วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

เดี่ยว.. 8

29 มกราคม 2010







เก้าโมงครึ่ง ไปทำงาน

บ่ายสองโมงครึ่ง แวะไปไทยทาวน์

ไปร้านชาติไทย

ไปซื้อตั๋ว 3 ใบ เพื่อจะไปดูผู้ชายคนนี้







.





.












Guest เป็น พี่ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว














21 มีนาคม 2010

บ่ายโมงตรง

แล้วเจอกันอีกครั้งนะจ๊ะ

อุดม แต้พานิช






...................................





ช่วงนี้เป็นหน้าร้อน

สิ่งนึงที่ชอบคือ เราจะได้กินเชอร์รี่ลูกโต ๆ แบบนี้








v





v










............................



ummm yummy!!

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

วันครบรอบของเรา : 2010 :


จาก 22 มกราคม 2005



วันที่เราสองคนตกลงคบกันในฐานะแฟน

ผ่านมาจนถึงวันนี้ 22 มกราคม 2010

5 ปีแล้ว สำหรับความสัมพันธ์ของเรา

ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย

กาลเวลา ได้พาเราก้าวผ่านหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง มาด้วยกัน

กาลเวลา พิสูจน์อะไรบางอย่างให้ชัดเจนมากขึ้น

กาลเวลา สร้างความผูกพันระหว่างเราให้เหนียวแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

ระหว่างเรา มีบททดสอบที่ทำให้เราเกือบจะปิดฉากความรักลงไปก็หลายหน

แต่ท้ายที่สุด เราก็ยังพร้อมจะให้โอกาสกันและกัน อยู่เสมอ

ทุก ๆ ครั้งที่ถึงวันครบรอบ

พี่อ้อจะมีของขวัญเตรียมไว้
เพื่อเป็นที่ระลึกระหว่างความรักของเราสองคน

จำได้ว่า...

ปีแรก เป็นแฟ้มไดอารี่ hand made เล่มใหญ่
และหนาพอ ๆ กะอัลบั้มรูป

ข้างในเต็มไปด้วยบทสนทนาทาง msn
ที่พี่อ้อ save ไว้ตลอดระยะเวลา 1 ปี

แล้วคัดมาเฉพาะบางตอน print แล้วเอามาฉีกแปะไว้ในเล่ม

สอดแทรกด้วยข้อความที่เป็น sms ที่ส่งให้กัน

และรูปถ่าย ในช่วงเวลาต่าง ๆ

แล้วก็ยังมี cd อีกหนึ่งแผ่น ข้างในเป็นสไลด์+เพลง

ทั้งหมดนี้ส่งมาในกล่องพัสดุกล่องใหญ่
จาก sydney ถึง ตลิ่งชัน



.....................................

ปีที่สอง ยังอิงคอนเซปต์เดิม
แต่ย่อส่วนลงมา เหลือเล่มเท่า A4

ด้านในเล่ม เปลี่ยนจากบทสนทนาทาง msn เป็นรูปถ่ายแทน

22 รูป ที่ใช้แทนถ้อยคำต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

22 รูป ที่เมื่อเรากลับมาเปิดดูไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง

เราก็จะรู้กัน ว่าภาพเหล่านั้น เก็บความทรงจำอะไรระหว่างเราเอาไว้บ้าง






















































อันนี้ Thank you card จากต้า











.....................................








ปีที่สาม ย่อลงมาอีก เหลือครึ่งของ A4

( แต่ความรัก ไม่ย่อตามใช่ปะจ๊ะ )

เล่มนี้ เป็นเหมือนไดอารี่

ที่พี่อ้อจะบันทึกเหตุการณ์และความรู้สึก

ของทุก ๆ วันที่ 22 ของแต่ละเดือนเอาไว้

1 เล่ม ก็ 12 หน้า 12 เดือน

เปิดอ่านทีไร รู้สึกเหมือนเข้าสู่วัยชรา นั่งทบทวนความหลังกัน






















ของที่ระลึกทั้งสามปีนี้ พอเห็นแล้ว รู้สึกเลยว่า
เป็นความตั้งใจ ของคนทำมาก ๆ
เพราะพี่อ้อคงต้องคิดและเตรียมการณ์ไว้

ตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว ว่าจะทำอะไร อย่างไรบ้าง







........................................







