วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

สมาชิกใหม่...ของบ้าน

January 03 , 2015


เสาร์นี้ พี่อ้อมีภารกิจไปทำสังฆทาน ปล่อยปลาที่วัด
เนื่องจากหมอดูบอกมา 555 ถือเป็นสิ่งดี ทำไปไม่เสียหาย 

ทำการนัดหมายรุ่นพี่ที่เคารพ แวะตลาดปากเกร็ด ซื้อปลาตามที่ได้รับมอบหมาย 
ไปทำบุญ ปล่อยปลาแถวบ้านรุ่นพี่ ที่วัดศรีรัตนาราม นนทบุรี 
ถวายสังฆทานเสร็จ เดินไปริมน้ำ ดูทำเลปล่อยปลา
เห็นหลวงพี่กับกลุ่มแม่ค้ากำลังยืนดูอะไรอยู่ตรงแถวท่าน้ำ 
เดินไปใกล้ๆ เจอหมาแม่ลูกอ่อน กำลังให้นมลูกหมา 2 ตัว
ตามประสา สาว ๆ ก็อุทานไปด้วยความเคยชิน อุ๊ย ลูกหมา น่ารักจัง
หลวงพี่ : เอาไปเลี้ยงมั้ยโยม มันจะได้เป็นหมาบ้าน ไม่ต้องโตมาเป็นหมาวัด
สาว ๆ : มันกี่เดือนแล้วอ่ะคะ
แม่ค้า : เดือนกว่า ๆ เอง ตัวเมียทั้งคู่เลย เอาไปเลี้ยงสิ
คอกนี้มี 6 ตัว ตายไป 2 มีคนเอาไปเลี้ยงแล้ว 2 เหลือ 2 ตัวนี้

สาว ๆ ยืนเล็ง ๆ กึ่ง ๆ จับจองกันเล็กน้อย ใครชอบตัวไหน แต่ยังไม่ตกปากรับคำ 
รุ่นพี่ ซึ่งที่บ้านมีหมาอยู่แล้วหลายตัว ปรึกษากันว่าจะเอาไปเพิ่มดี หรือจะยังไง
เรากะพี่อ้อ ส่งสายตาเป็นคำถามซึ่งกันและกัน ยังไงกันดีตัวเอง?? 



ส่วนตัว เคยเลี้ยงหมาแค่ตัวเดียว ซึ่งส่วนใหญ่ แม่เป็นคนเลี้ยงซะมากกว่า เราก็แค่เล่นกับมัน 
มันอยู่กับเราจนแก่ตายจากเราไปอย่างสงบ คาตักแม่ 
เรารู้สึกว่าหมามันแสดงออกได้อย่างชัดเจนทางสีหน้าและแววตา
ชอบมองเวลาหมาเหม่อ ชอบหมาหน้าทู่ ๆ ดูตลกดี
แล้วก็ชอบดูรายการทางช่อง True ของ ซีซาร์ กับ วิคตอเรีย ผู้กำราบหมาเกเร 
แต่ก็ยังไม่เคยคิดจะหามาเลี้ยงอย่างจริงจังอีก กลัวข้าวของพัง
เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา วัยซน ๆ ของมันนี่ เอาเรื่องอยู่
โมโหแบบ ตีไปก็เท่านั้นอยู่หลายเรื่อง


พี่อ้อเอง ไม่เคยเลี้ยงและไม่มีความคิดจะเลี้ยงสัตว์ใดใด
อยากแต่จะเลี้ยงเด็ก ( ยากกว่าหมาอีกนะนั่น ) 


ระหว่างที่ยืนลังเลกันอยู่ ฝั่งรุ่นพี่ เหมือนจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอาเจ้าตัวขาวจุดดำไปเลี้ยง 
แล้วก็เชียร์ให้เราเอาตัวสีน้ำตาลไปเลี้ยงด้วย
ขณะที่เรายังลังเล พี่อ้อก็ตัดสินใจให้
" เอามันไปเลี้ยงแหล่ะตัวเอง ถือซะว่าได้ช่วยดูแลชีวิตนึง ไม่งั้นมันก็เป็นการเพิ่มภาระกับวัดอีก" โว๊ววววววววววววว หล่ออ่ะ

