วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทำบุญ



28 มีนาคม 2010




วันนี้มีนัดไปทำบุญกัน

บ่ายโมงครึ่ง พี่มิ้นท์ (เพื่อนพี่อ้อ) มารับเราที่บ้าน

เราจะไปทำบุญ 100 วันให้แม่

ส่วนพี่มิ้นท์จะไปทำบุญให้คุณป้า




วันนี้พี่มิ้นท์มาพร้อมกับลูกสาวคนสวย

ที่เราเคยไปเยี่ยมกันมาเมื่อตอนคลอดใหม่ ๆ

น้องมินดี้


จำหนูได้มั้ย ภาพนี้หนูเพิ่งออกจากท้องแม่มาได้ 6 ชม เอง

ตอนนี้หนู สองเดือน กับสิบวันแล้วนะค๊า





จากเดิมน้องชื่อมินนี่ พี่มิ้นท์บอกว่า

ฝรั่งชอบทัก ว่าทำไมตั้งว่ามินนี่

ทักไปทักมา เลยได้ชื่อใหม่มาว่า มินดี้ แทน















........................................




ใช้เวลาอยู่ที่วัด สำหรับพิธีการทำสังฆทาน ไม่ถึง 15 นาที

แค่ไหว้พระ สวดมนต์ ประเคนของ กรวดน้ำ

เป็นอันเสร็จพิธี




.......................................




ออกจากวัด เราแวะตลาดเพื่อซื้อของสดมาทำสุกี้กินกันที่บ้าน

พอจะเริ่มกิน มินดี้ก็จะเริ่มเรียกร้องความสนใจทันที

จะอุ้มไป กินไป ก็เกรงว่าสุกี้จะหกใส่มินดี้

หลอกล่อกันอยู่หลายวิธี สุดท้ายมาจบลงตรงที่

น้าอ้อลองเอา Port table เครื่องเล็ก มาเปิดให้หนูน้อยดู

ได้ผลเกินคาด มินดี้จ้องเขม็ง ดู ที่นี่หมอชิต เพลินไปเลย

สงสัยจะชอบพี่ดู๋ สัญญา

ดูเพลิน ๆ จนหลับไป



ตื่นขึ้นมาอีกที วงสุกี้ก็อิ่มกันพอดี




































มินดี้น่ารักมากกกกกกกกกกกก

มากซะจนอยากเก็บเอาไว้เล่นตลอดเวลา






เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ หนูตดทีดังปุ๋ง ๆ เลยนะค๊า จะบอกให้ อิ อิ

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

...เดี่ยว...




21 มีนาคม 2010



วันนี้ที่รอคอย

วันที่เรามีนัดกับชายจมูกโต

บ่ายโมงตรง เราก็พร้อมอยู่หน้าโรงละคร State Theatre

โรงละครเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี

ใครผ่านไปมาแถวนั้น จะเห็นเด็กไทยหัวไม่ดำ (เพราะทำสีผม)

ตาไม่ดำ ( เพราะใส่คอนแทคสี) เต็มถนนไปหมด





บ่ายโมงห้านาที ก็เปิดให้เข้าไปด้านใน

ก่อนเข้าไป มี staff คอยตะโกนบอกให้ใครก็ตามที่นำกล้องมาด้วย

กรุณาฝากกล้องไว้ที่ห้องด้านหน้า เพราะด้านในงดถ่ายภาพ

เราไม่ได้เอากล้องไป เพราะรู้อยู่แล้วว่าเค้าไม่อนุญาติให้ถ่าย



พอเข้าไป ได้ที่นั่งเรียบร้อยตามตั๋วระบุ ก็รอเวลา

ปกติ เวลาดูโชว์ที่นี่ ( หมายถึงโชว์ของต่างชาติ )