ปีที่ 4 ปีนี้คงกลัวต้าจะจับทางได้ เลยเปลี่ยนรูปแบบบ้าง

คืนนั้น เราเพิ่งเลิกงานกัน

สามทุ่มกว่า ระหว่างที่นั่งรอรถไฟใน Town hall station

พี่อ้อก็ล้วงเข้าไปในเป้ แล้วหยิบกล่องดำ ๆ ออกมายื่นให้

จำได้ว่า พอถามจนได้รู้ราคา ทำเอาเราตกใจร้องเสียงหลงไปเลยทีเดียว

























....................................





ปีนี้ ปีที่ 5
22 มกราคม 2010 ตรงกับวันศุกร์

คืนวันพฤหัสฯ เราเข้านอนกันตามปกติ

แอบตื่นเต้นว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรน๊อ

เช้าตื่นมา ก็เจอกับสิ่งนี้ที่หน้าประตูห้อง































ภาพคู่ของเราสองคน ไล่เรียงตั้งตามเหตุการณ์

ตั้งแต่ปีแรก จนถึงปัจจุบัน แขวนไว้เป็นเลข 5





ระหว่างวันก็ไปทำงานตามปกติ

แต่พี่อ้อบอกไว้แล้ว
ว่าเย็นนี้กลับมาแล้วอาบน้ำแต่งตัวรอนะ จะพาไปดินเนอร์

ก่อนหน้านี้สักอาทิตย์ พี่อ้อก็ถามๆ ไว้ว่า
วันครบรอบอยากไปทานอะไร

เราก็โบ๊ย ว่าตามใจพี่อ้อ ร้านไหนก็ได้
(จริง ๆ คือขี้เกียจคิดนั่นเอง )

หกโมงก็พร้อมออกจากบ้าน

พี่อ้อใส่เสื้อตัวที่ต้าซื้อให้เมื่อวันคริสตมาส





































ต้าเลยเลือกตัวที่คล้าย ๆ กันมาใส่
เดินไป มีหลายคนมอง
มองทำไม ใส่เสื้อคล้ายกัน ไม่เห็นจะแปลกเลย

