Step 5.00 - 6.00 - 7.00
เช้านี้ ค่อนข้างโหด ไกด์ขอให้เรารีบออกเดินทาง
วันนี้เราจะกลับไปที่คุนหมิง ซึ่งต้องผ่านไฮท์เวย์ที่กำลังทำทาง
ขามา เราเสียเวลาไปค่อนข้างมาก เลยอยากไปให้เช้า ๆ
เพื่อที่จะให้ผ่านจุดที่เค้าจะปิดเพื่อทำทางก่อนที่คนงานจะมาเริ่มงาน
ผลจากการตื่นเช้า กินเช้า พาร่างมาหลับต่อในรถกันถ้วนหน้า
ซึ่งก็ถือว่าทำเวลาได้ดี เราผ่านจุดทำทางมาได้ โดยไม่ต้องอ้อมไปทางสายเก่าที่ขรุขระอีก
มื้อเที่ยงวันนี้เป็นอาหารจีนกวางตุ้ง รสชาติดี พี่อ้อถูกใจมื้อนี้ที่สุดในทริป
ของหายากในจีน คนจีนไม่นิยมกินน้ำแข็ง
เบียร์จีน
บรรดาลูกทัวร์ที่น่ารัก
4 วันที่ผ่านมากับอาหารจีน ลูกทัวร์เลยร้องขอมาม่ากับไกด์ ไกด์ก็ไปขอเพื่อนมาให้
แต่..มาม่า 2 ห่อ ไกด์ใส่น้ำซะท่วมชามใหญ่ ถามว่ามันยังแซ่บอยู่มั้ย...ไม่ต่างกับแกงจืด บอกเลย
กุ้งทอดกระเทียม พี่อ้อ happy
แกงจืดผักกาดดอง ใส่หอยมาด้วย สงสัยกระดูกหมูหมด
วุ้นเส้นผัดกระเทียมราดมาบนหอยตลับ อันนี้อร่อย เข้มข้น
จบจากมื้อเที่ยง เดินทางต่อไปยังที่ที่มีบังคับอยู่ในทุกกรุ๊ปทัวร์
ร้านขายชา
ไกด์บอกว่า ชา ผ้าไหม หยก เป็นสินค้าของรัฐที่ทุกบริษัททัวร์ต้องพาลูกทัวร์มาแวะชม
จะซื้อหรือไม่ซื้อก็อีกเรื่องนึง
เพื่อไม่ให้ไกด์ต้องลำบากใจ เราก็ทำหน้าที่ลูกทัวร์ที่ดีกันไป
ร้านขายชา เป็นร้านใหญ่ มีห้องอยู่ 2-3 ห้อง พนักงานพาพวกเราเข้าไปห้องแรก
เหมือนห้องฟังบรรยาย แต่เป็นโซฟาสำหรับนั่งเดี่ยวแทนเก้าอี้
มีกาละมังตรงหน้า 1 ใบ พร้อมถุงชา
ระหว่างฟังบรรยาย เค้าจะให้เราแช่เท้าในกาละมังที่มีน้ำร้อน
แล้วก็จะมีพนักงานมานวดไหล่ นวดหัวให้เพลิน ๆ
มองแบบผิว ๆ นี่คงเป็นอภินันทนาการจากทางร้าน
สำหรับสาธิตสินค้า ให้เราได้ลองใช้จริง
มองแบบลึก ๆ หน่อย เอ๊ะ นี่เป็นแผนให้เราลุกไปไหนไม่ได้ ต้องนั่งฟังนางขายของชิมิ
สินค้าที่มานำเสนอขายในรอบแรกนี้ เป็นพวก บัวหิมะ ยาสมุนไพรจีนโบราณ
สรรพคุณครอบจักรวาล ราคามีตั้งแต่หลักพัน ไปยัน หลัก แสน
จบจากห้องแรก ก็ถูกต้อนเข้าห้องที่ 2 เป็นห้องชิมชา
พนักงานบรรยายคนเดิม นางเก่งนะ พูดไทยคล่องเชียว
มีจิตวิทยาในการโน้มน้าวสูงอีกด้วย
ก็มีการชงชาแต่ละชนิดให้ลองชิม ใครถูกใจ รสไหน กลิ่นไหน สรรพคุณไหน
ก็ซื้อกลับบ้านกันไป
จบจากร้านชา ไกด์ก็พาเราเดินไปร้านผ้าไหม ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
ร้านนี้พนักงานส่วนใหญ่ พอจะพูดและเข้าใจภาษาไทยได้ค่อนข้างดี