ทุกอย่างตรงเวลา มีระเบียบเรียบร้อยตามกฏกติกาและมารยาท

ราคาที่จ่ายสำหรับเช่าสถานที่ต่าง ๆ ก็จะมีเวลาที่แน่นอน

staff ก็มีเวลาการทำงานของเค้า ไม่ได้จ้างกันทั้งวี่ทั้งวัน

ถึงเวลาปุ๊บ ปิดโรงละคร ไม่มีมาแถมมาคอย


แต่... คนไทยหน่ะรึ จะทำ





จากประสบการณ์การดูเดี่ยว 7 ครั้งที่แล้ว

ทำให้คาดเดาได้ว่า เดี่ยว 8 ครั้งนี้ คงไม่ต่างกัน

แล้วก็เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้

บ่ายโมงจะครึ่งแล้ว ยังไม่เริ่มแสดง

คนยังคงเดินเข้า เดินออกกันอย่างต่อเนื่อง

ตั๋วก็ระบุไว้ชัดเจนว่าเริ่มโชว์ บ่ายโมง

บ่ายกว่า เพิ่งจะเดินเข้ามากัน

ถ้าเป็นที่เมืองไทย ก็คงพออ้างได้ว่า รถติด น้ำท่วม ติดม๊อบ ฯลฯ

แต่ที่นี่ เหตุผลหาได้ยากในการอ้างเรื่องไม่ตรงต่อเวลา






บ่ายโมงครึ่ง เสียงพี่ปั่นซึ่งเป็น guest ดังขึ้น

ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

คนไทยทุกคนพร้อมใจกันยืนตรง ถวายความเคารพ

ให้ความรู้สึกที่ดีไม่น้อย นานเท่าไหร่แล้ว ที่ไม่ได้ทำแบบนี้

staff ที่ยืนอยู่ตามจุดต่าง ๆ คงงงไปเหมือนกัน

ว่าเกิดอะไรขึ้นหนอ ก่อนเพลงจะดังยังวุ่นวายอยู่เลย



จบโชว์ของพี่ปั่นไปด้วยความรู้สึกสบาย ๆ ชิล ๆ

กับเพลงหวาน ๆ เสียงเพราะ ๆ






บ่ายสองโมงตรง พี่โน๊ตพร้อมทอล์ค

ในขณะที่มีบางคน เพิ่งมาถึง... เฮ้อ

การเดินเข้า ๆ ออก ๆ กันตลอดเวลาที่กำลังแสดง

มันรบกวนสมาธิทั้งคนฟังและคนพูดเค้า ไม่รู้รึไง




อีกหนึ่งสิ่ง ที่ห้ามได้ยากสำหรับคนไทย

คือห้ามสิ่งไหน ขอทำสิ่งนั้น

ยิ่งถ้าแอบทำได้สำเร็จ จะรู้สึกภาคภูมิใจมาก

เค้าบอกไว้ว่าห้ามถ่ายรูป ห้ามบันทึกภาพ

ก็ยังจะมีหลายๆ คน ถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือกันอย่างไม่รู้สึกรู้สา

staff ก็ต้องคอยเดินไปเตือนเป็นระยะ ๆ

น่าชื่นใจในพฤติกรรมยิ่งนัก





จำได้ว่าเมื่อเดี่ยว 7 ขณะที่โชว์อยู่ มีแสงแฟลชเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ

จนพี่โน๊ตออกปากแซวไปว่า


เค้าบอกไม่ให้ถ่ายรูป ก็ยังจะถ่ายกันอีก



อีกหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดี่ยว 7 และครั้งนี้ก็ไม่พลาด

คือการพาเด็กเล็ก ๆ ( มาก ) จนถึงขั้นเด็กอ่อน มาดู

ก็อยากจะเข้าใจ แต่บางที เด็กเล็กมากเกินไป ก็ยากที่จะควบคุม

ร้องไห้งอแง ทำให้การแสดงชะงักไปซะหลายหน

เจออุดมแซวแกมด่าไปหลายรอบ







อุดมทำการบ้านมาดี มุขต่าง ๆ เรื่องที่พูด ทำให้หัวเราะได้เรื่อย ๆ

แซวเรื่องราวชีวิตเด็กไทยที่นี่ และประเทศต่าง ๆ ที่ไปมา

หลาย ๆ เรื่อง คิดว่าน่าจะต่างจากการแสดงที่เมืองไทย

ยกเว้น การเมือง และอาร์ทตัวพ่อ ตัวแม่





บ่ายสี่โมง ห้านาที

การแสดงจบลงพร้อมความรู้สึก เพลิดเพลิน อิ่มเอม

บ๊ายบาย อุดม แต้พานิช

ขอบคุณที่ข้ามฟ้ามาสร้างเสียงหัวเราะให้คนไทยในต่างแดน

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

Music school

เขียนในโหมดเศร้าติดกันไปสองหน้าแล้ว

กลับมาโหมดสดใสตามที่บอกไว้ดีกว่า

วันนี้จะเล่าถึงสิ่งมีชีวิตที่เริงร่าไม่มีใครเกิน

จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก สาวน้อยตูดดำ ๆ คนเดิม คนนี้นี่เอง








กิจกรรมของสองสาวต่างวัย


ป้าอ้อซื้อบับเบิ้ลมาให้ชี ชีชอบมากถึงมากที่สุด
แต่แหม ดูป้าอ้อจะมุ่งมั่นในการเป่ากว่าก้นดำซะอี๊ก