ในขณะที่พี่อ้อตัดสินใจให้แล้ว เราก็ยังมีแอบกังวล ว่าจะดีหรอ จะเลี้ยงหรอ
เพราะนั่นหมายถึง ต้องดูแลกันไปทั้งชีวิตมัน และ ชีวิตเรา เลยนะ 
หันไปเจอสายตาของมัน โอ๊ยยยยย อะไรมันจะโสกาอาดูร ขนาดน๊านนนน เศร้าได้อี๊ก 










สุดท้าย ตั้งใจไปปล่อยปลา เลยได้หมากลับมาด้วย 
พี่ ๆ จัดแจงไปบอกกล่าว ล่ำลา แม่หมา ขอเอาไปดูแลให้ ไม่ต้องห่วงน๊า 

เอากลับไปบ้านรุ่นพี่ จัดการอาบน้ำ ลอกคราบหมาวัด มีหมัดเกาะมาด้วยเพียบบบบ 
คงเป็นการอาบน้ำครั้งแรกของทั้ง 2 สาวน้อย แหกปากโวยวายกันลั่นเลย
ตัวสะอาดแล้ว แต่หมัดยังเพียบ เกากันยิก ๆเลย 










อาบน้ำเสร็จ ตัวสั่นงก ๆ เอามาตากแดด เป็นหมาแดดเดียว




ตัวขาวดำน่าจะเป็นพี่ ดูตัวใหญ่กว่า บึกกว่า ซนกว่าด้วย
รุ่นพี่ตั้งชื่อเจ้าขาวดำนี่ว่า เจ้าบัดดี้



ส่วนตัวสีน้ำตาลของเรา ตัวเล็ก ยังดูตื่น ๆ กลัว ๆ หงอย ๆ 
แม่มันเคยเรียกกันไว้ว่าอย่างไรไม่รู้ แต่พี่อ้อตั้งชื่อใหม่ให้นางว่า ทอง-ทอง
แลดูอินเทรนนะ ชื่อสมัยใหม่ เรียกกัน 2 พยางค์ ปัน ปัน , ทา ทา , ทอง ทอง ^____^



ก่อนกลับเข้าบ้าน พาไปแวะซื้ออาหารหมา นม ของเล่น แชมพูกันหมัด ฯลฯ
ที่ผ่านมา ไม่เคยสนใจ shelf ขายสินค้าจำพวกนี้เลย
อาหารหมา วางเรียงเป็นพรืดดดด จะเลือกอันไหน ยังไงดี 



ความรู้เรื่องการเลี้ยงหมาของเราสองคน ให้ถือซะว่าเป็นศูนย์ 
พี่อ้อก็พึ่งพากูเกิ้ลบ้าง เพื่อนฝูงบ้าง คอยถามหาข้อมูลเลี้ยงหมาเด็ก 



จัดที่นอนให้นางในครัวหลังบ้าน กั้นเป็นคอกให้ เอาผ้าขนหนูมาปูให้นอน 
คงเป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่อุ้งเท้านางได้สัมผัสผ้าขนหนู
กระโดดดึ๋ง ๆ ออกมาตรงยืนตรงพื้นปูน เราก็อุ้มนางเข้าไปใหม่ นางก็ถอยออกมาใหม่
ทำซ้ำกันอยู่ 2-3 รอบ สุดท้ายต้องขืนใจนาง จับให้อยู่กับที่ นางคงง่วงด้วย กลัวผ้าด้วย
สุดท้าย นางยืนสัปหงกค๊า แต่ในที่สุดก็ยอมนอนบนผ้าแทนพื้นปูน



คืนแรก ประสบการณ์หลอน นางร้องหงิงๆทั้งคืน ทำเอาพี่อ้อไม่ได้นอนไปด้วย ลงมาคอยดู
กลัวข้างบ้านด่า นางคงแปลกที่ คงคิดถึงแม่ 
ปรึกษาแพ็ตตี้ เพื่อนผู้มากประสบการณ์ในการเลี้ยงหมา
บอกให้เอานาฬิกาติ๊ก ๆ มาห่อผ้าไว้ตรงที่มันนอน

คืนที่สองเลยจัดให้นาง ซุกไว้ใต้ผ้า ปรากฏว่า ได้ผลอ่ะ นางนอนเงียบ ไม่ร้องเลยตลอดคืน
ไม่รู้ชอบหรือรำคาญ








เช้าวันอาทิตย์ พาทอง-ทอง ออกไปคลีนิคแถวบ้าน เช็คดูสุขภาพกันนิดนึง 
หมอบอกว่า นางน่าจะยังไม่ถึง 2 เดือน ยังฉีดวัคซีนไม่ได้ ต้องรอก่อน
ทำได้แค่วัดไข้ และให้กินยาถ่ายพยาธิ


