วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ลั้นลา เจแปน : Day 1

ว่าไงนะ....
ตกลงบอสจะพาพวกเราจะไปเซลฟี่กะฟูจิซังงงงงง   ฮู๊เร่ 


เป็นผลตอบแทนจากการปลุกปั้นยอดขายของทีม project จนถึงเป้าของปีที่ผ่านมา 
ที่จริง  เราควรจะได้ไปกันตั้งแต่ต้นปี   แต่ติดคนนู้น คนนี้
กว่าจะได้คิวทุกคน   ล่วงเลยมาเกือบกลางปี 
จากที่ควรจะได้สัมผัสอากาศหนาว ๆ ซากุระสวย ๆ เลยได้ไปช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิแทน
แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องขนเสื้อผ้าเยอะ   แจ็คเก็ตตัว  ผ้าพันคอผืน   เอาอยู่



May 19 , 2015

22.10 pm ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วยสายการบินไทย รักเราเท่าฟ้า

03.15 am โดนปลุกขึ้นมากินมื้อเช้า ที่จริงอย่าเรียกว่าปลุกเลย เพราะยังไม่ได้หลับสักงีบ 
ปรับเวลาตามนาฬิกาท้องถิ่น   เร็วกว่าไทย 2 ชม เป็นตีห้าหน่อย ๆ สินะ
กินอาหารเช้าแบบกล้ำกลืน   ร่างกายไม่พร้อม มึน ๆ ง่วง ๆ หันไปมองผู้ร่วมทริป สภาพไม่ต่างกัน 

เสร็จสิ้นภารกิจอาหารเช้า   กำลังเคลิ้ม ๆ เริ่มจะได้ที่
ตึ๊งงง   6.20  am  ถึงจุดหมายปลายทางพอดี 
เป็นอันว่าตลอดการเดินทางร่วม 6 ชม รู้สึกตัวตลอด นอนไม่หลับเลย T T  


จำได้ว่า สมัยแรก ๆ ที่ได้เดินทางโดยเครื่องบินออกนอกประเทศ 9 ชม จากไทยไปซิดนีย์
เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น   สนุกกับมื้ออาหาร  รายการหนัง  ฯลฯ 
พอเริ่มเดินทาง ไป กลับ  หลาย ๆ ครั้งเข้า จากความสนุก
เริ่มกลายเป็นความทรมานไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แม้บางทริป ระยะทางไม่ไกล แค่ 2 - 3 ชม
ก็รู้สึกสุดแสนจะน่าเบื่อหน่าย    อยากจะถึงที่หมายให้ไวที่สุด
นั่งนาน ๆ แล้วปวดขา ปวดเข่า พะอึดพะอม หูอื้อ วิงเวียน เหมือนคนเมารถ
อยากมีประตูวิเศษของโดราเอม่อน เปิดจาก airport แล้วถึงปลายทางเลย


 May 20 , 2015

 7.00 am     เริ่มต้นการเดินทางในแบบฉบับของการไปเที่ยวกับทัวร์ ด้วยรสบัสที่มาจอดรอรับอยู่แล้ว 
กลุ่มของเราเป็น  private group มีลูกทัวร์ทั้งหมด 17 คน ไกด์ 1 คน 
รถบัสคันใหญ่   นั่ง ๆ นอน ๆ กันแบบเหลือ ๆ 















ไกด์ประจำทริปนี้ของเราเป็นน้องผู้ชายคนไทย  ที่มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตั้งแต่วัยกระเตาะ 
ซึ่งตอนนี้โตเป็นเป็นสาวแรกรุ่นวัยใกล้เบญจเพศ นามว่า เต้นท์โตะ
ไกด์รีบแนะนำตัว ก่อนที่บรรดาลูกทัวร์จะเข้าสู่นิทรา ร่างยังไม่พร้อม ขอนอนชาร์จแบตแพร๊บ


รถบัสพาเรามุ่งหน้าสู่เมือง คามาคุระ เมืองที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโชกุนคนแรก 
เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อโตไดบุทสึ   ที่วัดโคโตะคุอิน
น่าจะเหมือนจากกรุงเทพ ไปราชบุรี ประมาณนั้น 

พอเริ่มเข้าสู่เมือง ก็เริ่มมีเสียงชัตเตอร์กันคนละแชะสองแชะ 
ไอ่เราก็พยายามเบิ่งตาตื่น มาชื่นชมบรรยากาศสองข้างทางด้วยความยากเย็น ง่วงมากถึงมากที่สุด

