6 , 7 , 8 Step เวลาตามสไตล์ทัวร์ของเช้าวันนี้
6.00 am : Morning Call ตื่นมาด้วยความสดชื่น เพราะได้หลับเต็มที่
แดดแยงผ่านม่านมาแว๊วววว กระเด้งดึ๋งลงจากเตียง รีบแหวกม่านดูวิวเช้านี้
กรี๊ดดดดดดดด อยากจะกู่ร้องให้ดังก้องถึงยอดฟูจิซัง
คือแบ่บ ของจริงยิ่งกว่าคำพูดใดใด ต้องมาเห็นกันด้วยตาสักครั้งนึงในชีวิตนะ
ภาพตรงหน้าคือดีงามอ่ะ มีทะเลสาบเป็นภาพพานอราม่าอยู่เบื้องหน้า
แบคกราวน์ด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ฟ้าใส ๆ อากาศเย็นๆ โอ๊ยยยยย สุขี
มองมุมไหน ๆ ก็งามนะเธอหน่ะ
7.00 am : Breakfast อาหารเช้านานาชาติ ชา กาแฟ ขนมปัง ข้าวต้ม ข้าวสวย
อาหารหลากหลายพอสมควร อิ่มท้องแล้ว ก็ย้ายไปรวมตัวกันหน้าโรงแรม
เก็บภาพหมู่ให้ไกด์เต้นท์โตะส่งการบ้านกลับออฟฟิตอีกรอบ
8.00 am : ได้เวลาเซย์กู๊ดบายภาพงาม ๆ ตรงหน้า มากับทัวร์ก็แบบเนี๊ย ขัดใจ
ถ้ามาเองจะอยู่ดื่มด่ำให้ฉ่ำอุราแค่ไหนก็ได้
บัสคันเดิม พาเราชื่นชมวิวสองข้างทาง ผ่านเมืองเล็ก ๆ ช่างน่าอิจฉาคนที่นี่ ได้เห็นวิวนี้ทู๊กวัน
ระหว่างทางขึ้นเขา มีอยู่ช่วงนึง ที่ไกด์ให้เราตั้งใจฟัง ลูกระนาดที่ถนน
เวลารถขับผ่าน จะมีเสียงดนตรีดัง ซึ่ง... แทบกลั้นหายใจกันทั้งคัน
เฮ๊ยยย ได้ยินจริง ๆ เป็นเหมือนเสียงตัวโน๊ตดังเข้ามาในรถเลย ประมาณสักครึ่งนาที แปลกดีอ่ะ
เอ๊ะ.. หรือใครเปิดเครื่องเสียงป่ะ 5555
ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ใช้ได้กับทุกที่จริง ๆ เริ่มเห็นร่องรอยหิมะตามไหล่ทาง กระจกเริ่มเป็นฝ้า
ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงที่หมาย สาว ๆ พร้อม ขนทุกอย่างที่พอจะมีมาห่อหุ้มร่างกาย
หนาวทันทีที่ก้าวลงรถ แถมลมแรงด้วย เร่งฝีเท้าเดินตามไกด์ไปด้านบน
ไกด์พาสาว ๆ ไปไหว้พระที่ศาลเจ้า วิวสวย บรรยากาศดี มีฟามสุข
ชิล ๆ นะ 6 องศาเอง แถวบ้านเราก็ประมาณนี้
ยังมีร่องรอยหิมะเกลื่อนอยู่ตามพื้นบ้าง กองอยู่บนหลังคาบ้าง
เวลาไหว้ ให้หย่อนเหรียญลงไปในช่อง โดยไม่ให้โดนไม้พาด แล้วปรบมือแปะ ๆ 2 ครั้ง ก่อนอธิษฐาน
ชื่นชมสมใจก็เดินกลับลงมาแวะร้านขายของ
มีทั้งขนมนมเนย และของที่ระลึก เหล้า ชา ชอคโกแลต ฯลฯ
เข้ามาในร้าน เค้าแจกกระดิ่ง กับให้ชิมขนมโมจิไส้ถั่วแดง อร่อยดี มีขายบนนี้ที่เดียว
สาว ๆ สุมรวมกันอยู่ในร้านเพราะอุ่นดี แต่อยู่นานเกินไปจะเริ่มไม่ค่อยดี
ลักษณะว่าจะเป็นโรคทรัพย์จาง โรคนี้ติดต่อถึงกันด้วยนะ เห็นเพื่อนซื้อสิ่งใดกัน ก็กลัวจะน้อยหน้า
ใครซื้อมากกว่าชนะ ( หร๊ออออ )
soft serve ที่นี่เป็นที่นิยมเชียว มีเพียบเลย
ไปรษณีย์ สำหรับคนที่อยากส่ง Post card
หอบหิ้วสองไม้สองมือ ออกจากร้าน ฝ่าความหนาวไปเก็บภาพความประทับใจต่ออีกนิดหน่อย
