วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ลั้นลา เจแปน : Day 3

May 22 , 2015

8.15 am   ยังอยากนอนต่อ แต่เด๋วตลาดวาย รีบอาบน้ำ แต่งตัว ลงไปจัดการอาหารเช้า 

โรงแรมดี อาหารเช้าก็ดีตาม หลากหลาย มากมาย อยากจะกินไปเรื่อย ๆ ให้ถึงเที่ยง 
คืนนี้เรายังคงพักโรงแรมเดิม เลยกองทุกอย่างไว้ก่อน
ค่อยอัดสมบัติบ้าลงกระเป๋า เผื่อสอยอะไรมาอีก 
จากโปรแกรมวันนี้ สาว ๆ แยกย้าย กระจัดกระจายกันเป็นกลุ่ม ๆ
กลุ่มเราใหญ่หน่อย 6 สาว จะตะลุยโตเกียวกัน 

ออกจากโรงแรม เดินไปตามเส้นทางที่ไกด์บอกไว้เมื่อวาน
พร้อมกับตั๋ว JR 1 Day Pass ที่ได้รับมาคนละใบ
เริ่มต้นที่ Ikebukuro Station นั่งรถไฟไปลง Tokyo Station เพื่อจะไป Imperial Palace
พระราชวังที่เป็นที่ประทับของจักรพรรดิอากิฮิโต 
หลายคน หลายความคิด เด๋วจะทำชีวิตวุ่นวาย เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสมาชิกในกลุ่มที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว เป็นไกด์พิเศษสำหรับวันนี้
เราก็แค่เป็นผู้ตามที่ดี เดินตามหลังต้อย ๆ เวลาหลง ก็แค่ยืนรอ เกาะกันไว้
รอไกด์จำเป็นไปหาข้อมูลมาเสริฟ 




                          เดินตัดเข้าสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ใจกลางเมือง
   
                                     



                      ต้นบอนไซ ( ใช่มั้ย )  เพียบเลย  ปลูกตั้งเยอะ   แต่มันดูไม่ร่มรื่นเนอะ







                                        ออกจากสวน ข้ามถนนมา  นั่น ๆ เห็นพระราชวังอยู่ลิบ ๆ







                                                                    เก่า กับ ใหม่






วันนี้ คงไม่ใช่วันของเรา อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงทางเข้าพระราชวัง เพื่อที่จะพบว่า " Closed "
ช้ำใจ ไม่ได้ช้ำใจที่มาแล้วอดเข้าไปดู แต่ช้ำใจที่สูญเสียพลังงานในการเดินมา
ร้อนด้วย เมื่อยด้วย T T 




                                                            โตเกียว หรือ สาทร




ไม่ให้เสียเวลา เดินหน้าไปกันต่อ กลับไป station เดิม
ขึ้นรถไฟไปต่อที่ศูนย์รวมวัยกระเตาะ ย่าน ฮาราจุกุ อันเลื่องลือ








                                                                 น่าร๊ากกกกกก




ด้วยความที่เดินเยอะ อาหารเช้าที่กินตุนมาย่อยสลายหมดไปเรียบร้อย
เดินไปได้ครึ่งซอย เห็นร้านขายอุด้ง อย่ารอช้า เร่งฝีเท้าเข้าไปกันเลย 
ดีที่มีรูปให้ดู เลือกจิ้มตามรูปเอาเลย โชคดีก็อร่อย พกดวงมาน้อยหน่อย ก็กร่อยไป


เราเลือกเมนูปลอดภัย หิว ๆ แบบนี้ ขอหน้าตาที่คุ้นเคย ถ้วยนี้ 380เยน ประมาณ 110 บาท







ด้วยความหิว ไปสอยมาอีกจาน
เป็นเส้นอุด้ง โปะหน้าด้วยสลัดผัก มีแซลมอนแปะมา 2 ชิ้น จานนี้ 650 เยน 188 บาท







พี่อีกคน เลือกพลาด ไปสั่งเมนูอุด้งใส่ไข่ดิบ แถมเย็น ๆ อีก สุดท้ายไม่รอด กินไม่ลง 
ขนาดเราเป็นคนกินง่าย ลองเอามาชิม ยังขอบาย มันเหนียว ๆ ยืด ๆ คาว ๆ หยึ๋ย ๆอ่ะ 





ออกจากร้านก็เดินต่อ จุดมุ่งหมายอยู่ที่ศาลเจ้าเมจิ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันนิดนึง 
ข้อสังเกตุระหว่างวัดกับศาลเจ้าคือ ถ้าเป็นศาลเจ้า ทางเข้าจะเป็นซุ้มประตูแบบนี้ 







ผ่านเข้ามาด้านในซุ้มประตู ให้ความรู้สึกต่างจากด้านนอกโดยสิ้นเชิง
สงบ เงียบ และเย็น เหมือนอยู่ ตจว






ซึ่งเอาจริง ๆ หน้าทางเข้านี่คือ 4-5 แยกขนาดใหญ่ มีความเจริญอัดแน่นเลยนะ
ต้นไม่ใหญ่ถึงใหญ่ที่สุด ท่าทางจะหลายร้อยปี
เห็นมั้ยว่าต้นไม้ใหญ่กับความเจริญมันอยู่ร่วมกันได้... อย่างลงตัว
 ( ไม่ได้ตั้งใจบอกใครเลยจริง จริ๊งงงงงง ) 






