พี่อ้อให้เดาจุดมุ่งหมายปลายทางของเราคืนนี้

ซึ่งต้าก็เดาไม่พลาด ว่าเป็นที่ Darling Harbour นั่นเอง

พี่อ้อบอกว่า ปีนี้เราจะไม่เน้นเรื่องอาหาร

เราจะเน้นเรื่องบรรยากาศเท่านั้น

ขอแบบบรรยากาศดีดี นั่งชิล ๆ กันไป

ระหว่างทาง ผ่าน Thambalong Park
เจอเต็นท์ของละครสัตว์มาตั้งแสดงโชว์อยู่







พี่อ้อสนใจ เลยเดินเข้าไปถามรอบที่เล่น

มีรอบ ทุ่มครึ่งสำหรับคืนนี้

โห กว่าจะกินข้าวเสร็จ คงดูไม่ทัน
มะเป็นไร ปล่อยมันไปก่อนแล้วกัน







เวทีกลางน้ำ เตรียมไว้สำหรับงานวัน Australia Day



















ตอนแรก ตั้งใจจะกินร้านนี้







แต่ยังไม่ตัดสินใจ ขอเดินเลยไปดูร้านอื่นอีกหน่อย

ไปจนสุดทาง เจอกับร้านอาหารในเรือร้านนี้
















ฉลองกันที่นี่ละกันเรา เพราะท้องเริ่มร้องรัวแล้วด้วย

เลือกโต๊ะได้ปุ๊บ ก็สั่งอาหารกันเลย

ท้องร้องแบบนี้ ไม่ต้อง Entrée แล้วละ

ขอเป็น Main เลยละกัน




เริ่มที่ของต้าก่อน Pepper Steak













ของพี่อ้อ Barramundi Fillet











เครื่องดื่ม ของต้าเป็น น้ำมะเขือเทศ
ของพี่อ้อเป็น light beer














ระหว่างทานอาหารก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้างกันไป























Taxi ทางน้ำ













ตัวอะไรไม่รู้ รอให้มันหันมา ไม่หันสักที









รสชาติอาหารไม่ค่อยเท่าไหร่

steak เนื้อค่อนข้างเหนียว ไม่นุ่มลิ้นสักเท่าไหร่

ปลาของพี่อ้อก็พอได้ แต่ข้าวมันตุ่ย ๆ พิกล

จบจาก Main ก็ไม่คิดจะถามหา Dessert

เพราะต้าอยากไปหม่ำไอศครีมร้านประจำมากกว่า

เช็คบิลเรียบร้อย ราคาอาหารสิริรวมอยู่ที่ 94.20 เหรียญ

ครั้งหนึ่งในชีวิต เราดินเนอร์กันในเรือ @Sydney Darling Harbour
ขอทำตัวไฮโซกันสักวัน ^ ^

เดินชิล ๆ กันไปเรื่อย ๆ จาก Darling Harbour

ประมาณ 20 นาทีก็ถึงร้านไอศครีม Passionflower
ร้านที่เรามาหม่ำไอศครีมกันเป็นประจำในช่วงนี้
ก็มันเป็นหน้าร้อนนี่นา

วันนี้เราเลือกนั่งกันที่สาขา Town Hall
..
..
สั่ง Ice Chocolate กับ ไอศครีม
สองอย่าง กินกันสองคน อิ่มกำลังดี
ค่าเสียหายอยู่ที่ 20.50 เหรียญ

หม่ำเสร็จเรียบร้อย ก็เดินเกี่ยวก้อยกันกลับบ้าน

ก่อนนอน พี่อ้อก็ไปเปิดเจอสิ่งนี้ ที่ต้าซุกไว้ใต้หมอน
.
.
.

Thank you card อีกตามเคย
....................................


ช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่อ้อใช้ความคิดค่อนข้างหนักหน่อย

เริ่มตั้งแต่ ของขวัญวันคริสตมาส

แล้วก็ตามด้วยของขวัญที่ระลึกวันครบรอบ

ต่อไปก็จะเป็น ของขวัญวันเกิด

แล้วก็ต่อด้วย ของขวัญวันวาเลนไทน์

โถ โถ น่าสงสารจริงจริ๊งงงงง ^ ^

แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่พี่ตั้งใจและเต็มใจทำ ใช่มั้ยค๊า

ส่วนต้าก็ไม่มีอะไร รอรับเซอร์ไพรส์อย่างเดียวเลย หุ หุ






ส่งท้ายด้วยเพลงเดิม เพลงที่ต้าชอบ


ทุกเวลา : : อั๊ส เดอะสตาร์

บางเวลาที่ฉันขาดเธอ จะเติมให้กัน
บางเวลาที่หนาวสั่น เธอจะเป็นอุ่นไอ
บางเวลาที่แพ้มา ก็ยังมีเธอเข้าใจ
บางเวลาเลวร้าย ฉันยังมีเธอ

บางเวลาฉันทำผิด เธอยังยอมอภัย
บางเวลาฉันร้องไห้ เธอยังให้ไหล่อิง
ไม่ใช่คนที่โชคดี ที่เกิดมามีทุกสิ่ง
แต่ฉันโชคดีจริงๆ ที่มีเธอ

ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เธอยังเหมือนเคย ยังแสนดี อยากบอกว่าซึ้งใจ
ต่อจากวันนี้ คนๆ นี้ จะทุ่มเททั้งใจ
ตอบแทนรักที่ยิ่งใหญ่
ตอบแทนในความหวังดี
ตอบแทนเวลาที่ให้ฉัน
ด้วยทุกเวลาของฉัน.... ฉันให้เธอ




.....................................