รถบัสพาเราผ่านถนนเล๊ก เล็ก คือมันเล็กด้วย แล้วบัสก็ใหญ่ด้วย คนขับก็เก๊ง เก่ง
ขับสวนกันที หักเลี้ยวแบบพอดิบพอดี ไม่ขาด ไม่เกิน 
ตื่นตาตื่นใจกับบ้านเรือนสองข้างทาง มันเก๋ มันน่ารัก มันเล็ก ๆ แต่ลงตัว
ที่สำคัญ มันสะอาด เรียบร้อย
แม้พื้นที่จะน้อยนิด แต่ก็ยังมีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้
แถมต้นไม้เค้าดูดี๊ดี เหมือนเพิ่งปลูกใหม่ ๆ กันทุกบ้านเลย
















ร้านกาแฟ





                                                ที่นั่งตรงสวนบริเวณร้านกาแฟ



รถบัสจอดส่งเราตรงลานเล็ก ๆ หน้าวัด มีกลุ่มทัวร์หลายกลุ่ม รวมถึงนักเรียนที่มาทัศนศึกษากันด้วย 
ทางเข้าวัด จะมีบ่อน้ำหน้าตาแบบนี้อยู่ตรงทางเข้า




ถือเป็นสิ่งแรกที่จะต้องทำก่อนเข้าไปไหว้ด้านในวัด 
วิธีการคือ ใช้กระบวยตักน้ำ มาล้างมือ ซ้าย ขวา จากนั้น เทน้ำจากกระบวยใส่มือเพื่อบ้วนปาก 
ตามด้วยตั้งกระบวยขึ้นตรง ๆ เพื่อล้างกระบวย ให้น้ำไหลมาตามก้าน เป็นอันจบขั้นตอน






เข้ามาด้านในวัด จุดเด่นคือพระองค์ใหญ่สร้างด้วยสำริดความสูง 13.35 เมตร 
เดิมทีไม่ได้อยู่กลางแจ้งอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะภัยธรรมชาติต่างๆ
ที่พัดเอาโบสถ์และสิ่งก่อสร้างบริเวณนั้นหายไปหมด จนเหลือแต่องค์หลวงพ่ออย่างที่เห็น 
นอกจากนั้นยังมีความเชื่อว่า  หลวงพ่อโตไดบุทสึ  เป็นผู้ปกป้องแผ่นดินญี่ปุ่นไว้
จากการรุกรานของศัตรูอีกด้วย









ก่อนจะไหว้พระ   ก็ให้น้องเต้นท์โตะได้ทำหน้าที่ของไกด์
ถ่ายรูปลูกทัวร์ ส่งการบ้านกลับบริษัทกันสักหน่อย











ธูปที่นี่ขายเป็นกำ กำละ 100 เยน เป็นธูปดอกสั้น ๆ ห่อด้วยกระดาษ
เวลาจุดให้เอาไปจิ้มที่เตาไฟฟ้าทั้งกำ










                หน้าองค์พระจะมีที่ปักธูปเป็นช่องแหลม ๆ ปักได้แบบพอดิบพอดี ไม่มีล้ม







นอกจากไหว้พระแล้ว ก็จะมีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ในบริเวณวัด
ให้ได้จับจ่ายใช้สอย ซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกันไป
บริเวณวัดไม่ใหญ่มาก แต่ค่อนข้างร่มรื่น ที่สำคัญ ห้องน้ำสะอาดเชียว 














จบกิจกรรมในวัด ออกไปรอตรงจุดที่นัดหมายตามเวลาที่ไกด์แจ้ง
ซึ่งก็คือร้านตรงข้ามวัดนั่นเอง เพื่อที่จะหม่ำมื้อเที่ยงมื้อแรกกัน
เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่บนชั้นสองของร้านขายของที่ระลึก
อาหารถูกจัดวางไว้เรียบร้อยบนโต๊ะเป็นเซ็ต ๆ ของใครของมัน 






อันนี้ของโต๊ะอื่น หน้าตาเซ็ตไม่เหมือนกันแฮะ





ถือเป็นการประเดิมมื้อแรกแบบไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่ 
อาจจะด้วยสังขารที่กระปลกกระเปลี้ยจากการอดนอน ส่งผลให้ต่อมรับรสบกพร่องไปชั่วขณะ
ร้องหาพริกป่น ซีอิ้ว ส่งกันให้วุ่นวาย 