กิจกรรมเสริมสร้างทักษะในช่วงนี้ของก้นดำ

ทุกวันจันทร์ แม่อุ๊จะพาชีไปเรียนดนตรี

แม่อุ๊เจียดเงินที่ไม่ค่อยจะมี เอาไปจ่ายให้ชีเรียน

สอนตั้งแต่ 11.30 ไปจนถึง เกือบ ๆ เที่ยงครึ่ง ค่าเรียน 21ดอลล์

เรียนมาได้สักพักแล้ว วันนี้ป้าต้ากะป้าอ้ออยากตามไปดู

ปกติ เด็กหนึ่งคน ก็จะมีผู้ปกครอง (ส่วนใหญ่เป็นคุณแม่) หนึ่งคน

วันนี้ก้นดำของเรา ขนผู้ปกครองไปส่งแรงใจถึง 3 คน

ทำยังกะติดเข้ารอบ 8คนสุดท้าย













































คลาสนึงมีเด็กเรียนประมาณ 4-5 คน

เพื่อนสนิทของก้นดำก็ยังคงเป็นพี่มิ้นท์

สาวน้อยลูกครึ่งไทย-มาเลยเซีย

ที่ร่วมเรียนกันมาตั้งแต่ที่ Day care














พี่มิ้นท์แก่กว่าก้นดำ 6 เดือน แต่ความสามารถพัฒนาไปไกลโข

เป็นเด็กคนเดียวในคลาสที่พูดจารู้เรื่องที่สุด เข้าใจคำสั่งของคุณครูที่สุด

นอกนั้นก็ไก่กากันไป

กิจกรรมที่สอนก็จะเป็นการร้องเพลงและทำท่าประกอบร่วมกัน

ถามตอบเป็นเพลงที่มีคุณครูคอยดีดเปียโนให้เด็กฟัง

สอนเกี่ยวกับตัวโน๊ต ( ยากไปมั้ย )

แล้วก็มีเป็น Hand book + CD แจกให้

แม่อุ๊เล่าว่า ช่วงแรก ๆ ที่พาชีมาเรียน ชีไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่

คุณครูกับเพื่อน ๆทำกิจกรรมนี้กัน ชีก็จะไปทำอีกอย่าง

ออกแนวอย่ามายุ่งกะฉัน ( ศิลปินมากลูกเอ๊ย )

หลัง ๆ เริ่มหัดเข้าสังคม แถมท่าทางจะมีแววเป็นหัวโจกอีกตะหาก

อันนี้เป็นช่วงแรก คุณครูลูซี่เปิดเพลงให้เด็ก ๆร้องและเต้นตาม















พลิ้วมากลูก









เด็กชายหญิงคู่นี้เป็นพี่น้องกันค่ะ เสื้อน้ำเงินนั่นคุณแม่
แม่พาลูกชายมาสมัครเรียนแค่คนเดียว แต่จะเอาลูกสาวคนเล็ก
ติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกครั้ง ( งกนะย่ะ )
แรก ๆ คุณครูก็ไม่ได้หืออืออะไร หลัง ๆ เริ่มมีเซ็ง
เพราะบางทีสอน ๆ อยู่ พี่น้องจะตีกันเองมั่งล่ะ แย่งของกันมั่งล่ะ
อุปกรณ์บางอย่าง ครูก็เตรียมมาตามจำนวน แต่คนเล็กก็ร้องโวยวายอยากมีบ้าง
ซึ่งถ้าเพิ่มให้ชี ก็จะไม่แฟร์กับเด็กและผู้ปกครองคนอื่น
สร้างปัญหาและรบกวนสมาธิเด็กคนอื่น ๆ กันไป ( ไม่สำนึกด้วยนะ )




















..........................

จากนั้นคุณครูให้นั่งล้อมวง แล้วให้แต่ละคนนำของที่เตรียมมา

ออกมาโชว์ให้เพื่อน ๆ ดู

คือแต่ละอาทิตย์ คุณครูจะมีการบ้านฝากกลับไป

ว่าอาทิตย์หน้า จะให้เด็ก ๆ เตรียมสิ่งของเกี่ยวกับอะไรมา

วันนี้พี่มิ้นท์ มีแว่นตากันแดดสีสวยมาโชว์









ก้นดำของเรา เอาบับเบิ้ลที่ป้าอ้อซื้อให้มาอวด







น้องหนูคนนี้เอานิทานภาพมา








อันนี้เป็นช่วงเรียนตัวโน๊ตดนตรี





















พอเขียนตัวโน๊ตบนกระดานเสร็จแล้ว

คุณครูก็จะให้เด็ก ๆ วิ่งไปหลังห้อง เพื่อเลือกเครื่องดนตรีที่ตัวเองชอบ

มาคนละหนึ่งชิ้น เพื่อมาเล่นประกอบเพลง





ก้นดำของเราเลือกไอ้ที่เป็นวง ๆ กลมๆ เอาไว้เคาะให้จังหวะ
( เรียกว่าอะไรหว่า เรียกไม่ถูก )

ก้นดำก็เคาะถูกมั่ง มั่วมั่ง แล้วแต่สมาธิ





..........................