.....................................




ขอบคุณเราทั้งคู่ ที่ทำให้วันนี้ ยังเป็นวันของเรา


วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

Minnie

18 มกราคม 2010







เย็นวันนี้ เราจะไปเยี่ยมพี่มิ้นท์ ซึ่งเป็นเพื่อนพี่อ้อกัน

นั่งรถไฟจาก Museum ไปลงที่ St. leonard


ตามกำหนด หมอบอกว่า พี่มิ้นท์จะคลอดวันที่ 8 มกราคม

แต่นี่ เลยมาหลายวันแล้ว

จนคุณแม่ตัวเต่ง พุงโตจนจะแตกอยู่แล้ว

ก็ยังไม่มีทีท่าว่าหนูน้อยจะออกมาเอง






หมอเลยนัดผ่า ให้คุณแม่ไปโรงพยาบาลตั้งแต่ 8 โมงกว่า

แต่กว่าจะได้คลอดจริงก็ บ่ายสองโมงโน่น

ใช้เวลาทำคลอดจริงๆไม่ถึงครึ่งชั่วโมง











หนูน้อยเพศหญิงมีนามว่า minnie
ออกมาพร้อมกับน้ำหนัก 3.995 กิโลกรัม

ตัวใหญ่เชียว เพิ่งออกมาได้วันเดียว ตัวโตเกือบเท่าเด็กเดือนนึงเลย


อุ้มไปได้สักสิบนาที โอ้โห เมื่อยแหะ
ก้นดำมีคู่แข่งก็คราวนี้ล่ะเฟร้ยยยย






นิ้วเล็กจิ๊ดเดียวเอง











พี่อ้อดูจะตื่นเต้นพอ ๆ กะแม่เด็กเลยทีเดียว

คุณแม่มิ้นท์ กับ คุณพ่อ Peter ก็ยิ้มหน้าบานทั้งคู่เลย


ปกติเราเคยอุ้มเด็กอายุน้อยสุดก็ประมาณ 1- 2 วัน

คราวนี้ทำลายสถิติ เพิ่งออกมาได้แค่ 4 - 5 ชั่วโมงเอง

รู้สึกดี๊ดี อยากฉกใส่กระเป๋ากลับมาเล่นต่อที่บ้าน

















........................................

หากคุณกำลังเศร้า รู้สึกแย่ หรือทุกข์ใจ

ลองหันไปหาเด็กเล็ก ๆ สักขวบกว่าไปจนถึงสี่ห้าขวบ

แล้วลองบอกให้เขากอดคุณดูนะคะ

มันช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้จริง ๆคะ

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

หนังกลางแปลง



10 มกราคม 2010




อาทิตย์นี้ เราจะไปดูหนังกลางแปลงกันคะ

พี่อ้อไม่อยากให้ต้าอยู่บ้านทั้งวัน ( สงสัยกลัวจิตตก )

ก็เลยเปิดดูจากใน Sydney Festival 2010

เป็นไกด์บุ๊คที่ทำแจกกันทุกปี

ด้านในบอกรายละเอียดว่าปีนี้จะมีกิจกรรมอะไร ที่ไหน อย่างไร

มีทั้งฟรีและเสียค่าเข้าชม




ช่วงนี้เป็นช่วงซัมเมอร์ ฟ้ามืดช้า กิจกรรม outdoor ก็จะเยอะกว่าปกติ

ฝรั่งหัวทองดูจะเริงร่ากว่าทุก ๆ ฤดู




ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว ที่เราได้มีโอกาสไปดูด้วยกัน

