโต๊ะให้ก้นดำ กำลังจะกลับ

สรุปความได้ว่า เด๋วอุ๊จะมาจอดรับเราพร้อมกับทีวีใหม่

ไปส่งที่บ้าน และจะกลับไปพร้อมทีวีเก่าของเรา ^ ^





โอเค..

แจ้งความประสงค์กับพนักงาน เอารุ่นนี้แหล่ะ

ยกมาเลย
v
v
v
v

กลับถึงบ้าน จัดแจงยกเครื่องเก่าลง ให้อุ๊ไป

ช่วยกันประกอบเครื่องใหม่ ( จอ + ฐาน )

เสียบสายไฟเข้ากับรูต่าง ๆ

จูนหาช่อง



โอ้โห ทีวีใหม่มีความสามารถในการหาช่องได้มากกว่าปกติ

จูนเจอช่องใหม่ๆ ที่เราไม่เคยมี ( ปกติมีแค่ 4 ช่อง )

ตอนนี้เลยมีรายการใหม่ๆ แปลก ๆให้เราดูมากกว่า 10ช่อง





เช้าวันศุกร์

พี่อ้อตื่นก่อน (เป็นปกติ)

ทำธุระนู้นนี่เสร็จ พร้อมออกจากบ้าน

ก็มามอร์นิ่งคิสเรา (ซึ่งยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม) ตามปกติ

พยายามเบิ่งตาขึ้นมามอง เห็นพี่อ้อเดินยิ้มกริ่มมาเลย



พี่อ้อ : ดาร์ลิ้ง เช้านี้เค้าตื่นขึ้นมายืนชื่นชมทีวีอยู่ตั้งนานแหล่ะ

ทีวีใหม่ จอบาง มันทำให้บ้านเราดูกว้างขึ้นด้วยน๊า

ต้า : เหรอออออ อืม ( นอนต่อ )





บ่ายสอง

ได้รับแมสเซจจากพี่อ้อ

sms 1 : อยากถึงบ้านเร็วๆ ไปอยู่กับที่รักและทีวีใหม่

sms 2 : But new tv more than me Right?

sms 1 : :)

sms 2 : Okayyyy. Sleep with a new tv tonight!!

sms 1 : :(







เบอร์ห้า

บ้าเห่อ





ปล.

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่นี่ส่วนใหญ่ ราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะตู้เย็น

บ้านเรา ตู้เย็นมีให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายขนาด หลายราคา

ที่นี่ไม่ค่อยมีตู้ย่อม ๆ มีแต่ไซด์ใหญ่ ๆ แบบสองประตู

เมืองฝรั่งนี่ อะไร ๆ ก็ใหญ่ไปหมดจริง ๆ

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เค้าไม่ได้ตั้งใจ...จริงๆ

Sunday November 15 , 2009






วันนี้มีนัดกับอุ๊ จะไปเดินเล่นห้างใหญ่แถวบ้านอุ๊กัน

วัตถุประสงค์หลักคือ พี่อ้อจะไปดูรองเท้าสักหน่อย

วัตถุประสงค์รองคือ เดินเล่น ชิล ๆ กันไป






บ่ายสอง หิวข้าว

แวะไปหาอะไรหม่ำกันที่ฟู๊ดคอร์ด

ก้นดำเดินตามป้าอ้อไปสั่งราดหน้าที่ร้านไทย

ป้าอ้อเดินกลับมาแล้วเล่าให้ฟังว่า

" คนขายถามพี่ว่า นี่ลูกสาวเหรอค่ะ"


ต๊ายยย ถามไม่คิด นี่ถ้าเดินไปกะป้าต้าก็ว่าไปอย่าง








เดินไปเดินมา พี่อ้อเจอรองเท้าถูกใจ



แต่.... ไม่มีไซด์ ปัญหาเดิม ๆ ( อีกแร๋น )












ห้าโมง ห้างกำลังจะปิด

อ๊ะ มีอีกโซนจะปิดตอนหกโมง แวะไปดูกันหน่อยดีกว่า







เราอยากได้ชุดว่ายน้ำใหม่

เลือกได้ชุดถูกใจ ก็หยิบเข้าไปลอง

เอาไซด์ 10 กับ 12


( ตอนมาใหม่ ๆ ยังใส่ไซด์ 8 อยู่เลย T T )