จบจากเรื่องตัวโน๊ต ก็มาล้อมวง ฟังคุณครูเล่านิทานเกี่ยวกับปลาน้อยตัวหนึ่ง























ช่วงท้ายชั่วโมง คุณครูแจก Hand book เล่มใหม่ และ cd เพลง














แล้วก็ให้เด็ก ๆ ลงมือทำ






เสร็จแล้วก็ต้องไปเข้าแถวส่งงาน







นอกจากนี้ก็ยังมีเรียนว่ายน้ำ อาทิตย์ละครั้ง

เวลาถามชีก็จะโชว์ท่า Dophin ให้ดู
(ออกแนวลาล่า ลูลู่ซะมากกว่า)

อันนี้ยังไม่เคยไปดูชีเรียน

แต่แม่อุ๊เล่าว่า ครั้งแรกที่ไป ชีปีนขึ้นขอบสระหนีครูกันเลยทีเดียว

ตอนนี้หน้าที่หลักของก้นดำ คือการไปโรงเรียนทุกอาทิตย์

อาทิตย์ละ 2 วัน พฤหัสฯ กะ ศุกร์ เป็น Pre-school

เข้าเรียน 9 โมงเช้า เลิก บ่าย 3

ที่นี่ต่างจาก Day care ที่ชีเคยเรียน

ที่นั่นส่วนใหญ่จะเน้นเล่นซะมากกว่า เพราะเด็กยังเล็กมาก

แต่ที่ Pre-schoolนี่ เริ่มมีการเรียนการสอน ให้ทำกิจกรรมเสริมทักษะมากขึ้น

ชีมีงานศิลปะกลับมาฝากแม่ทุกอาทิตย์

แม่อุ๊เล่าว่าช่วงแรก ๆที่พาก้นดำไป Day care

งานศิลปะของชี จะเป็นสีโทนทึม ๆ ดำ ๆ เทา ๆ

หลัง ๆ มานี่ เริ่มมีสีสันมากขึ้น

มันดูจะสะท้อนบอกอะไรในจิตใจของเด็กได้ดีอยู่เหมือนกัน

จริง ๆที่นี่รับเด็กตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป

แต่เนื่องด้วยก้นดำเป็นเด็กสองภาษาที่พัฒนาการค่อนข้างเลท

ครูเลยอนุญาตให้เข้าเรียนก่อนเกณฑ์ แถมตอนไปสมัครก็เกือบเต็มแล้ว

ก้นดำเลยไม่ได้สอบวัดระดับเพื่อเลือกห้อง

จับผลัดจับผลูไปลงห้องเดียวกะพี่มิ้นท์ ซึ่งเป็นห้องเด็กเก่งสุด สมองดีสุด

ตอนแม่อุ๊ไปบอกป้าแหม่มและพี่มิ้นท์ว่าก้นดำได้อยู่ห้องเดียวกัน

คาดว่าพี่มิ้นท์อาจจะมีอึ้งไปบ้าง ว่าทำไมได้เรียนห้องเดียวกันหว่า
แม่อุ๊ก็โล่งใจไปนิดนึง เพราะถึงจะเปลี่ยนที่เรียนใหม่

แต่อย่างน้อยชีก็มีพี่มิ้นท์เป็นเพื่อน

ที่ Pre-school นี่ สอนสิ่งใหม่ ๆ ให้ชีหลายอย่าง

สังเกตุได้จากศัพท์ใหม่ ๆ ที่ชีได้กลับมาบ้าน

หรือมารยาทสังคมบางอย่าง ( ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี หุ หุ )

แม่อุ๊เล่าว่า เวลาไปรับตอนเลิกเรียน

ชีเห็นแม่ปุ๊บ ก็จะรีบวิ่งปรู๊ดดดดมาหาที่ประตู

แต่คุณครูก็จะเรียกให้ชีกลับไปยืนรอที่จุดเดิม ( ด้วยเสียงเข้ม ๆ )

ให้รออยู่ตรงนั้นจนกว่าแม่จะเดินไปหาเอง

แล้วถ้าก่อนกลับ ชีเดินลิ่วไปแบบไม่ร่ำลาใครเลย

ก็จะโดนเรียกกลับมาใหม่ ให้say good bye , see you อะไรกันไป

หลัง ๆ มานี่ เวลาที่ชีทำอะไรให้เราเจ็บ

อาทิเช่น เหยียบเท้า หรือพลาดมาโดน

ชีก็จะพูดว่า sorry ทันทีโดยที่ไม่ต้องให้เราทวง

ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน อิป้าแทบจะบีบน้ำตา

แสร้งว่าเจ็บปวดเหลือเกินกันเลยทีเดียว กว่าจะขอโทษได้

เวลาชีทำอะไรให้ แล้วเราพูด thank you

ชีก็จะตอบกลับมาว่า welcome

เด็กเล็ก ๆ เวลามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในนิสัย มันดูน่ารัก น่าเอ็นดูดีเนอะ

เมื่อวันก่อน ป้าต้าอยากรู้ว่าชีแยกเพศได้รึยัง เลยลองถามชีดู

ป้าต้า : กีต้า ๆ หนูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

ก้นดำ : คีถ้า เปงผู้ญิ๋ง

ป้าต้า : แล้วป้าต้าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

ก้นดำ : ป้าต้า เปงผู้ญิ๋ง

ป้าต้า : แล้วป้าอ้อนี่ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

ก้นดำ : เปงผู้.. ( ชีจ้องหน้าป้าอ้อ แล้วอึ้งไป 3 วิ ) เปงผู้ชาย

555555555

พยายามถามย้ำอีก 2 -3 รอบ ชีก็ยังยืนยันว่า ป้าอ้อเปงผู้ชายยยย

สองป้าเลยวิเคราะห์กันว่า ก้นดำน่าจะตัดสินจากภาพลักษณ์ที่ว่า

ผมสั้น ๆ คงเป็นผู้ชาย

ผมยาว ๆ ต้องเป็นผู้หญิง

แหม ถ้ามีผู้ชายผมยาว ๆ มาให้ชีตอบ ไม่รู้ว่าชีจะตอบว่ายังไงเนอะ
..................................
^ ^

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

... กำลังใจ ...





