วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ลั้นลา เจแปน : Day 2

May 21 , 2015


6 , 7 , 8    Step เวลาตามสไตล์ทัวร์ของเช้าวันนี้

6.00 am     :   Morning Call    ตื่นมาด้วยความสดชื่น เพราะได้หลับเต็มที่
แดดแยงผ่านม่านมาแว๊วววว  กระเด้งดึ๋งลงจากเตียง  รีบแหวกม่านดูวิวเช้านี้ 


กรี๊ดดดดดดดด อยากจะกู่ร้องให้ดังก้องถึงยอดฟูจิซัง
คือแบ่บ ของจริงยิ่งกว่าคำพูดใดใด ต้องมาเห็นกันด้วยตาสักครั้งนึงในชีวิตนะ 
ภาพตรงหน้าคือดีงามอ่ะ   มีทะเลสาบเป็นภาพพานอราม่าอยู่เบื้องหน้า
แบคกราวน์ด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ  ฟ้าใส ๆ อากาศเย็นๆ     โอ๊ยยยยย  สุขี




















                                                มองมุมไหน ๆ ก็งามนะเธอหน่ะ




7.00 am      :  Breakfast อาหารเช้านานาชาติ ชา กาแฟ ขนมปัง ข้าวต้ม ข้าวสวย 
อาหารหลากหลายพอสมควร อิ่มท้องแล้ว ก็ย้ายไปรวมตัวกันหน้าโรงแรม
เก็บภาพหมู่ให้ไกด์เต้นท์โตะส่งการบ้านกลับออฟฟิตอีกรอบ

8.00 am    :  ได้เวลาเซย์กู๊ดบายภาพงาม ๆ ตรงหน้า มากับทัวร์ก็แบบเนี๊ย ขัดใจ
ถ้ามาเองจะอยู่ดื่มด่ำให้ฉ่ำอุราแค่ไหนก็ได้ 









บัสคันเดิม พาเราชื่นชมวิวสองข้างทาง ผ่านเมืองเล็ก ๆ  ช่างน่าอิจฉาคนที่นี่  ได้เห็นวิวนี้ทู๊กวัน





มุ่งหน้าสู่ ภูเขาไฟฟูจิ ชั้นที่ 5 บนระดับความสูงที่ 2,500 เมตร 


ระหว่างทางขึ้นเขา มีอยู่ช่วงนึง ที่ไกด์ให้เราตั้งใจฟัง ลูกระนาดที่ถนน





เวลารถขับผ่าน   จะมีเสียงดนตรีดัง ซึ่ง... แทบกลั้นหายใจกันทั้งคัน
เฮ๊ยยย ได้ยินจริง ๆ เป็นเหมือนเสียงตัวโน๊ตดังเข้ามาในรถเลย ประมาณสักครึ่งนาที แปลกดีอ่ะ
เอ๊ะ.. หรือใครเปิดเครื่องเสียงป่ะ 5555



ยิ่งสูง  ยิ่งหนาว ใช้ได้กับทุกที่จริง ๆ เริ่มเห็นร่องรอยหิมะตามไหล่ทาง กระจกเริ่มเป็นฝ้า
ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงที่หมาย สาว ๆ พร้อม ขนทุกอย่างที่พอจะมีมาห่อหุ้มร่างกาย 
หนาวทันทีที่ก้าวลงรถ แถมลมแรงด้วย เร่งฝีเท้าเดินตามไกด์ไปด้านบน 
ไกด์พาสาว ๆ ไปไหว้พระที่ศาลเจ้า วิวสวย บรรยากาศดี มีฟามสุข 



                                                                  ชิล ๆ นะ  6 องศาเอง แถวบ้านเราก็ประมาณนี้













ยังมีร่องรอยหิมะเกลื่อนอยู่ตามพื้นบ้าง กองอยู่บนหลังคาบ้าง












เวลาไหว้ ให้หย่อนเหรียญลงไปในช่อง โดยไม่ให้โดนไม้พาด แล้วปรบมือแปะ ๆ 2 ครั้ง ก่อนอธิษฐาน












ชื่นชมสมใจก็เดินกลับลงมาแวะร้านขายของ
มีทั้งขนมนมเนย และของที่ระลึก เหล้า ชา ชอคโกแลต ฯลฯ 





เข้ามาในร้าน เค้าแจกกระดิ่ง กับให้ชิมขนมโมจิไส้ถั่วแดง อร่อยดี มีขายบนนี้ที่เดียว




สาว ๆ  สุมรวมกันอยู่ในร้านเพราะอุ่นดี แต่อยู่นานเกินไปจะเริ่มไม่ค่อยดี
ลักษณะว่าจะเป็นโรคทรัพย์จาง โรคนี้ติดต่อถึงกันด้วยนะ เห็นเพื่อนซื้อสิ่งใดกัน ก็กลัวจะน้อยหน้า
ใครซื้อมากกว่าชนะ ( หร๊ออออ ) 