ตอนลองกางเกงว่ายน้ำ ก็ไม่อยากถอดกุงเกงใน



ก็เลยสวมทับไปเลย



พอลองเสร็จสรรพ ได้ไซด์ที่ต้องการ



ก็ขยุ้มชุดทั้งหมด ออกมาจากห้องลอง

แล้วหยิบชุดที่ต้องการ เดินไปจ่ายตังค์






จ่ายตังค์เสร็จ สี่สาวก็มุ่งหน้าสู่ที่จอดรถ

ก่อนออกจากประตูห้าง รู้สึกปวดฉี่เกินจะทนได้

เลยขอแวะเข้าห้องน้ำสักหน่อย




เข้าไปคนเดียว พี่อ้อ อุ๊ และก้นดำ รออยู่ด้านนอก

ห้องน้ำ โล่ง ไม่มีคนเลย เพราะห้างจะปิดแล้ว

เข้าไปปุ๊บ ถอดกางเกง ( ขาสั้น )

ก้มลงไปดู



v

v

v

v




ว๊ายยยยยยยยยย ตายแร๋นนนนนนน



............................................


รีบใส่กางเกง แล้ววิ่งปรู๊ดออกมาจากห้องน้ำ

เจอหน้าสามสาว




ต้า : ไปกันเหอะ รีบไปกันเหอะ

พี่อ้อ : มีไรอ่ะ มีไร ต้องไปทำอะไรของเค้าพังมาแน่เลย ใช่มั้ยเนี่ย

ต้า : ป่าว ไม่ได้ทำอะไรของเค้าพัง แต่ขำตัวเอง

พี่อ้อ , อุ๊ : ขำไรเหรอ

ต้า : ออกไปที่รถกันก่อนดีมั้ย แล้วเด๋วเล่าให้ฟัง










เอิ่ม เอิ่ม แบบว่า



พอช่วงที่กำลังจะถอดกุงเกงในเนี่ย ปรากฏว่า มันมีสองตัวอ่ะ

กางเกงในหนึ่ง กางเกงว่ายน้ำอีกหนึ่ง

อ๊ากกกก




สงสัยตอนถอดชุด ลืมไปว่าใส่กางเกงว่ายน้ำอยู่อีกตัว

แล้วดันสวมกางเกงขาสั้นทับไปเลยโดยไม่ได้ดู



กลายเป็นว่า

ได้กางเกงว่ายน้ำมา 2 ตัว 2 ไซด์

ง่ะ .....เค้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ น๊า T T

จะเอากลับไปคืน ก็เด๋วเค้าหาว่าเราขโมย

ถือซะว่า สมนาคุณลูกค้าก่อนคริสต์มาสแล้วกันนะค๊า






.


.


.











ชิ้นที่ 1









.


.


.











ชิ้นที่ 2 และ 3







.

.


.


.




จริงๆ ควรจะได้แค่ 3 ชิ้น






แต่....


v
v
v







กลายเป็นได้มา 2 ชุด... ซะงั้น

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Mini concert@ Hype Park

Sat November 7 , 2009













เสาร์นี้ เรามีภารกิจฟิตโช่ พาก้นดำไปดูคอนเสริ์ต

เป็นคอนเสริ์ตแบบเด็ก ๆ ที่จัดขึ้นทุกปีก่อนคริสต์มาส

จัดโดยห้าง David Jones ห้างดังของที่นี่

จัดที่ Hype Park ซึ่งเป็น Park ขนาดใหญ่ใจกลางเมือง

อารมณ์เหมือนสวนลุมฯ ประมาณนั้น แต่เล็กกว่า

















แต่ละปีก็จะสลับสับเปลี่ยนกันไป ว่าจะเป็นของใครมาเล่น


ปีนี้เป็นการ์ตูน ดอร่า เต่านินจา และแบทแมน

เริ่มแสดงตั้งแต่ 10 โมงเช้า ไปจนถึง 11 โมงกว่า ๆ


พี่อ้ออ่านเจอจากใบปลิวว่าปีนี้จะเล่นวันเสาร์นี้

ก็เลยบอกอุ๊ให้พาก้นดำไปดู

แต่.... เช้าวันเสาร์นี้ อุ๊ไม่ว่าง ต้องไปทำธุระตั้งแต่เช้าตรู่

กว่าจะเสร็จก็เกรงว่าจะไม่ทัน

ส่วนป๊ะป๋าก้นดำ ก็มีนัดตัดผม ( ภารกิจสำคัญกว่า )



ดังนั้น ภารกิจนี้จึงตกเป็นของใครไปมิได้

นอกจากอิป้าทั้งสองนั่นเอง






9โมงเช้า ป๊ะป๋าพาก้นดำมาส่งมอบให้ป้าๆที่บ้าน

มาพร้อมกับกล่องอาหารเช้าที่ม๊ามมี่เตรียมไว้ให้

แต่ชียังไม่ยอมกิน


สภาพก้นดำวันนี้เหมือนป๊ะป๋าเพิ่งขุดมาจากเตียง

หัวยุ่ง รุงรัง ( หรือป๋าทำทรงนี้ให้หนูหว่า )