ก็บรรยายเกี่ยวกับตัวหม่อนไหม การสาธิตคุณภาพไหม
ปิดท้ายด้วยขายผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าปูเตียง
ที่ร้านนี้ พนักงานคงจะถูกกดดันด้วยยอดขาย ถึงได้ตื้อกันเก่งมาก ๆ
ประมาณว่า ถ้ากรุ๊ปไหนกลับออกไปโดยไม่มีใครซื้อ พนักงานคงจะโดนดีแน่ ๆ
ออกจากร้านไหม ไปต่อกันที่เมืองเก่ากวนตู้
อันนี้เฉย ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ ค่อนข้างสกปรกนิดนึงด้วย
มีเรื่องเม้าท์อยู่หน่อยนึง เดินไปเจอร้านขายเสื้อผ้า เลยพยายามจะถามราคา
คนขายเป็นสาววัยรุ่น ก็พยายามจะไม่มองเรา
โบกไม้โบกมือให้ ก็ไม่หันมาสบตา จนยื่นกางเกงไปตรงหน้า แล้วถามราคา
นางทำท่าอึกอักนิดนึง แล้วหันไปขายคนอื่น
พี่อ้อก็ยังจะพยายาม ควักโทรศัพท์ออกมา กะจะให้เค้าจิ้มตัวเลข
เค้าไม่หันมา ไม่สนใจเราอีกเลย
ไรฟร่ะ น่าจะส่งไปร่ำเรียนวิชาการขายที่ร้านผ้าไหมนะ หุ หุ
อันนี้เก็บตกจากข้างทาง ไอเดียดีนะ กางทีเดียว เผื่อไปถึงคนซ้อนด้วย
มื้อเย็นค่ำนี้ เป็นเมนูพิเศษ สุกี้เห็ดไก่ดำ
กติกาที่เรียนรู้ได้เองคือ คนกินให้นั่งเฉย ๆ รอพนักงานเค้ามาจัดแจงให้เราเอง
จะมีหม้อสุกี้หน้าตาประมาณนี้
พนักงานจะทยอยเอาเห็ดแช่แข็งออกมา ใส่สารพัดเห็ดลงไปในหม้อ รอเดือด
ระหว่างนี้ ใครอย่าได้ไปวุ่นวายกับหม้อเชียว นางจะเข้ามาพ่นจีนใส่
ประมาณว่า มันยังกินไม่ได้ ให้รอก่อน
ระหว่างรอก็จะมีขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงมาให้กินเพลิน ๆ
นางจะแวะเวียนมาคนในหม้อดูให้เป็นระยะ จนเป็นที่พอใจ
นางก็จะอนุญาตให้พวกเราลงมือกินได้
มันเดือดแล้วคร่าาา กินได้ย๊างงงงง
พอเห็ดใกล้หมดหม้อ พี่อ้อเล็งเบคอนที่อยู่ในจาน แต่ก็ไม่กล้าเอาใส่ลงหม้อ
ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่นางจะใส่ให้กิน
สักพัก นางก็มาใหม่ เอาสารพัดผักใส่ลงในหม้อ พร้อมเนื้อสัตว์
แล้วก็เหมือนเดิม รอจนกว่านางจะบอกให้กิน
ชุดสุดท้าย เป็นเส้น เหมือนอุด้ง ปิดท้ายการกิน
มีลีลาในการใส่ด้วยนะ นางเอาเส้นทั้งกำ ปักลงไปตรงกลาง
แล้วปล่อยให้มันกระจายเต็มหม้อ แลดูมีอะไร
ก็อร่อยดี แปลก ๆ ไอ้ที่แปลกคือพนักงานเนี่ยล่ะ ตลกดี
อิ่มแล้วก็เดินทางกลับที่พัก เป็นที่เดียวกับที่เราพักกันคืนแรก
คราวนี้เจอห้องแอร์ไม่เย็นอีกแร่ะ แถมห้องอับ ๆ อีก
ฮึ๊บ ๆ เอาน่า ใกล้ได้กลับบ้านแสนสุขของเราแร่ะ
อาหารกวางตุ้ง อร่อยทุกอย่าง ขอบอก
ตอบลบพี่อ้อ