                                             soft serve ที่นี่เป็นที่นิยมเชียว มีเพียบเลย





ไปรษณีย์ สำหรับคนที่อยากส่ง Post card








หอบหิ้วสองไม้สองมือ ออกจากร้าน ฝ่าความหนาวไปเก็บภาพความประทับใจต่ออีกนิดหน่อย 






ได้เวลาที่ไกด์นัดอีกละ ต้องไปต่อแล้วสิ
กลับมาที่รถ ไกด์ใจดี ซื้อหนมแจกอีกแระ ขนมปังรูปภูเขาไฟฟูจิ น่ารักดี 
ถ้าได้กาแฟร้อน ๆสักแก้ว มันจะเริ่ดเลอก่านี้อี๊กนะ เต้นท์โตะ ขนมมันแห้ง ป้าฝืดคอ แค่ก ๆ








                                            เห็นเทือกเขาลิบ ๆ ไกด์บอก เรียกว่า เจแปนเอลล์






สถานที่ต่อไป " โอชิโนะ ฮักไก"   เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ 
มีบ่อน้ำผุดตามธรรมชาติ บ่อลึกมาก น้ำก็ใสมากด้วย












                                           ความลึกของบ่อ 8 เมตร น้ำใสแจ๊วเลย






                                      เห็นหลาย ๆ คน เอาขวดมารองน้ำแร่ธรรมชาติกลับไปด้วย













                                                        ด้านหลังยังมองเห็นฟูจิซังลิบ ๆ






อารมณ์เหมือนตอนไปเที่ยวน่าน แล้วแวะไปดูบ่อเกลือ
เดินผ่านบ้านเรือน มันเป็นเหมือนบ้านแบบต่างจังหวัด   ที่ยังมีหลังคามุงกระเบื้องปลายเชิด ๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น   และที่ขาดไม่ได้ ต้นบอนไซ ที่เหมือนเป็นเอกลักษณ์ไปซะละ







ต้นไม้ริมทาง สวยเชียวนะ























มันคงบังเอิญที่ว่าบ่อน้ำนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว
บ้านเรือนละแวกนั้นเลยได้อาชีพขายของฝาก ผลไม้ ของที่ระลึกกันไปโดยปริยาย













แต่ก็มีอยู่แค่ไม่กี่หลัง เพราะด้านในบ่อน้ำก็มีร้านขายของขนาดใหญ่คอยให้บริการอยู่แล้ว 



                                             โมจิถั่วแดงย่าง ร้อน ๆ หอม ๆ   อันละ 100 เยน









ได้ลองกินไอ้ที่เสียบไม้เป็นแท่ง ๆ นั่น






อร่อยดี มีเนื้อปูด้วย











อันนี้ไม่ได้ลอง  กลัวอิ่ม เด๋วกินมื้อเที่ยงไม่ไหว มันเป็นเต้าหู้





เวลาจะกิน เค้าจะแกะแล้วราดอะไรสักอย่างให้





                                                       ห้องผลิต โมจิ  ดูสะอาดสะอ้านดี






เราใช้เวลาอยู่ที่บ่อน้ำนี้ไม่นานมากนัก ก็เคลื่อนขบวนเพื่อไปหม่ำมื้อเที่ยงกันที่ร้านนี้


                                     


                                       ต้นไม้หน้าร้าน เหมือนรู้งาน นางบานนนน รับแขกมั่ก ๆ







น่าจะเป็นร้านดังในแวดวงคนไทย เพราะเห็นมีรูปดาราไทยติดตามฝาผนังหลายคนอยู่ 
ร้านไม่ใหญ่มากนัก รับลูกค้าพร้อมกันน่าจะได้ไม่เกิน 60 คน แบบแน่น ๆ 
ลักษณะเหมือนเอาบ้านมาทำเป็นร้านอาหาร เจ้าของร้านน่ารักตามสไตล์คนญี่ปุ่น
โค้งกันแล้ว โค้งกันอีก
มื้อนี้เป็นแนวปิ้งย่าง ไฮไลท์อยู่ที่ปิ้งบนหินภูเขาไฟ จี่ลงไปบนแผ่นดำ ๆ นั่นเลย 





มีทั้งโต๊ะใหญ่     โต๊ะเล็ก





อาหาร มาเป็นชุด ประมาณนี้ ต่อคน





                                        เนื้อหมูสไลด์บาง ๆ  เนื้อวัวมาหนาหน่อย  แต่นุ่มเวอร์




ดีตรงที่ไม่มีการติดตะแกรงติดกระทะเหมือนร้านทั่วไปที่เราคุ้นเคย 
จี่จนจะไหม้เนื้ออยู่ครบเท่าเดิม ไม่แหว่งไปอยู่บนกระทะแต่อย่างใด 
แบ่งโซนกินกันชัดเจน โซนหมู โซนเนื้อ กินเนื้อจ่ายเพิ่ม
เราก็ขออาศัยบารมีนาย ขอนายกินด้วย ซึ่ง… เนื้อนิ่มกว่าหมูหลายเท่าตัวนัก
ขนาดว่าหั่นมาหนากว่า แต่ละมุนลิ้นฝุด ๆ 