ก่อนออกจากบ้าน เราก็เลยต้องหลอกล่อให้ชีหม่ำอาหารเช้าให้อิ่มซะก่อน แล้วถึงจะพาไป


พร้อมกับจัดทำทรงผมให้ใหม่

( ป้าอ้อบอก ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย )





9.45 สามสาวพร้อมออกจากบ้าน

ใช้เวลาเดินจากบ้านไป Hype Park ประมาณ 10 นาทีก็ถึง












อีกนิดนึงจะสูงเท่าป้าต้าแร่ะ

สูงล้ำหน้าเด็กวัยเดียวกันมั่ก ๆ

ถือเป็นสิ่งเดียวที่ชีมีเหนือกว่าเด็กคนอื่น 555

































"กีต้าร์ หลายคนเค้าว่า หน้าเราเหมือนกันล่ะ หนูคิดว่าไง"












พอเรากำลังจะไปถึง อุ๊ก็โทรมาพอดี

ว่าเสร็จธุระเรียบร้อย กำลังมุ่งหน้ามาเจอกัน






รูปนี้ ป้าอ้อพยายามวิ่งไปดักด้านหน้า
เพื่อที่จะถ่ายรูปตอนชีกำลังเดิน

ซึ่งชีก็ให้ความร่วมมือดีมากกก
วิ่งตามป้าอ้อไปติด ๆ ซะงั้น










คนเยอะใช้ได้ จับจองที่นั่งหน้าเวทีกันเต็มเพียบ

ส่วนใหญ่ก็มากันเป็นครอบครัว

( หนูก็มากับครอบครัวน๊า เด๋วให้ป้าอ้อเป็นป๊ะป๋าแทนไปก่อน )















ดอร่า





นินจาเต่า







เสียงพิธีกรพูดออกไมค์ ดังมากกก

ดังเกินไปสำหรับหูของเด็กเล็ก ๆ

เด็กหลายคนและก้นดำคงรำคาญ เอานิ้วอุดหูซะงั้น
























ชอบเด็กน้อยคนนี้ ใส่ยีนส์น่ารักดี แอบถ่ายมาซะเลย












ท่าประจำ











ท่าน่ารัก ( ชีคิดเอาเองว่าน่ารัก )










เอาลูกโป่งปิดหน้าซะงั้นล่ะ ป้าอ้อ
























.

.

.

เด็กน้อยคนนี้สะบัดสะโพกได้ใจป้ามั่ก ๆ

v

v

v


เอิ่ม ๆ แบบว่ามันsave มาเป็นแบบนี้อ่ะคะ

แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตะแคงคืนยังไง ดูแบบเอียงคอไปละกันน๊า

.

.

หนูน้อยคนนี้ก็น่ารักดี

v

v

v

....................


วันก่อนแม่อุ๊เล่าให้ฟังว่า พาก้นดำไปเล่นที่บ้านเพื่อนของชี

ชื่อพี่มิ้นท์ แก่กว่ากีตาร์ครึ่งปี

พี่มิ้นท์เป็นเพื่อนเอเชียคนเดียวที่กีตาร์มีอยู่ ที่เดย์แคร์

พี่มิ้นท์เป็นลูกครึ่ง ไทย มาเลเซีย คุณแม่เป็นคนไทย

พี่มิ้นท์จะพูดภาษาไทยเหมือนฝรั่งหัดพูดไทย

เพราะว่าเธอสื่อสารกับคุณพ่อเป็นภาษาอังกฤษ

คุณแม่จะใช้ไทยด้วย แต่เธอก็จะโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษ

เวลาคุยกันกับก้นดำ ก็จะใช้ภาษาอังกฤษ

วันนั้น อยู่ดีดีเธอก็ถามก้นดำของเราว่า

"Can you be my friend kitar?"


ก้นดำของเราก็ตอบไปอย่างหนักแน่นว่า

"Noooooo"


พี่มิ้นท์ได้ฟังดังนั้น วิ่งปรู๊ดไปฟ้องคุณแม่

พร้อมกับสะอึกสะอื้นเสียอกเสียใจ

เดือดร้อนแม่อุ๊ต้องรีบไปอธิบายว่า

กีตาร์ไม่เข้าใจที่พี่มิ้นท์พูดหรอก

ให้พี่มิ้นท์ลองพูดใหม่ แต่ให้พูดภาษาไทย


พี่มิ้นท์ก็ลองถามใหม่ด้วยภาษาไทยสำเนียงบิด ๆ เบี้ยว ๆ

"เปงเพื่อนกานม๊ายย"


คราวนี้คำตอบที่ได้ ทำให้หนูน้อยหน้าบานกันไปทั้งคู่ล่ะค๊า

^ ^