อาทิตย์ที่ผ่านมานี่ รู้สึกว่าดีขึ้น

นอนหลับได้โดยไม่ต้องใช้เวลาฟุ้งซ่านมากนัก

อาจจะเป็นเพราะว่า พยายามจะไม่คิดเรื่องเดิม ๆ ก่อนนอน

พยายามไม่คิด ถึงวันสุดท้าย ภาพสุดท้าย ก่อนจากกัน

พยายามไม่นึกถึงภาพเก่า ๆ เหล่านั้น

แต่มันเหมือนว่าเรากำลังหนีและไม่ยอมรับมัน (รึป่าวนะ)



..............................





การเป็นลูกคนเดียว เป็นสิ่งนึงที่แม่เป็นห่วง

แม่เคยพูดให้ฟังนานมาแล้ว ว่าหากแม่ไม่อยู่

แม่คงห่วง เพราะเราไม่มีพี่น้อง ไม่มีใครคอยช่วยเหลือกัน

ต่างจากแม่ ที่มีพี่น้องถึงเก้าคน


สองปีก่อน เราคุยโทรศัพท์กัน

แม่ถามถึงความเป็นอยู่ที่นี่ เราก็ตอบไปว่าปกติสุขดี ไม่มีปัญหา

แม่บอกว่า "แม่รู้ ว่าพี่อ้อไม่ปล่อยให้หนูอดตายหรอก"





……………………….





ชีวิตที่ผ่านมา หากมีเรื่องอะไรให้ต้องท้อใจ

เรารู้สึกว่า ไม่เป็นไร เรายังมีแม่อยู่ แค่โทรไป กำลังใจก็มา

แต่วันนี้ ถึงแม้เสียงรับสายที่คุ้นหู จะไม่มีอีกแล้ว

แต่เรายังมีกำลังใจมากมายจาก คนรัก ที่อยู่ข้าง ๆ กันเสมอ

และยังมีหลาย ๆ กำลังใจออนไลน์ จากเพื่อน ๆ ที่นี่

ที่ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

ที่ที่เราสามารถแบ่งปันเรื่องราวและความรู้สึก

ที่ที่เราทำได้เพียงแค่สร้างความคุ้นเคยผ่านตัวหนังสือ

หลาย ๆครั้งที่ทำให้เรารู้สึกว่า เนื้อที่เล็ก ๆ ตรงนี้ มีมิตรภาพที่ดีและกำลังใจ

เพียงแค่เราบอกเล่าความรู้สึก หลาย ๆคนก็พร้อมจะร่วมรู้สึกไปกับเรา


"ขอบคุณ" ทุก ๆ กำลังใจ

สัญญาว่าจะไม่เศร้าบ่อยเกินไปนัก เพื่อนๆจะได้ไม่ต้องเศร้าไปกับเรา





...................................






คุณโอ๊ต
เห็นเม้นท์แรกก็ยิ้มได้แล้วค่ะ ^__^



คุณพี่ happy
เด๋วไปหาเพลงอินเดียมาฟังด้วยดีมะ



คุณ iambeker
ของต้ายังสามารถดูหนังดูละครได้ค่ะ
อะไรก็ได้ที่ทำให้สมองไม่ว่าง
จะได้ไม่ต้องเหม่อลอยและฟุ้งซ่าน
ขอบคุณนะคะ



เพื่อนเป็ด
Thanks a lot ค่ะเพื่อน
อยากให้เพื่อนบอกตัวเองด้วยเช่นกัน



คุณสร
เพียงข้อความสั้น ๆ
แต่รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่แนบมาด้วยเสมอ
ขอบคุณมากคะ



คุณตั๊ก
ได้ดูน้องกันกะน้องกี้เหมือนกันคะ
แต่อั้นไว้ได้สำเร็จ ไม่ร้อง ไม่ร้อง
ศึกน้ำผึ้งฯ ที่นี่เพิ่งมาได้แผ่นเดียว
เป็นคู่ของ มาช่า-กฤษณ์ กับ นก ญ นก ช ค่ะ
นี่ตั้งตารอแผ่นถัดไปกันเลยทีเดียว



คุณนก
เพลงแม่ของพี่เสกนี่ยังดูมีเหตุมีผลนะคะ
ของต้านี่ เพลงรักอกหักของพวก ใหม่ บิ๊กแอ๊ส โบ ไรงี้
เนื้อเพลงก็แนวแฟนกันล้วน ๆ ยังอุตส่าห์ดึงให้มาอินได้
เก่งมากเลยเรา



น้อง Jinxie
ไม่เป็นไรคะ พี่จะคิดว่า ช่วงนี้ได้ล้างตาบ๊อย บ่อย ^ ^
จะได้สะอาด ๆ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ



คุณแหม่ม
มาเกิร่นไว้แบบนี้ เตรียมผ้าเช็ดหน้ารอกันเลยค่ะ



คุณน้ำ
เลิกฟังเพลงแล้วค่ะตอนนี้ เด๋วอิน



แมนดี้
นี่จะปลอบใจใช่มั้ยยะ!!!