                                                           หลังร้านมีสวนเล็ก ๆ






มีปลูกวาซาบิด้วย  เพิ่งเคยเห็นก็วันนี้หล่ะ





ต้นมันหน้าตาเป็นแบบนี้





อิ่ม อร่อยมื้อเที่ยง พร้อมกับกลิ่นปิ้งย่างติดเสื้อติดตัวเป็นที่ระลึกกันทั่วหน้า
next station จะไปเป็นสาวชาวกรุงกันละ มุ่งหน้าสู่กรุงโตเกียว
ว่าแต่ ตอนนี้อิ่มกันแล้วนิ หลับยาว ๆ ปายยยย


บ่ายสามโมงหน่อย ๆ สาว ๆ โดนปลุกตื่นจากภวังค์
วิวสองข้างทางเปลี่ยนจากต้นไม้ ใบหญ้า เป็นตึกสูงและความวุ่นวาย
ไกด์เต้นท์โตะ แจกแผนที่การเดิน shopping ย่านชินจุกุ พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดที่ควรรู้ 
เช่น อยากซื้อแบรนด์ไหน ควรไป shop ไหน ของถูก ของเยอะ ,
วิธีการทำ tax refund พร้อมทั้งสถานที่ที่นัดเจอเพื่อกินมื้อเย็นกัน 
สาว ๆ ฟังแล้วตื่นเต้น เหมือนจะโดนปล่อยลงจากบัสเพื่อไปวิ่งหา RC
แถมลางสังหรณ์บอกว่าจะมีหนี้บัตรเครดิตในอนาคตอันใกล้


18.15 pm เจอกันที่ร้านชาบูตามเวลานัดหมาย
ไม่มีใครกลับมามือเปล่า หอบหิ้วกันมาคนละหลายถุง
ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู คล้าย ๆ momo paradise ซึ่งไกด์บอกว่าอันนี้พรีเมี่ยมกว่า
พยายามถามหา แป้งโมจิ ก้อนเหลี่ยม ๆ เหมือนที่ร้าน momo ในเมืองไทย
ไม่มีอ่า...เสียใจ แต่ความเสียใจถูกชดเชยได้ด้วยไอติมหลากรส 
ไอติมรสชาเขียว อร่อยมว๊ากกกก เข้มข้น ไอติมรส tofu ได้รสชาติเต้าหู๊ เต้าหู้ แปลก ๆ ดี 
อีก 2 รส จำไม่ได้ละ แต่จัดว่าอร่อยทุกรส อิ่มเอมกายใจ


19.30 pm ได้เวลากลับขึ้นบัสอีกครั้ง เพื่อเดินทางต่อไปยังที่พักคืนนี้


20.00 pm สาว ๆ กองรวมกันพร้อมสัมภาระที่มาจากไทย และสัมภาระใหม่ ๆ ที่งอกขึ้นมาไม่นานนี้ 
คืนนี้เราพักกันที่  Metropolitan Hotel    ย่าน  Nishi-Ikebukuro



















โรงแรมดี๊ดี  นอนหรูอ่ะคืนนี้  ถูกใจตรงที่ ห้องน้ำมีอ่างให้นอนแช่ อยากพักร่าง อยากแช่น้ำอุ่น
ก่อนที่จะแยกย้ายห้องใครห้องมัน ไกด์เต้นท์โตะ ไม่ปล่อยให้เราทิ้งเวลาที่เหลือให้สูญเปล่า 
นัดเจอกันอีกครั้งตอน 2 ทุ่ม 45 เพื่อที่จะพาสาว ๆ เดินไปสำรวจสถานีรถไฟ 
พร้อมกับแนะนำวิธีการใช้ตั๋วและขึ้นรถ เพราะพรุ่งนี้ตามโปรแกรมคือ Free Day
จะปล่อยให้เที่ยวกันเอง กินกันเองตามอัธภาพ 


ระหว่างทางเดินไปสถานีรถไฟ ก็ผ่านร้านรวงต่าง ๆ
ไกด์ก็พูดไปเรื่อย ร้านนี้ขายอะไร ร้านนั่นดียังไง ร้านนู้นถูกกว่าร้านเน๊ 
ถึงสถานีรถไฟ ฟังวิธีการใช้ตั๋วพร้อมเส้นทางโดยรวม
 1.. 2.. 3.. พร้อมใจกันสลายตัวเป็นกลุ่มย่อยอย่างรวดเร็ว 

บ้างก็ร้านเหล้า บ้างก็ร้านขายของที่ไกด์บรรยายสรรพคุณมา เดินวนเจอกันเองอยู่หลายรอบ 
เดินกันจนกว่าแรงจะหมด ซึ่ง.. รุ่นนี้แรงหมดยาก
กว่าจะลากสังขารกลับโรงแรมเกือบเที่ยงคืน
กลับถึงห้อง กองทุกอย่างไว้เบื้องหลัง นอนแช่น้ำอุ่นให้สบายกาย แล้วเข้านอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น