จำได้ว่า ปีที่แล้วเราก็ไปดูกัน แต่ดูไปได้สักแป๊บเดียว

ฝนก็เริ่มตกปรอย ๆ และหนักขึ้น ๆ จนเราต้านทานไม่ไหว ต้องกลับก่อน

ปีนี้เราก็ไปกันสองคนอีกเหมือนเดิม

เพราะก้นดำ แม่อุ๊ และ ป๋าก้อง กลับไทยไปตั้งแต่คืนวันคริสตมาส

กว่าจะกลับมาอีกทีก็ เช้าวันที่ 24 นี้

จะว่าไป คิดถึงชีเหมือนกันนะเนี่ย

ไม่ได้เจอกันเดือนกว่า ชีวิตดูเงียบเหงามากมาย

กลับมาคราวนี้ คงพูดได้คล่องปร๋อแล้วมั้ง ( หวังว่า )





ออกเดินทางจากบ้านตอนห้าโมงหน่อย ๆ

แวะไปไทยทาวน์ หาอะไรรองท้อง

แล้วก็ซื้อเสบียงไปกินระหว่างดูหนังด้วย

เสร็จจากไทยทาวน์ ก็เดินต่อไปขึ้นรถไฟที่ Central Station

จุดหมายปลายทางอยู่ที่ Olympic Park

ค่ารถไฟไปกลับคนละ 6 เหรียญหน่อย ๆ

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที









Olympic Park Station











































ถึง Olympic Park เกือบ ๆ ทุ่ม ฟ้ายังไม่มืด

กำหนดการฉาย 2 ทุ่มครึ่ง ( ต้องรอให้ฟ้ามืด )

คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ เลือกทำเลได้สบาย ๆ









พี่อ้อหาที่ปักหลักของเรา








Honey moon seat ^ ^
























บ้านนี้ เตรียมมาง่วงกันเลยทีเดียว





พอเลือกทำเลเหมาะ ๆ ได้แล้ว เราก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นกัน ฆ่าเวลา

















































อยากมีภาพกระโดดกะเค้าบ้าง แต่กล้องป๋องแป๋ง

ถ่ายยังไงก็จับภาพไม่ทัน โดดจนเหนื่อย

ออกมาคล้าย ๆ อึ่งไชโยแทน








กลับมานั่งรอ














































กินรอเวลาฟ้ามืด










โซนนี้อยู่หน้า ๆ จัดไว้ให้สำหรับผู้ชมที่ปูผ้านั่ง นอน ดู


คุณเสื้อเหลืองคนนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ จะมีไม้ยาว ๆ อันนึงเป็นอุปกรณ์
เอาไว้คอยวัดระยะความสูงของเก้าอี้ ไม่ให้สูงเกินระยะที่กำหนด
ถ้าเก้าอี้สูงเกินไป ต้องไปนั่งดูหลัง ๆ โน่น


สองทุ่มครึ่ง ตามเวลาเป๊ะ ๆ หนังก็เริ่มฉาย




โปรแกรมหนังสำหรับคืนนี้คือเรื่อง Twilight

คนเยอะใช้ได้ กะจากสายตาแล้ว น่าจะเกินห้าร้อยชีวิต

จอหนังของที่นี่ ไม่ได้เป็นแบบบ้านเรา
มันเป็นเหมือนแพยาง ที่เวลาใช้ต้องสูบลมเข้าไปให้พองขึ้น ๆ

พอเริ่มมืด อากาศเริ่มเย็น ลมเริ่มมา

อะไรกันเนี่ย เป็นอย่างนี้ทุกทีเลยประเทศนี้

เมื่อกลางวันยังร้อน ๆ อยู่เลย

แล้วดูเราสิ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น จะทนความเย็นได้แค่ไหนเนี่ย


สามทุ่ม ชักไม่ไหวแหะ ออกแนวดูไม่สนุกแร่ะ เย็นเกิน

ได้ฤกษ์พับเก้าอี้

กลับกันเถอะเรา

และแล้วก็เป็นอีกปี ที่ดูไม่จบเรื่อง เหมือนเคย

........................................


ปล. กติกามารยาทของการดูหนังกลางแปลงที่นี่

ไม่คุยหรือเปิดโทรศัพท์รบกวนผู้อื่น

ไม่บังคนข้างหลัง

เก็บขยะไปทิ้งหลังจากเลิกชม






....................................


บะบาย



















.
.
.