คุณ Maetee ryan
นอกจากไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว
ยังไม่ต้องขอวีซ่าด้วยคะ VIP สุด ๆ



คุณสายลมฯ
อย่างน้อยก็มีเรื่องนึงที่ให้ความรู้สึกดีนะคะ
ตรงที่แม่กลับบ้านไปอย่างไม่เจ็บปวดและทรมาน
ขอบคุณมากคะพี่ป๊อบ





...................................





ขอบคุณ อีกครั้ง

ไว้หน้าถัดไป จะกลับมาพร้อมกับโหมดสดใส เหมือนเดิม

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

... น้ำตา ...





ช่วงนี้ไม่ได้ฟังเพลงเลย

วันก่อนนั่งรถเมล์ไปทำงาน หยิบ mp3 ขึ้นมาฟัง

ฟังไปฟังมา โอ๊ย ไม่ไหว น้ำตาจะไหลซะให้ได้

เพลงรัก เพลงเศร้า เพลงเหงา

เพลงอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการลาจาก

แม้เนื้อเพลงจะสื่อถึงความรักของหนุ่มสาว

แต่เรากลับดึงมาให้อยู่ในเรื่องของเรา ... จนได้

ช่วงนี้ จะไม่ฟังเพลง ถ้าฟังคงต้องเป็นเพลงแดนซ์กันไปเลย



....................................






ช่วงเดือนที่ผ่านมา อารมณ์อ่อนไหวง่ายเกินความจำเป็น

ดูรายการตีสิบ เห็นน้องเนย หนูน้อยวัย 4 เดือนที่ไม่มีแขนขา

ดูไปดูมา โอ๊ย เศร้าใจ น้ำตาไหล



.....................................






เจอลูกค้าชาวเยอรมันคนนึง เล่าเรื่องลูกชายวัย 2 ขวบให้ฟัง

ว่าประตูกระจกบานใหญ่ หล่นลงมาฟาดในวันที่ย้ายบ้าน

ทำเอาหนูน้อย Hugo ต้องไปนอนโรงพยาบาลสองวัน

ฟังยังไม่ทันจบดี น้ำตาคลอเบ้า จนต้องรีบเฉไฉไปทางอื่น

กลัวชีจะหาว่า อินี่เป็นไรมากป่าว ชั้นเป็นแม่เล่าไปยังไม่ร้องเลย

เฮ้อ.. ช่วงนี้ sensitive กับเรื่องแม่และเด็ก



แค่นั้นยังไม่พอ มีอยู่วันนึง

คุยเรื่องอะไรกันสักอย่างกับพี่อ้อ แล้วเข้าใจไม่ตรงกัน

แค่รู้สึกว่า พี่อ้อไม่เข้าใจ

แค่รู้สึกว่า ไม่มีใคร

ก็เกิดอาการนอยส์ เสียใจ น้อยใจ ร้องไห้ซะอย่างนั้น



....................................






หลายวันก่อนดูรายการใหม่ น้องคนขายเค้านำเสนอ

อีกอย่าง เห็นว่าโอปอล์เป็นพิธีกร เลยซื้อมา

ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์

สนุกดี ฮากันไป


ชอบช่วง Will you marry me?

เป็นผู้ชมทางบ้าน เขียนเรื่องราวเข้ามาทางรายการ

ให้ช่วยทำเซอร์ไพรส์ ในการขอสาวแต่งงาน

น่ารักดี ซึ้ง อิน ดูไปดูมา น้ำตาไหลพราก

พี่อ้อหันมาเห็น นั่งหัวเราะ(เยาะ)เรา



.................................






อาทิตย์ก่อนไปค้างบ้านอุ๊ (อีกครั้ง)

ห้าทุ่ม ทุกคนเข้านอน

เที่ยงคืนกว่า พี่อ้อหลับ ก้นดำหลับ

เรายังนอนลืมตาอยู่ในความมืด

พยายามข่มตานอน แต่ทำยังไงก็ไม่หลับ

มีแต่ภาพเดิม ๆ ฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัว

ได้แต่นอนน้ำตาไหลไปเงียบ ๆ คนเดียว



...................................






