ตกลงบอสจะพาพวกเราจะไปเซลฟี่กะฟูจิซังงงงงง ฮู๊เร่
เป็นผลตอบแทนจากการปลุกปั้นยอดขายของทีม project จนถึงเป้าของปีที่ผ่านมา
ที่จริง เราควรจะได้ไปกันตั้งแต่ต้นปี แต่ติดคนนู้น คนนี้
กว่าจะได้คิวทุกคน ล่วงเลยมาเกือบกลางปี
จากที่ควรจะได้สัมผัสอากาศหนาว ๆ ซากุระสวย ๆ เลยได้ไปช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิแทน
แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องขนเสื้อผ้าเยอะ แจ็คเก็ตตัว ผ้าพันคอผืน เอาอยู่
May 19 , 2015
22.10 pm ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วยสายการบินไทย รักเราเท่าฟ้า
03.15 am โดนปลุกขึ้นมากินมื้อเช้า ที่จริงอย่าเรียกว่าปลุกเลย เพราะยังไม่ได้หลับสักงีบ
ปรับเวลาตามนาฬิกาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 2 ชม เป็นตีห้าหน่อย ๆ สินะ
กินอาหารเช้าแบบกล้ำกลืน ร่างกายไม่พร้อม มึน ๆ ง่วง ๆ หันไปมองผู้ร่วมทริป สภาพไม่ต่างกัน
เสร็จสิ้นภารกิจอาหารเช้า กำลังเคลิ้ม ๆ เริ่มจะได้ที่
ตึ๊งงง 6.20 am ถึงจุดหมายปลายทางพอดี
เป็นอันว่าตลอดการเดินทางร่วม 6 ชม รู้สึกตัวตลอด นอนไม่หลับเลย T T
จำได้ว่า สมัยแรก ๆ ที่ได้เดินทางโดยเครื่องบินออกนอกประเทศ 9 ชม จากไทยไปซิดนีย์
เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น สนุกกับมื้ออาหาร รายการหนัง ฯลฯ
พอเริ่มเดินทาง ไป กลับ หลาย ๆ ครั้งเข้า จากความสนุก
เริ่มกลายเป็นความทรมานไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แม้บางทริป ระยะทางไม่ไกล แค่ 2 - 3 ชม
ก็รู้สึกสุดแสนจะน่าเบื่อหน่าย อยากจะถึงที่หมายให้ไวที่สุด
นั่งนาน ๆ แล้วปวดขา ปวดเข่า พะอึดพะอม หูอื้อ วิงเวียน เหมือนคนเมารถ
อยากมีประตูวิเศษของโดราเอม่อน เปิดจาก airport แล้วถึงปลายทางเลย
May 20 , 2015
7.00 am เริ่มต้นการเดินทางในแบบฉบับของการไปเที่ยวกับทัวร์ ด้วยรสบัสที่มาจอดรอรับอยู่แล้ว
กลุ่มของเราเป็น private group มีลูกทัวร์ทั้งหมด 17 คน ไกด์ 1 คน
รถบัสคันใหญ่ นั่ง ๆ นอน ๆ กันแบบเหลือ ๆ
ไกด์ประจำทริปนี้ของเราเป็นน้องผู้ชายคนไทย ที่มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตั้งแต่วัยกระเตาะ
ซึ่งตอนนี้โตเป็นเป็นสาวแรกรุ่นวัยใกล้เบญจเพศ นามว่า เต้นท์โตะ
ไกด์รีบแนะนำตัว ก่อนที่บรรดาลูกทัวร์จะเข้าสู่นิทรา ร่างยังไม่พร้อม ขอนอนชาร์จแบตแพร๊บ
รถบัสพาเรามุ่งหน้าสู่เมือง คามาคุระ เมืองที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโชกุนคนแรก
เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อโตไดบุทสึ ที่วัดโคโตะคุอิน
น่าจะเหมือนจากกรุงเทพ ไปราชบุรี ประมาณนั้น
พอเริ่มเข้าสู่เมือง ก็เริ่มมีเสียงชัตเตอร์กันคนละแชะสองแชะ
ไอ่เราก็พยายามเบิ่งตาตื่น มาชื่นชมบรรยากาศสองข้างทางด้วยความยากเย็น ง่วงมากถึงมากที่สุด
รถบัสพาเราผ่านถนนเล๊ก เล็ก คือมันเล็กด้วย แล้วบัสก็ใหญ่ด้วย คนขับก็เก๊ง เก่ง
ขับสวนกันที หักเลี้ยวแบบพอดิบพอดี ไม่ขาด ไม่เกิน
ตื่นตาตื่นใจกับบ้านเรือนสองข้างทาง มันเก๋ มันน่ารัก มันเล็ก ๆ แต่ลงตัว
ที่สำคัญ มันสะอาด เรียบร้อย
แม้พื้นที่จะน้อยนิด แต่ก็ยังมีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้
แถมต้นไม้เค้าดูดี๊ดี เหมือนเพิ่งปลูกใหม่ ๆ กันทุกบ้านเลย
ร้านกาแฟ
ที่นั่งตรงสวนบริเวณร้านกาแฟ
รถบัสจอดส่งเราตรงลานเล็ก ๆ หน้าวัด มีกลุ่มทัวร์หลายกลุ่ม รวมถึงนักเรียนที่มาทัศนศึกษากันด้วย
ทางเข้าวัด จะมีบ่อน้ำหน้าตาแบบนี้อยู่ตรงทางเข้า
ถือเป็นสิ่งแรกที่จะต้องทำก่อนเข้าไปไหว้ด้านในวัด
วิธีการคือ ใช้กระบวยตักน้ำ มาล้างมือ ซ้าย ขวา จากนั้น เทน้ำจากกระบวยใส่มือเพื่อบ้วนปาก
ตามด้วยตั้งกระบวยขึ้นตรง ๆ เพื่อล้างกระบวย ให้น้ำไหลมาตามก้าน เป็นอันจบขั้นตอน
เข้ามาด้านในวัด จุดเด่นคือพระองค์ใหญ่สร้างด้วยสำริดความสูง 13.35 เมตร
เดิมทีไม่ได้อยู่กลางแจ้งอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะภัยธรรมชาติต่างๆ
ที่พัดเอาโบสถ์และสิ่งก่อสร้างบริเวณนั้นหายไปหมด จนเหลือแต่องค์หลวงพ่ออย่างที่เห็น
นอกจากนั้นยังมีความเชื่อว่า หลวงพ่อโตไดบุทสึ เป็นผู้ปกป้องแผ่นดินญี่ปุ่นไว้
จากการรุกรานของศัตรูอีกด้วย
ก่อนจะไหว้พระ ก็ให้น้องเต้นท์โตะได้ทำหน้าที่ของไกด์
ถ่ายรูปลูกทัวร์ ส่งการบ้านกลับบริษัทกันสักหน่อย
ธูปที่นี่ขายเป็นกำ กำละ 100 เยน เป็นธูปดอกสั้น ๆ ห่อด้วยกระดาษ
เวลาจุดให้เอาไปจิ้มที่เตาไฟฟ้าทั้งกำ
หน้าองค์พระจะมีที่ปักธูปเป็นช่องแหลม ๆ ปักได้แบบพอดิบพอดี ไม่มีล้ม
นอกจากไหว้พระแล้ว ก็จะมีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ในบริเวณวัด
ให้ได้จับจ่ายใช้สอย ซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกันไป
บริเวณวัดไม่ใหญ่มาก แต่ค่อนข้างร่มรื่น ที่สำคัญ ห้องน้ำสะอาดเชียว
จบกิจกรรมในวัด ออกไปรอตรงจุดที่นัดหมายตามเวลาที่ไกด์แจ้ง
ซึ่งก็คือร้านตรงข้ามวัดนั่นเอง เพื่อที่จะหม่ำมื้อเที่ยงมื้อแรกกัน
เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่บนชั้นสองของร้านขายของที่ระลึก
อาหารถูกจัดวางไว้เรียบร้อยบนโต๊ะเป็นเซ็ต ๆ ของใครของมัน
อันนี้ของโต๊ะอื่น หน้าตาเซ็ตไม่เหมือนกันแฮะ
ถือเป็นการประเดิมมื้อแรกแบบไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่
อาจจะด้วยสังขารที่กระปลกกระเปลี้ยจากการอดนอน ส่งผลให้ต่อมรับรสบกพร่องไปชั่วขณะ
ร้องหาพริกป่น ซีอิ้ว ส่งกันให้วุ่นวาย
อันนี้ของกลุ่มเรา
ในเข่งไม้ เป็นข้าว โปะด้วยไก่ผัด รสชาติเค็ม ๆ ต้องเอาพริกป่นเหยาะไป กินไป
ถัดมาเป็นน้ำซุป รสชาติคลีนสุด ๆ ไปเลย จืดสนิทศิษย์ส่ายหน้า
หมี่เย็น น้ำแกงเค็ม ๆ เอาไว้ซดสลับกันไปมา
กุ้งทอด รสชาติพอได้ คล้าย ๆ กุ้งหวานบ้านเรา
เห็ดหอมที่เป็นเครื่องเคียงนั่น กัดไปคำเดียว จอดเลย อย่างกะเห็ดหอมเชื่อม หวานจับจิตเลย
ขนมปังรูปนกนั่น อภินันทนาการจากน้องเต้นท์โตะ
นางซื้อมาให้จากร้านดังที่หน้าวัด บอกเป็นไฮไลท์ของย่านนี้
ซึ่ง... มันก็คือขนมปังที่รสชาติคล้าย ๆขนมไข่ แต่แข็งและแห้งกว่า
ก่อนออกจากร้าน แวะสร้างแลนด์มาร์คสักหน่อย
ห้องน้ำโบราณ เล็ก แต่ครบฟังก์ชั่นการใช้งาน
ออกจากร้าน รู้สึกไม่จบ ก่อนเคลื่อนขบวนขึ้นรถบัส ดิ่งไปซื้อไอติมโคนที่ร้านละแวกวัด
เป็นร้านที่ไกด์ชี้ให้ดูตอนขามา ว่ามีขายไอติม soft serve รสมันเทศ เลยไปสอยมาลองดูสักอัน
เลือกแบบ 2 รส มันเทศกับชาเขียว รสชาติดี เหมือนได้กินมันเทศ จริง ๆนะ
บัสขับออกจากเมืองเก๋ ๆ นี้ ผ่านถนนเลียบชายหาดที่ทะเลสวยน้อยกว่าบ้านเรา
น้ำขุ่น ๆ ทรายไม่ขาว เพื่อไปยังโกเทมบะ Outlets
ตามโปรแกรม ที่จริงเราต้องได้ไปหุบเขาโอวาคุดานิ ที่เค้านิยมต้มไข่ดำกินกัน
ต้องได้ไปล่องเรือโจรสลัดทะเลสาบอาชิ
แต่ก่อนเดินทางไม่กี่วัน มีเหตุแจ้งเตือนการเกิดแผ่นดินไหว สถานที่เลยปิดชั่วคราว
ซึ่งสาว ๆ ก็ดูจะแฮปปี้กับการชอปปิ้งที่ outlets ดี ไม่มีใครถามไถ่ถึงไข่ดงไข่ดำกันซ๊ากกคน
และตามโปรแกรม ไกด์นัดหมายให้เราออกจาก outlets กันก่อน 3 โมง 15
เพื่อที่จะไปชมทุ่งดอกพิงค์มอสขนาดใหญ่ ที่จัดขึ้นปีละครั้ง
พิงค์มอสเป็นพืชคลุมดินที่มีดอกลักษณะคล้ายดอกซากุระ
อีกมีชื่อว่า ชิบะซากุระ มีหลายสายพันธุ์
แต่ก็นะ ขนาดแค่ 17 คน แถมยังเป็นกลุ่มเรากันเอง ก็ยั้งจะมีหลง มีเลท
กว่าจะครบองค์ ปาไปเกือบ 4 โมง ซึ่งคาดว่าคงจะไปไม่ทันละ
บอสเลยสรุปให้อยู่ shopping ต่อ ( เข้าทางเค้าหล่ะ เหมือนมาเพื่อสิ่งนี้ )
เพราะบางคนก็ยังเดินได้ไม่ครบทุกโซน ว่าไงว่าตามกัน