ระหว่างนี้ให้คอยสังเกตุอาการต่าง ๆ เพราะเราไม่รู้ว่า สภาพแวดล้อมที่เค้าอยู่
เจออะไรมาบ้าง จะติดเชื้ออะไรมารึป่าว แต่ที่แน่ๆ นางได้เชื้อขี้เรื้อนแบบแห้งมาด้วยคร่า
หมอบอกว่า รักษาได้ แต่ต้องรอสัก 3 เดือนก่อน


ตอนนี้ บ้านเราเลยมีสมาชิกเพิ่มมาอีก 1 จากที่เคยอยู่กัน 2 คน คุยกัน 2 คน เถียงกัน 2 คน 
บางทีนึกว่าพี่อ้อคุยด้วย หันไปถาม อ๋อ ป่าว คือคุยกะ ทอง ทอง 


ทุกวันนี้เหมือนมีเด็กเล็กในบ้าน จะไปไหนมาไหนก็เป็นห่วง ไปทำงานก็คิดถึง 
ก่อนออกจากบ้านจะสายก็เพราะมัวแต่ร่ำลา ตกเย็นก็รีบบึ่งกลับบ้าน ไปเล่นกะนาง 


แล้วทอง ทอง ก็น่าเอ็นดู๊ ไม่ค่อยดื้อ ไม่ค่อยซน เอะอะเข้าคอกนอน
บทจะอยากชวนเล่น นางก็เล่นแป๊บ ๆ
จะเดิน จะเหินก็ค่อย ๆ ก้าว ตะต่อนยอนเหลือเกิน



                                                            นางชอบทำหน้าแบ๊วใส่  
                                ชุดหล่อ ๆ นี้น้าพัชซื้อให้  หนูใส่เป็นเดรส  คลุมไปยันตูดเบยยย






                                                   นางชอบกัดทึ้งต้นไม้ของพี่อ้อ





หนูเป็นหมารักธรรมชาติ





                         นางไม่ชอบออกไปเดินนอกบ้าน  ลองพาไปวิ่งเล่นสนามหน้าหมู่บ้าน
                                    ก็นั่งนิ่งเป็นหมาหงอย  จับวางตรงไหน  ก็นั่งตรงนั้น








                                  ช็อตฮา ๆ  กินนมอยู่ดีดี ก็ขาหลังกระดก หน้าทิ่มขมำลงไปในชาม






เห็นว่านางเป็นเด็กผู้หญิง เลยอยากหาชุดกระโปรงหวาน ๆ  มาให้นางใส่
ผลที่ได้ เหมือนลิงมากกว่าหมา  ดูตลกมากกว่าน่ารัก 





แบบนี้น่าจะเข้ากว่า  เปลี่ยนจากลิงเป็นผึ้งแทน ซื้อเผื่อโต หลวมโพรก






เอะอะนอนหงาย อ่อยให้เกาพุง







โปรดอย่าถาม   ว่าฉันเป็นใคร    เมื่อในอดีตตตตต......
เพราะตอนนี้ หนูเป็นหมาบ้าน หนูมีเจ้าของแล้วคร่าาาาาา





วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

ทริปส่งท้ายปีม้า Day 4 : น่าน

December 29 , 2014

Day 4 : น่าน

ฮัลโหล๊ววววว เมืองปัว

เปิดประตูระเบียงมาเช้านี้ เจอวิวท้องทุ่งกว้าง ๆ
มีภูเขาเป็น background ตกแต่งด้วยหมอกขาวจาง ๆ ลอยละล่อง ละล่อง
แหม๊ ชีวิตมันดีอ่ะ อิจฉาคนที่นี่จุง













เรานอนกันที่ห้องนี้ เมื่อคืน




มีมุมอ่านหนังสือด้วย





                                               แต่ละห้องก็จะมีรูปหน้าประตูแตกต่างกันไป






ใต้บันไดยังเป็นงานศิลป์เลยอ่ะ สวย ๆ












ใหญ่นะเรา





ถ้ามีเวลามากพอ เราคงได้สำรวจเมืองปัวอย่างช้า ๆ และ ชิล ๆ กว่านี้
แต่ตอนนี้ มีเวลาแค่นี้ ก็ต้องรีบเที่ยว ว่าแล้วก็เก็บสัมภาระ เตรียมตัวเดินทางต่อ 
ก่อนออกเดินทาง ลงมาหม่ำมื้อเช้าที่ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้ 
ไมโล กาแฟ ขนมปัง ผลไม้ ง่าย ๆ เบา ๆ ด้านหน้าที่พัก




เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ทรง 6 เหลี่ยม ร้านน่ารัก สมกับเมืองปัว 






ด้านในร้านกาแฟ















จิบกาแฟไป มองวิวนี้ไป คิดว่าพี่เพลินป่ะล่ะ




ด้านหน้าตึกที่เป็นห้องพัก



เจ้าของรีสอร์ท เป็นน้องผู้หญิง ทำเป็นธุรกิจครอบครัว
มีคุณพ่อวัยเกษียณ เดินพูดคุยเล่าเรื่องราวให้กับแขก

คุณลุงเล่าว่า ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เห็นทั้งหมด เป็นฝีมือของเด็ก ๆ พิเศษ
อย่างภาพเขียนที่ผนังในร้านกาแฟนี้ ก็เป็นผลงานของน้องที่พิการทางหู เก่งเนอะ









                                         ภาพเขียนประจำเมือง กระซิบรักบรรลือโลก






พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ เราก็ขอตัว บ๊าย บาย ที่พักน่ารัก ๆ  ถ้ามีโอกาส คงได้เจอกันอีก 












ออกจากตัวเมืองปัว เพื่อเดินทางต่อไปยังอำเภอบ่อเกลือ 
ผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยว ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ก็แสนสดชื่นด้วยธรรมชาติ
แวะลงไปถ่ายรูปตามจุดชมวิวเป็นระยะ ๆ










































บ่อเกลือ เป็นชุมชนเล็ก ๆ และเรียบง่าย มีชาวบ้านมาออกร้านขายของ
ไม่แน่ใจว่าปกติเค้ามีหรือเปล่า หรือว่าจัดแค่เทศกาลไม่รู้






                           ลูกอะไรดองสักอย่าง จำชื่อไม่ได้แระ รสชาติคล้ายมะดันดอง อร่อยดี
                                           แก้วิงเวียนตอนขับคดเคี้ยวบนเขาได้ดีทีเดียว






                                            วิธีการทำเกลือแบบดั้งเดิมของชาวบ่อเกลือ


















ในความเรียบง่าย ก็ยังมีความเจริญแทรกตัวอยู่
ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ยังต้องการความสะดวกสบายได้ดีทีเดียว






ขนมข้าวเหนียวดำต้มโรยน้ำตาลจากชาวบ้าน  ซื้อมากินกับน้ำผลไม้ปั่นในร้านกาแฟ







ออกจากบ่อเกลือ ขับต่อไปยังตัวเมืองน่าน เพื่อเที่ยวตามรีวิววัดต่าง ๆ
พระธาตุแช่แห้ง , วัดหัวข่วง , วัดภูมินทร์ , วัดศรีพันต้น , วัดมิ่งเมือง 



                                                           วัดศรีพันต้น สวยงามอร่ามมาก ๆ









                                                     ภาพออริจินอล ในผนังวัดมิ่งเมือง





กลายเป็นโลโก้เมืองน่านไปเลย มีกลอนที่ท่องในหนังเรื่อง Yes or No ด้วย
( ที่จริงต้องบอกว่า หนังเอาไปท่องสิเนอะ )





นั่นคือท่าที่ใช้ก้มเก็บของ ช่ะ






                                                                      ท่ายากเนอะ


ที่เที่ยวแต่ละจุดอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เข้าวัดนู้น ออกวัดนี้
เหลือบไปเห็นบริการรถนำเที่ยวชมรอบเมือง ค่าบริการคนละ 50 บาท ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนึง 
พี่อ้อชี้ชวนให้ใช้บริการ เผื่อเค้าจะบรรยายอะไร ๆ ให้เราฟังด้วย 
คนขับพาเราเที่ยวชมรอบ ๆ เมือง เล่าที่มา ที่ไป ข้อมูลของเมือง เพลิดเพลินกันไป
มีให้แวะตามจุดต่าง ๆ 2 - 3 จุด 50 บาท ถือว่าคุ้มค่าค่ะ ใครมาเที่ยวน่าน ลองใช้บริการดูเนอะ


                         
                                                         