สองเดือนกว่าแล้ว หลังจากกลับมาจากไทย

ยังคงใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน กว่าจะหลับไปได้ในแต่ละคืน

ก่อนนอน เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง เงียบ สงบ

แต่ความคิดในหัว มันไม่สงบไปด้วย

คิดนู้นนี่มากมาย ฟุ้งซ่านกันไป

ภาพเก่า ๆ วิ่งวนไปวนมาอยู่ในหัว

กว่าจะข่มตาหลับไปได้แต่ละคืน...เนิ่นนาน



.................................






ตั้งแต่แม่จากไป สามอาทิตย์แรก ไม่เคยฝันถึงแม่เลย

ถามญาติ ๆที่บ้าน ก็ไม่มีใครฝันถึง

แต่หลังจากนั้น เรากลับฝันถึงแทบทุกอาทิตย์

แต่เรารู้สึกว่า การฝันถึงแม่ของเรา

สืบเนื่องมาจากความคิดและจิตใต้สำนึกของเราเอง

แม่ไม่ได้มาเข้าฝันเราหรอก

เราต่างหาก ที่ฝันถึงแม่

เพราะเราคิดมากก่อนที่จะนอนหลับไป

เพราะเรานึกถึงแต่ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก่อนจะนอนหลับไป

เพราะเรายังมีคำถามมากมาย ที่อยากให้แม่ตอบ

เพราะเรายังมีบางสิ่งบางอย่างที่ค้างคาอยู่ในจิตใจ

หลายครั้ง ที่เราฝันว่าแม่ยังอยู่

และอีกหลายครั้งที่ฝันว่า แม่ได้จากเราไปแล้ว

แต่สิ่งนึงที่ทุก ๆ ครั้งเวลาฝันถึงแม่

แม่จะมีหน้าตาที่สดใส และดูอ่อนวัย


ทั้งหมดทั้งมวล มันคงสะท้อนอะไรบางอย่างภายในจิตใจเราเอง

ภายใต้ท่าทีที่เข้มแข็งและดูเหมือนจะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้แล้วนั้น


บางครั้งมันก็รู้สึกเหมือนว่าเรากำลังวิ่งหนีความจริง

ความจริง... ที่เจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง



......................................



วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

มันอยู่ในน้ำ




พฤหัสบดี 25 กุมภาพันธ์ 2010



เย็นนี้เราจะไปว่ายน้ำกัน

หลัง ๆ มานี่ ตั้งแต่อุ๊และก้นดำย้ายไป

เราไม่เคยได้ไปว่ายน้ำด้วยกันอีกเลย

แม่อุ๊และก้นดำ เปลี่ยนไปว่ายที่ Olympic Park แทน

เพราะใกล้บ้านกว่า



ตอนนี้ก้นดำมีลงเรียนคลาสว่ายน้ำด้วย

รู้เรื่องมั่ง มั่วมั่ง ตามประสาชี

ต้ากับพี่อ้อก็ยังคงว่ายที่ Cook Phillip เหมือนเดิมเพราะใกล้บ้าน

สมัคร members กันเรียบร้อย

ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง ขึ้นอยู่กับความขยัน



..................................



หนึ่งทุ่มตรง สองเราก็ไปถึงที่สระ

วันนี้ไปเร็วกว่าปกติ ทุกทีจะไปประมาณสองทุ่มหน่อย ๆ

พอไปเร็ว คนก็เลยยังคึกคักอยู่



ทุกครั้งที่มา เราจะไปเริ่มต้นที่สระสปาก่อน

แช่น้ำอุ่น ๆ ให้แรงดันน้ำมันนวดตัวสัก 20-30 นาที

แล้วค่อยไปว่ายที่สระเด็ก แต่เป็นโซนที่ลึกหน่อย

ไม่ชอบไปว่ายสระมาตรฐาน เพราะว่ายกันจริงจังเหลือเกิน

กลัวไปเกะกะชาวบ้านเค้า



ต้านั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ข้างสระเด็ก รอให้คนบางตา