                                                                   อันนี้ของกลุ่มเรา



ในเข่งไม้ เป็นข้าว โปะด้วยไก่ผัด รสชาติเค็ม ๆ ต้องเอาพริกป่นเหยาะไป กินไป 
ถัดมาเป็นน้ำซุป รสชาติคลีนสุด ๆ ไปเลย จืดสนิทศิษย์ส่ายหน้า 
หมี่เย็น น้ำแกงเค็ม ๆ เอาไว้ซดสลับกันไปมา
กุ้งทอด รสชาติพอได้ คล้าย ๆ กุ้งหวานบ้านเรา 
เห็ดหอมที่เป็นเครื่องเคียงนั่น กัดไปคำเดียว จอดเลย อย่างกะเห็ดหอมเชื่อม หวานจับจิตเลย 
ขนมปังรูปนกนั่น อภินันทนาการจากน้องเต้นท์โตะ
นางซื้อมาให้จากร้านดังที่หน้าวัด บอกเป็นไฮไลท์ของย่านนี้
ซึ่ง... มันก็คือขนมปังที่รสชาติคล้าย ๆขนมไข่ แต่แข็งและแห้งกว่า 




ก่อนออกจากร้าน แวะสร้างแลนด์มาร์คสักหน่อย
ห้องน้ำโบราณ เล็ก แต่ครบฟังก์ชั่นการใช้งาน 







ออกจากร้าน รู้สึกไม่จบ ก่อนเคลื่อนขบวนขึ้นรถบัส ดิ่งไปซื้อไอติมโคนที่ร้านละแวกวัด 
เป็นร้านที่ไกด์ชี้ให้ดูตอนขามา ว่ามีขายไอติม soft serve รสมันเทศ เลยไปสอยมาลองดูสักอัน
เลือกแบบ 2 รส มันเทศกับชาเขียว รสชาติดี เหมือนได้กินมันเทศ  จริง ๆนะ






บัสขับออกจากเมืองเก๋ ๆ นี้ ผ่านถนนเลียบชายหาดที่ทะเลสวยน้อยกว่าบ้านเรา
น้ำขุ่น ๆ ทรายไม่ขาว  เพื่อไปยังโกเทมบะ Outlets











ตามโปรแกรม ที่จริงเราต้องได้ไปหุบเขาโอวาคุดานิ ที่เค้านิยมต้มไข่ดำกินกัน
ต้องได้ไปล่องเรือโจรสลัดทะเลสาบอาชิ
แต่ก่อนเดินทางไม่กี่วัน มีเหตุแจ้งเตือนการเกิดแผ่นดินไหว สถานที่เลยปิดชั่วคราว 
ซึ่งสาว ๆ ก็ดูจะแฮปปี้กับการชอปปิ้งที่ outlets ดี ไม่มีใครถามไถ่ถึงไข่ดงไข่ดำกันซ๊ากกคน 


และตามโปรแกรม ไกด์นัดหมายให้เราออกจาก outlets กันก่อน 3 โมง 15
เพื่อที่จะไปชมทุ่งดอกพิงค์มอสขนาดใหญ่ ที่จัดขึ้นปีละครั้ง 
พิงค์มอสเป็นพืชคลุมดินที่มีดอกลักษณะคล้ายดอกซากุระ
อีกมีชื่อว่า ชิบะซากุระ มีหลายสายพันธุ์
แต่ก็นะ ขนาดแค่ 17 คน แถมยังเป็นกลุ่มเรากันเอง ก็ยั้งจะมีหลง มีเลท
กว่าจะครบองค์ ปาไปเกือบ 4 โมง ซึ่งคาดว่าคงจะไปไม่ทันละ
บอสเลยสรุปให้อยู่ shopping ต่อ ( เข้าทางเค้าหล่ะ เหมือนมาเพื่อสิ่งนี้ ) 
เพราะบางคนก็ยังเดินได้ไม่ครบทุกโซน ว่าไงว่าตามกัน 
เอาให้ขาลากกันไปข้างนึง คืนนี้จะได้หลับสบายยยยย


                                                             

                                           แว๊บไปนั่งพักขา หาไรหม่ำกันใน Food Court
                                                ทาโกะลูกโต รสชาติไม่เข้มข้นเท่าไหร่
                                                 