ได้เวลาที่ไกด์นัดอีกละ ต้องไปต่อแล้วสิ
กลับมาที่รถ ไกด์ใจดี ซื้อหนมแจกอีกแระ ขนมปังรูปภูเขาไฟฟูจิ น่ารักดี
ถ้าได้กาแฟร้อน ๆสักแก้ว มันจะเริ่ดเลอก่านี้อี๊กนะ เต้นท์โตะ ขนมมันแห้ง ป้าฝืดคอ แค่ก ๆ
เห็นเทือกเขาลิบ ๆ ไกด์บอก เรียกว่า เจแปนเอลล์
สถานที่ต่อไป " โอชิโนะ ฮักไก" เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ
มีบ่อน้ำผุดตามธรรมชาติ บ่อลึกมาก น้ำก็ใสมากด้วย
ความลึกของบ่อ 8 เมตร น้ำใสแจ๊วเลย
เห็นหลาย ๆ คน เอาขวดมารองน้ำแร่ธรรมชาติกลับไปด้วย
ด้านหลังยังมองเห็นฟูจิซังลิบ ๆ
อารมณ์เหมือนตอนไปเที่ยวน่าน แล้วแวะไปดูบ่อเกลือ
เดินผ่านบ้านเรือน มันเป็นเหมือนบ้านแบบต่างจังหวัด ที่ยังมีหลังคามุงกระเบื้องปลายเชิด ๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น และที่ขาดไม่ได้ ต้นบอนไซ ที่เหมือนเป็นเอกลักษณ์ไปซะละ
ต้นไม้ริมทาง สวยเชียวนะ
มันคงบังเอิญที่ว่าบ่อน้ำนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว
บ้านเรือนละแวกนั้นเลยได้อาชีพขายของฝาก ผลไม้ ของที่ระลึกกันไปโดยปริยาย
แต่ก็มีอยู่แค่ไม่กี่หลัง เพราะด้านในบ่อน้ำก็มีร้านขายของขนาดใหญ่คอยให้บริการอยู่แล้ว
โมจิถั่วแดงย่าง ร้อน ๆ หอม ๆ อันละ 100 เยน
ได้ลองกินไอ้ที่เสียบไม้เป็นแท่ง ๆ นั่น
อร่อยดี มีเนื้อปูด้วย
อันนี้ไม่ได้ลอง กลัวอิ่ม เด๋วกินมื้อเที่ยงไม่ไหว มันเป็นเต้าหู้
เวลาจะกิน เค้าจะแกะแล้วราดอะไรสักอย่างให้
เราใช้เวลาอยู่ที่บ่อน้ำนี้ไม่นานมากนัก ก็เคลื่อนขบวนเพื่อไปหม่ำมื้อเที่ยงกันที่ร้านนี้
ต้นไม้หน้าร้าน เหมือนรู้งาน นางบานนนน รับแขกมั่ก ๆ
น่าจะเป็นร้านดังในแวดวงคนไทย เพราะเห็นมีรูปดาราไทยติดตามฝาผนังหลายคนอยู่
ร้านไม่ใหญ่มากนัก รับลูกค้าพร้อมกันน่าจะได้ไม่เกิน 60 คน แบบแน่น ๆ
ลักษณะเหมือนเอาบ้านมาทำเป็นร้านอาหาร เจ้าของร้านน่ารักตามสไตล์คนญี่ปุ่น
โค้งกันแล้ว โค้งกันอีก
มื้อนี้เป็นแนวปิ้งย่าง ไฮไลท์อยู่ที่ปิ้งบนหินภูเขาไฟ จี่ลงไปบนแผ่นดำ ๆ นั่นเลย
มีทั้งโต๊ะใหญ่ โต๊ะเล็ก
อาหาร มาเป็นชุด ประมาณนี้ ต่อคน
เนื้อหมูสไลด์บาง ๆ เนื้อวัวมาหนาหน่อย แต่นุ่มเวอร์
ดีตรงที่ไม่มีการติดตะแกรงติดกระทะเหมือนร้านทั่วไปที่เราคุ้นเคย
จี่จนจะไหม้เนื้ออยู่ครบเท่าเดิม ไม่แหว่งไปอยู่บนกระทะแต่อย่างใด
แบ่งโซนกินกันชัดเจน โซนหมู โซนเนื้อ กินเนื้อจ่ายเพิ่ม
เราก็ขออาศัยบารมีนาย ขอนายกินด้วย ซึ่ง… เนื้อนิ่มกว่าหมูหลายเท่าตัวนัก
ขนาดว่าหั่นมาหนากว่า แต่ละมุนลิ้นฝุด ๆ
หลังร้านมีสวนเล็ก ๆ
มีปลูกวาซาบิด้วย เพิ่งเคยเห็นก็วันนี้หล่ะ
ต้นมันหน้าตาเป็นแบบนี้