เอาให้ขาลากกันไปข้างนึง คืนนี้จะได้หลับสบายยยยย
แว๊บไปนั่งพักขา หาไรหม่ำกันใน Food Court
ทาโกะลูกโต รสชาติไม่เข้มข้นเท่าไหร่
ในห่อที่มากับยำวุ้นเส้น เป็นไก่ย่าง รสชาติธรรมดา
บะหมี่ญี่ปุ่น
มีน้ำดื่มไว้บริการ สะดวกดี กดปุ่มแล้วแก้วจะหล่นลงมา
หลังจากเสียทรัพย์กันจนหนำใจ ก็ถึงเวลาเคลื่อนย้ายไป Tominoko Hotel ที่พักสำหรับค่ำคืนนี้
โรงแรมอยู่หน้า kawakuchigo lake เลย ตำแหน่งดีโพด ๆ
ไปถึงตอน 6 โมงแล้ว ฟ้าเริ่มมืด เห็นฟูจิซังลาง ๆ ซ่อนอยู่หลังม่านเมฆ
ลงรถปุ๊บ กองสัมภาระไว้รวมกัน ได้เวลาอาหารเย็น
ว่าแล้วไกด์ก็พาตรงดิ่งเข้าห้องอาหารไปกินมื้อค่ำเลย
มื้อค่ำวันแรกนี้ ฟินกันถ้วนหน้า สำหรับนักบริโภคอาหารทะเล
หลัก ๆ ก็จะมีอาหารญี่ปุ่นและนานาชาติ คละ ๆกันไป
แต่ไฮไลท์อยู่ที่ ขาปูใหญ่เบิ่มที่มีให้กินไม่อั้น แถมไกด์ก็รู้หน้าที่ เตรียมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสจัดมาให้เพียบ
ขาปูเนื้อแน่น ๆ สด ๆ แกล้มกับเบียร์ โหวววววว รักอ่ะ
อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ย้ายร่างและสัมภาระขึ้นห้องใครห้องมัน
ห้องของพวกเราทั้งหมด อยู่ฝั่งเดียวกัน คือเห็นวิวหน้าโรงแรม
มีเพียงไกด์เต้นท์โตะคนเดียว ที่ได้วิวเขาด้านหลังโรงแรม 555 สม
ห้องพักขนาดกำลังดี ไม่อึดอัด มีแบ่งโซนโต๊ะรับแขกตรงริมหน้าต่าง
เสียตรงห้องน้ำ เล็กไปหน่อย ต้องอาบแบบเจียมเนื้อเจียมตัวนิดนึง
มีชุดยูกาตะเตรียมไว้ให้
ปุ่มกดเวลาใช้ห้องน้ำ เดาอยู่พักนึง ว่าปุ่ม flush อยู่ตรงไหน
จะกดมั่ว ๆ ก็เกรงจะพลาด ดีนะมีรูปให้เดา
ใส่ใจอ่ะ ถังขยะยังหาที่มันเข้ามุมพอดี ไม่ยื่นเกะกะ สำหรับห้องน้ำเล็ก ๆ
ซึ่งจากมุมนี้ ณ เวลานี้ เปิดม่านไป เจอแต่ความมืด
ต้องรอลุ้นกันหล่ะ ว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้ามา เราจะได้เจอกับฟูจิซังมั้ยเน๊อ
ได้ยินเค้าร่ำลือกันมา ใช่ว่าจะโผล่มาให้เห็นได้ทุกครั้งไป
มีหลายคน มาหลายรอบแล้ว ยังไม่ได้เห็นแบบเต็ม ๆ สักที
โรงแรมนี้ มีบ่อออนเซ็นให้แช่ เป็นบ่อรวม แบ่งห้อง ชาย หญิง มีทั้งโซนด้านใน และริมระเบียง
แบบที่แช่ไป ชมวิวทะเลสาบและฟูจิซังไป
หน้าห้อง มีล็อคเกอร์ ตะกร้าใส่ของ โต๊ะเครื่องแป้ง
มีโซนนั่งขัดถู ขัดถู มียาสระผม ฝักบัว
กติกาการแช่ ก็เหมือนที่รู้ ๆ กัน คือ แช่ในชุดวันเกิด เชิญแช่กันตามอัธยาศัย
แค่อย่าจำภาพชุดวันเกิดของใครต่อใคร ไปจนติดตา พาให้นอนฝันร้าย ก็พอ…
กู๊ดไนท์นะจ๊ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น