                                               เรือนของเจ้านางอะไรสักอย่าง ลืมอ่ะ





ดอกไม้ส๊วย สวย












บ้านนี้ก็เก๋ อยู่ตรงข้ามกัน ดอกไม้สวยเวอร์










คนขับบอกว่า คืนนี้จะมีตลาดคนเดินหน้าวัดหัวข่วง
ตอนที่รถวนกลับมาส่ง เห็นแม่ค้าเริ่มตั้งร้าน ดูคึกคักเชียว


จบจากนั่งรถเที่ยวรอบเมือง เราก็รีบไป check in ที่พักสำหรับคืนนี้ที่จองไว้
ใช้บริการ google map อีกครั้ง คราวนี้ไม่หลง ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ 
จองที่พักในเมือง เพื่อที่จะเที่ยวเล่นในเมืองน่านคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของทริป


ขนสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ถามไถ่ร้านอาหารพื้นเมืองที่คนพื้นที่เค้ากินกัน
เค้าแนะนำมา 2-3 ร้าน " เฮือนเจ้านาง" เป็นร้านที่เราเลือก บรรยากาศสบาย ๆ ติดริมแม่น้ำน่าน 
คนแน่นร้านเลย สิ่งที่มาคู่กับการเที่ยวเทศกาล พอคนเยอะ อาหารก็ได้ช้า 
รอจนหิ๊ว หิว อาหารมาทิ้งช่วงกันนาน ต้องยกเลิกบางรายการไปเพราะขี้เกียจรอ
 ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไปหาอะไรหม่ำต่อที่ตลาดคนเดิน



                                                      บรรยากาศครึกครื้น




                                                  เพิ่งจะเริ่มเดินก็ได้อุดหนุนพ่อค้าเลย
                       ซื้อที่เสียบมีด ถามว่าจะเอาไปทำอะไร พี่อ้อบอกเอาไปแต่งบ้าน   พี่ละเพลีย






                                                         ของกินพื้นเมืองเยอะแยะเลย



























                                จากตลาดคนเดินหน้าวัด เราเดินต่อไปยังตลาดโอท้อป




























เพื่อที่จะไปสู่จุดมุ่งหมายหลักของการมาน่าน


ร้านของหวานป้านิ่ม นิ่ม นิ่ม ^____^ 
แอบคิดบวกว่าคนน่าจะไม่เยอะ เพราะเค้าคงไปหาอะไรกินที่ตลาดคนเดินกันมั่งแหล่ะมั้ง
แถมนี่ก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว ใครจะมากินอะไรกันดึก ๆ ดื่น ๆ
ข้ามถนนตรงสี่แยกมาถึงหน้าร้าน โอวววววว แถวยาวเฟื้อยยยยเลย




แต่มาถึงร้านแล้ว จะถอดใจก็ใช่ที่ เหลือบไปเห็นแถวที่สั่งไอติมแถวไม่ยาวมากนัก 
แล้วก็สามารถสั่งท้อปปิ้งเป็นของหวานใส่กินกับไอติมได้ด้วย 











คิดไว้ในใจ จะสั่งไอติม+ข้าวเหนียวดำ+บัวลอย 
พอใกล้จะถึงคิวอยู่แระ ข้าวเหนียวดำดันหมด เลยต้องเลือกเต้าส่วนมาแทน 






ตอนสั่งก็แอบสงสัย ว่าเอามากินคู่กันกับไอติมแล้วมันจะอร่อยมั้ย 
พอตักเข้าปากปุ๊บ โอยยยย มันลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
อร่อยอ่า โดยเฉพาะบัวลอย แป้งนุ่มนิ่มสมชื่อร้านป้านิ่มมว๊ากกกกก 
ถูกใจคอขนมไทยอย่างเรายิ่งนัก เค้ารักป้านิ่มมมมมม
สมใจแล้วก็กลับที่พักได้ หลับสบายแระคืนนี้

ขากลับเดินผ่านศาลหลักเมือง แวะเข้าไปสักการะสักหน่อย คนน้อยดี





















ค่าใช้จ่ายสำหรับที่พัก  2  คน   4 คืน    =   1,800 บาทถ้วน
ว๊าวววว -  กำลังรู้สึกบริหารเงินได้ดี

ประหยัดเอาไว้ไปหมดกับค่ากินแทน   ^_____^

กู๊ดไนท์ค๊าบ



............................................




 December 30 , 2014

บะ บาย เมืองน่าน โอกาสหน้าเค้าจะมาหาใหม่ นะพี่เน้อ