อิ่ม อร่อยมื้อเที่ยง พร้อมกับกลิ่นปิ้งย่างติดเสื้อติดตัวเป็นที่ระลึกกันทั่วหน้า
next station จะไปเป็นสาวชาวกรุงกันละ มุ่งหน้าสู่กรุงโตเกียว
ว่าแต่ ตอนนี้อิ่มกันแล้วนิ หลับยาว ๆ ปายยยย
บ่ายสามโมงหน่อย ๆ สาว ๆ โดนปลุกตื่นจากภวังค์
วิวสองข้างทางเปลี่ยนจากต้นไม้ ใบหญ้า เป็นตึกสูงและความวุ่นวาย
ไกด์เต้นท์โตะ แจกแผนที่การเดิน shopping ย่านชินจุกุ พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดที่ควรรู้
เช่น อยากซื้อแบรนด์ไหน ควรไป shop ไหน ของถูก ของเยอะ ,
วิธีการทำ tax refund พร้อมทั้งสถานที่ที่นัดเจอเพื่อกินมื้อเย็นกัน
สาว ๆ ฟังแล้วตื่นเต้น เหมือนจะโดนปล่อยลงจากบัสเพื่อไปวิ่งหา RC
แถมลางสังหรณ์บอกว่าจะมีหนี้บัตรเครดิตในอนาคตอันใกล้
18.15 pm เจอกันที่ร้านชาบูตามเวลานัดหมาย
ไม่มีใครกลับมามือเปล่า หอบหิ้วกันมาคนละหลายถุง
ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู คล้าย ๆ momo paradise ซึ่งไกด์บอกว่าอันนี้พรีเมี่ยมกว่า
พยายามถามหา แป้งโมจิ ก้อนเหลี่ยม ๆ เหมือนที่ร้าน momo ในเมืองไทย
ไม่มีอ่า...เสียใจ แต่ความเสียใจถูกชดเชยได้ด้วยไอติมหลากรส
ไอติมรสชาเขียว อร่อยมว๊ากกกก เข้มข้น ไอติมรส tofu ได้รสชาติเต้าหู๊ เต้าหู้ แปลก ๆ ดี
อีก 2 รส จำไม่ได้ละ แต่จัดว่าอร่อยทุกรส อิ่มเอมกายใจ
19.30 pm ได้เวลากลับขึ้นบัสอีกครั้ง เพื่อเดินทางต่อไปยังที่พักคืนนี้
20.00 pm สาว ๆ กองรวมกันพร้อมสัมภาระที่มาจากไทย และสัมภาระใหม่ ๆ ที่งอกขึ้นมาไม่นานนี้
คืนนี้เราพักกันที่ Metropolitan Hotel ย่าน Nishi-Ikebukuro
โรงแรมดี๊ดี นอนหรูอ่ะคืนนี้ ถูกใจตรงที่ ห้องน้ำมีอ่างให้นอนแช่ อยากพักร่าง อยากแช่น้ำอุ่น
ก่อนที่จะแยกย้ายห้องใครห้องมัน ไกด์เต้นท์โตะ ไม่ปล่อยให้เราทิ้งเวลาที่เหลือให้สูญเปล่า
นัดเจอกันอีกครั้งตอน 2 ทุ่ม 45 เพื่อที่จะพาสาว ๆ เดินไปสำรวจสถานีรถไฟ
พร้อมกับแนะนำวิธีการใช้ตั๋วและขึ้นรถ เพราะพรุ่งนี้ตามโปรแกรมคือ Free Day
จะปล่อยให้เที่ยวกันเอง กินกันเองตามอัธภาพ
ระหว่างทางเดินไปสถานีรถไฟ ก็ผ่านร้านรวงต่าง ๆ
ไกด์ก็พูดไปเรื่อย ร้านนี้ขายอะไร ร้านนั่นดียังไง ร้านนู้นถูกกว่าร้านเน๊
ถึงสถานีรถไฟ ฟังวิธีการใช้ตั๋วพร้อมเส้นทางโดยรวม
1.. 2.. 3.. พร้อมใจกันสลายตัวเป็นกลุ่มย่อยอย่างรวดเร็ว
บ้างก็ร้านเหล้า บ้างก็ร้านขายของที่ไกด์บรรยายสรรพคุณมา เดินวนเจอกันเองอยู่หลายรอบ
เดินกันจนกว่าแรงจะหมด ซึ่ง.. รุ่นนี้แรงหมดยาก
กว่าจะลากสังขารกลับโรงแรมเกือบเที่ยงคืน
กลับถึงห้อง กองทุกอย่างไว้เบื้องหลัง นอนแช่น้ำอุ่นให้สบายกาย แล้วเข้านอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น