                                           หน้าตาเหมือนยำวุ้นเส้น แต่เส้นแข็งๆ ไม่หร่อยเลย




ในห่อที่มากับยำวุ้นเส้น เป็นไก่ย่าง รสชาติธรรมดา




บะหมี่ญี่ปุ่น







มีน้ำดื่มไว้บริการ สะดวกดี กดปุ่มแล้วแก้วจะหล่นลงมา





หลังจากเสียทรัพย์กันจนหนำใจ ก็ถึงเวลาเคลื่อนย้ายไป Tominoko Hotel  ที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ 



โรงแรมอยู่หน้า kawakuchigo lake เลย ตำแหน่งดีโพด ๆ
ไปถึงตอน 6 โมงแล้ว ฟ้าเริ่มมืด เห็นฟูจิซังลาง ๆ  ซ่อนอยู่หลังม่านเมฆ




ลงรถปุ๊บ กองสัมภาระไว้รวมกัน ได้เวลาอาหารเย็น
ว่าแล้วไกด์ก็พาตรงดิ่งเข้าห้องอาหารไปกินมื้อค่ำเลย
มื้อค่ำวันแรกนี้ ฟินกันถ้วนหน้า สำหรับนักบริโภคอาหารทะเล
หลัก ๆ ก็จะมีอาหารญี่ปุ่นและนานาชาติ คละ ๆกันไป
แต่ไฮไลท์อยู่ที่ ขาปูใหญ่เบิ่มที่มีให้กินไม่อั้น  แถมไกด์ก็รู้หน้าที่ เตรียมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสจัดมาให้เพียบ 
ขาปูเนื้อแน่น ๆ สด ๆ   แกล้มกับเบียร์ โหวววววว    รักอ่ะ 






อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ย้ายร่างและสัมภาระขึ้นห้องใครห้องมัน
ห้องของพวกเราทั้งหมด อยู่ฝั่งเดียวกัน คือเห็นวิวหน้าโรงแรม
มีเพียงไกด์เต้นท์โตะคนเดียว ที่ได้วิวเขาด้านหลังโรงแรม 555 สม 
ห้องพักขนาดกำลังดี ไม่อึดอัด มีแบ่งโซนโต๊ะรับแขกตรงริมหน้าต่าง
เสียตรงห้องน้ำ เล็กไปหน่อย  ต้องอาบแบบเจียมเนื้อเจียมตัวนิดนึง






มีชุดยูกาตะเตรียมไว้ให้ 





ปุ่มกดเวลาใช้ห้องน้ำ เดาอยู่พักนึง ว่าปุ่ม flush อยู่ตรงไหน 
จะกดมั่ว ๆ ก็เกรงจะพลาด ดีนะมีรูปให้เดา




ใส่ใจอ่ะ ถังขยะยังหาที่มันเข้ามุมพอดี ไม่ยื่นเกะกะ สำหรับห้องน้ำเล็ก ๆ




ซึ่งจากมุมนี้ ณ เวลานี้ เปิดม่านไป เจอแต่ความมืด 
ต้องรอลุ้นกันหล่ะ ว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้ามา เราจะได้เจอกับฟูจิซังมั้ยเน๊อ
ได้ยินเค้าร่ำลือกันมา ใช่ว่าจะโผล่มาให้เห็นได้ทุกครั้งไป 
มีหลายคน มาหลายรอบแล้ว ยังไม่ได้เห็นแบบเต็ม ๆ สักที

โรงแรมนี้ มีบ่อออนเซ็นให้แช่ เป็นบ่อรวม แบ่งห้อง ชาย หญิง มีทั้งโซนด้านใน และริมระเบียง
แบบที่แช่ไป ชมวิวทะเลสาบและฟูจิซังไป 




                                       หน้าห้อง     มีล็อคเกอร์ ตะกร้าใส่ของ โต๊ะเครื่องแป้ง





มีโซนนั่งขัดถู ขัดถู มียาสระผม ฝักบัว














กติกาการแช่ ก็เหมือนที่รู้ ๆ กัน คือ แช่ในชุดวันเกิด เชิญแช่กันตามอัธยาศัย 
แค่อย่าจำภาพชุดวันเกิดของใครต่อใคร ไปจนติดตา พาให้นอนฝันร้าย ก็พอ…
กู๊ดไนท์นะจ๊ะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น