ไปเจอขบวนพิธีแต่งงานพอดี  ดูเรียบง่ายดีแฮะ 









                                                        เดาว่าน่าจะกำลังส่งตัวเจ้าสาว

















แผ่นป้าย เอาไว้เขียนคำอธิษฐาน แล้วเอาไปแขวนไว้




บริเวณนี้ขายเครื่องราง



มีจัดโซนจัดแสดงภาพเล็ก ๆ 








ใช้เวลากับความสงบในศาลเจ้าประมาณนึง
แล้วก็เคลื่อนขบวนต่อไปยังแหล่งชอปปิ้งเดิมเมื่อวาน ย่าน ชินจูกุ
ไปเก็บตกของที่เล็ง ๆ เทียบแบบ เทียบราคาแต่ละร้านไว้ 




                        ร้านอาหารริมทางเดินไปสถานีรถไฟ  รู้สึกมันเชิญชวนให้เข้าไปซะจริง ๆ






สถานนีรถไฟ ตอนเวลาเลิกงาน คนอย่างเยอะ วุ่นวาย ขวักไขว่  รีบเร่ง







มีบางช่วง ที่เดิน ๆ แล้วนึกว่าอยู่ฮ่องกง  หน้าตาถนน ร้านค้า มันคล้าย ๆ กันนิ










สะดุดกับที่มาร์คหน้าซองนี้  มาร์คแล้วหน้าจะเป็นแปะยิ้มเหมือนในรูปเลยจริงป่าวไม่รู้




ได้ของครบหนำใจ ก็ขึ้นรถไฟต่อไปยังสถานีเดิมที่จากมาเมื่อเช้า Ikebukuto Station 
แวะซื้ออาหารเย็นในซุปเปอร์ แล้วตรงดิ่งกลับห้องพัก
ไปดินเนอร์แบบเหยียดแข้งเหยียดขาในห้องพัก
ตอนเลือกซื้อข้าวเย็นในซุปเปอร์ เดินวนไปวนมาอยู่ 4-5 รอบ
คือแบบ เลือกไม่ได้ รักพี่เสียดายน้อง อยากกินไปหมด เลยเลือกมา 2 อย่าง



                                                    ข้าวกล่องหน้าปลาดิบหลากชนิด






                                                               สลัดเต้าหู้กับอะโวคาโด



หิวหรอ?? ทำไมมือไม้สั่น ถ่ายเบลอได้อีก





                                                 อันนี้เป็นของพี่อีก 2 คน น่ากินพอ ๆ กัน










อิ่มท้องแล้วก็พักผ่อน รอเวลาเจอกันอีกครั้งตอน 4 ทุ่ม
ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล บอสนัดสาว ๆ รวมตัวกันที่ lobby ตอน 4 ทุ่ม
บอสจะพาไปดริ๊งค์ รวมตัวกันได้ 8 สาว ที่เหลือขอตัวพักผ่อน
ด้วยสังขารอาจไม่เอื้อบ้าง ท้องบ้าง เหมือนจะป่วยบ้าง


เดินจากโรงแรม มั่ว ๆ กันไปย่านที่ดูมีแหล่งบันเทิงเริงใจ
บอสก็อยากได้ร้านที่ดูดีมีชาติตระกูลหน่อย แบบนั่งชิล ๆ outdoor ไรงี้ 
แต่ความเป็นจริง เหมือนเราเดินอยู่แถวข้าวสาร ร้านค่อนข้างเล็ก
ไม่เดินขึ้นด้านบนตึก ก็เดินลงใต้ดิน
บางร้านที่พอไหว ก็ไม่มีที่พอสำหรับ 8 คน 


เดินไปถามตำรวจที่ป้อม ตำรวจทั้งป้อม ไม่มีใครเข้าใจภาษาอังกฤษ
สาว ๆ เลยเดินต่อไป จนกระทั่ง…. เดินขึ้นไปเจอร้านนึง อยู่ชั้น 2 เปิดประตูเข้าไป
ร้านเล็ก ๆ แต่เก้าอี้อย่างโล่ง มีหนุ่มยุ่นนั่งดื่มอยู่ 2 คน เอาละวะ ร้านนี้แหล่ะ
กลุ่มเรากลุ่มเดียว อยู่เลย เต็มร้าน ไม่มีที่พอสำหรับใครอื่นละ 

ความสนุกมันอยู่ตรงที่…. การพยายามสื่อสารกับเจ้าของร้านที่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นเพียงภาษาเดียว 
แล้วสาว ๆ ก็หลายความต้องการ คนกินเบียร์ก็สบายไป จิ้ม ๆ จากที่เจ้าของร้านมาเอาให้ดู
ส่วนสาว ๆ ที่นิยมค็อกเทล ก็พยายามสื่อสารกัน ยังกะเล่นใบ้คำ เก็ตกันทีก็เฮกันที
ยิ่งดึก ยิ่งกึ่ม ยิ่งมันส์ ภาษาไทย ญี่ปุ่น อังกฤษ ปนกันให้มั่ว สนุกดี
บอสให้วีซ่าแค่ ตีหนึ่งครึ่ง เวลาก็ผ่านไปเร็วรวด เผลอแพล่บเดียว ต้องลากกันกลับโรงแรมซะละ 
กว่าจะเดินถึงโรงแรม กว่าจะได้อาบน้ำ ได้นอนเอาเกือบตี 3
เสียงไกด์หนุ่มหน้าสวยแว่วเข้ามาในความฝัน
สเตปพรุ่งนี้   6 , 7 , 8 นะค๊าพี่พี่ทู๊กโคนนนนนน 
คร่อกกกกกกก………



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น