จะไปแช่สปาก็ไม่ได้ เพราะยังเป็นช่วงเวลา Aqua Class

มีคนกลุ่มเล็ก ๆ เรียนอะไรกันก็ไม่รู้



พี่อ้อขี้เกียจรอ ก็เลยเลือกลงไปว่ายในสระเด็กน้ำตื้น ๆ ประมาณเอว

แล้วก็ตะโกนโหวกเหวกให้ต้าตามลงไป

อึ๊ยย น้ำเย็น ๆ แหะวันนี้

พอหน้าร้อน อุณหภูมิของน้ำก็เลยไม่ค่อยอุ่น เป็นอุณหภูมิน้ำปกติ



ต้าลงไปแช่ๆ แต่ยังไม่ได้เริ่มว่าย ขอยืนทำใจ

พี่อ้อที่พร้อมแล้ว ก็ออกตัวพุ่งไปข้างหน้า จ้วงไปได้สองที

ก็หยุดพร้อมกับรีบเงยหน้าเหนือน้ำ หันกลับมาหาต้า

พี่อ้อ : ตัวเอง เค้าเห็น ข ข ขี้ อยู่ในน้ำ

ต้า : ห๋า เห็นอะไรนะ

พี่อ้อ : ขี้ จริง ๆ เนี่ย อยู่ในน้ำ ตรงเนี้ย

ได้ฟังดังนั้น ต้าก็เดินกระดึ๊บ ๆ ไปยังจุดเกิดเหตุ

แล้วก็พยายามเพ่งมองลงไปในน้ำด้วยตาเปล่า

อืมมมม ก้อนไม่ใหญ่มาก ดูจากสีแล้ว... ใช่เลย

พี่อ้อ : ตัวเอง make sure ให้หน่อยดิ ว่ามันใช่ป่าว

เนี่ย ใส่แว่นตาแล้วดำลงไปดูจิ๊

ต้า : อ๊ายยย ไม่เอาหรอก เด๋วติดตา พี่อ้อแหล่ะ

ไหน ๆ ก็เห็นไปแล้ว ดำลงไปดูอีกทีดิ ว่าชัวร์ป่าว

จะได้ไปบอก staff

พี่อ้อ : ไม่เอาอ่ะ แค่หนเดียวก็เกินพอ

แต่พี่ว่าใช่นะ ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่น

ตรงนี้มันโซนเด็กเล็ก อาจจะมีเด็กที่อั้นไม่อยู่

สรุปได้ดังนั้น สองเรารีบพาตัวเองขึ้นมาจากสระ

แล้วโบกมือเรียก staff มาชี้จุดเกิดเหตุ

staff อึ้งไปสองวินาที แล้วเดินจากไปหาอุปกรณ์



......................................



จากนั้นสองเราก็มูฟตัวเองไปแช่สระสปาที่เปิดแล้วแทน

แต่ก็ยังคอยชะเง้อมองว่า staff หนุ่มผู้นั้น จะจัดการกับของกลางยังไง

เห็น he เดินหายไปเอาไม้ด้ามยาว ๆ ตรงปลายมีที่ตักเป็นตาข่าย

คล้าย ๆ ที่ช้อนปลา กับกระป๋อง 1 ใบ

เอามาวางแอบ ๆ ไว้ขอบ ๆสระ แล้วก็ยืนเพ่งอยู่แป๊บนึง
โดยมีเพื่อนstaff ผู้ร่วมพิจารณาอีกสองราย

ใกล้ๆ บริเวณจุดเกิดเหตุนั้น
ยังมีเหยื่อผู้ไม่รู้ชะตากรรม เพ่นพ่านอยู่ 2-3 ราย
บริเวณจุดเกิดเหตุ

staff หนุ่ม ไม่ได้ลงมือในทันทีทันใด แต่รอให้คนน้อยลง

แล้วค่อย ๆ เอาไม้จุ่มลงไปตัก พอมีคนเดินผ่านมาบริเวณขอบสระ

he ก็แอบ ๆ ไม่ให้ใครเห็น

พอลับตาคน ก็จัดการเอาของกลางใส่ในกระป๋องด้วยความรวดเร็ว
แล้วเดินจากไป

พี่อ้อสงสัยว่า ถ้ามันเป็นอึ๊จริง ๆ เอาไม้ไปตักแล้วมันจะแตกมั้ย

แล้วทำไมน้ำมันไม่ทำให้เกิดการแตกตัวหรือยุ่ย ๆ

ต้า : พี่อ้อ.. พอเหอะคร่า พี่จะพูดให้มันได้อะไรเนี๊ย

ยังไม่หลอนพอรึไงค๊า



....................................



ระหว่างที่แช่น้ำในสระสปาอยู่นั้น

สายตาต้าก็หันไปเห็นฝรั่งหนุ่มสาวไซด์บิ๊กคู่หนึ่ง ที่แช่อยู่ในสระเดียวกัน

ต้า : พี่อ้อ ๆ คู่ด้านหลังพี่อ่ะ ตะกี้ต้าเห็นแช่กันอยู่ในสระที่มีอึ๊นั่น

กอดรัดฟัดนัวกันอยู่แถว ๆ ซอกสระหน่ะ นี่ย้ายมากอดกันต่อในนี้แล้ว

พี่อ้อค่อย ๆ หันไปดูแบบเนียน ๆ

พี่อ้อ : อืมมม ข้างล่างนี่สอดท่อไปแล้วมั้งเนี่ย นัวกันขนาดนี้

ต้า : ( อึ้งไปประมาณ 3 วิถ้วน ) ทุเร๊ด ดาร์ลิ๊ง ทะลึ่งอ่ะ

พี่อ้อ : โห แล้วมานัวกันแถวนี้ เราจะท้องกันมั้ยเนี่ย

เผื่อวันนี้เป็นวันไข่ตกพอดี ซวยเลย

พูดจบก็หัวเราะชอบใจ

เม้าท์กันเป็นภาษาไทย ด้วยระยะเผาขนขนาดนี้

ดีนะ ที่ไม่มีใครฟังเรารู้เรื่อง 5555
^__^