วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ประสบการณ์ใหม่...กับเรื่องใกล้ๆ ตัว

April 11 , 2015


สงกรานต์ปีก่อน มีโอกาสได้ไปเปิดโลกกว้าง ท่องเที่ยวในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย 

สงกรานต์ปีนี้ ถือโอกาสออกจากความวุ่นวาย พาตัวเองไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่สุดแสนจะเป็นเรื่องใกล้ตัว

ใจจริง ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปเองเท่าไหร่นัก เป็นการผลักและดันจากคนใกล้ตัวซะมากกว่า 
อยากจะให้ได้ไปลองคอร์ส 7 วันดูสักครั้ง หลังจากที่เคยพาไปเข้าคอร์ส 3 วันมาแล้ว 
สบโอกาสวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ แล้วลาพักร้อนเพิ่มอีก 2 วัน ( ตัดใจสุด ๆ อ่ะ อยากเที่ยวใจจะขาด )

คอร์สปฏิบัติวิปัสสนา 7 วัน ที่มูลนิธิโพธิวัณณา สนามชัยเขต ฉะเชิงเทรา 
มันช่างเป็นอะไรที่…….. จะว่าง่าย ก็ไม่ใช่ ยากก็ไม่เชิง 
เป็นอะไรที่ ต้องต่อสู้กับใจเราเองเป็นหลัก ว่าจะรักษากายใจให้รอดปลอดภัยโดยไม่หนีกลับก่อน..มั้ย

ความกังวลก่อนเข้าปฏิบัติ 
- ห่วงงาน มีงานที่ยังค้างคา ถึงจะฝากงานกับน้อง ๆไว้แล้ว แต่ก็ยังห่วง ใจมันไม่พร้อมอ่ะ 
- นอนยาก มีปัญหาในการนอน ต้องเงียบสนิท ต้องมืดสนิท ไม่งั้นก็หลับไม่สนิท ร่างกายก็จะไม่พร้อมอีก


ระหว่างการปฏิบัติ ช่วง 3 วันแรก เป็นอะไรที่แกว่งมาก สงบแต่กาย มาดดีมาก
แต่ใจนี่ฟุ้งไปถึงไหน ๆ   ง่วงสุด ๆ
หลังจากวันที่ 4 เริ่มนิ่งขึ้น ร่างกายปรับสภาพได้  ไม่ค่อยง่วง สติมา สมาธิเกิด
เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบัน ( จริง ๆ )    เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเอง ( จริง ๆ ) 

เวลาที่เห็นคนแชร์คติธรรมผ่านโซเชียลต่าง ๆ อ่านแล้วก็รู้สึกว่าเป็นแง่คิดที่ดีนะ 
แต่มันจะรู้สึกว่า "ดี" แค่ตอนที่อ่าน  อ่านแล้วก็… "ผ่านไป"    ผ่านแล้วก็ผ่านเลย ไม่อิน ไม่เข้าถึง 
แต่พอได้พาตัวเองเข้ามาอยู่ในบรรยากาศของการปฏิบัติ ได้มีโอกาสฟังธรรมบรรยาย 
จากทั้งแม่ชี พระอาจารย์ และวิทยากรหลากหลาย 
เรื่องราวที่เป็นวิทยาทานจากประสบการณ์ทั้งหลายนั้น
มันมักจะมีบางช็อท บางประโยค บางเรื่องราว ที่มันฟังแล้วคลิ๊ก ฟังแล้วคิดได้ ฟังแล้วตรึงใจ ให้กลับมาคิดซ้ำ และสามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้จริง ไม่เหมือนกับการอ่านผ่าน ๆ อย่างที่เคย
ไม่รู้เหมือนกันว่า…ทำไม 


ถ้าจะถามว่า หลังจากได้เข้าปฏิบัติมันเป็นความรู้สึกยังไง
คงไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนเท่ากับการได้ลองทำเอง
เหมือนกับถ้าเราไม่เคยกินน้ำตาลมาก่อนในชีวิต
เราคงไม่เข้าใจว่า "รสหวาน" ที่เค้าพยายามบอกนั้นมันเป็นรสชาดยังไง


การเข้าปฏิบัติ ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนไปในข้ามคืน
พอกลับออกมาใช้ชีวิตในโลกที่วุ่นวาย เราก็ถูกกลืนกลับมาสู่สภาวะเดิม
แต่อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ เรารู้แล้วว่า หากต้องเจอกับสิ่งที่ไม่พึงใจ เราจะมีวิธีรับมืออย่างไร
ให้ใจเราเป็นทุกข์น้อยที่สุด เรามีอุปกรณ์เสริม มีตัวช่วยรับมือกับปัญหา
ขึ้นอยู่กับว่าเรามีสติพอและตั้งใจที่จะหยิบมันมาใช้หรือเปล่า..เท่านั้นเอง


แต่ก็นะ ด้วยความที่เราเป็นเรามากันตั้งกี่สิบปีแล้ว
จะให้มามีสติสตังภายในระยะเวลาอันรวดเร็วก็คงจะโลกสวยเกินไป 
ไอ้ประเภท นางร้าย จะกลับกลายเป็น นางเอก ภายในช่วงสถานการณ์เดียว มันคงเป็นแค่ในละคร 
ถึงได้ต้องให้ฝึกบ่อย ๆ ปฏิบัติบ่อย ๆ จะได้แกร่งกล้า ท้าทุกสถานการณ์ได้อย่างสวยงาม


ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่เป็นเรื่องราวดีดี ที่ได้จากการเข้าร่วมปฏิบัติที่นี่
ถ้าให้เล่าทั้งหมด คงไม่จบง่าย ๆ 
อยากให้หลาย ๆคนที่แวะเวียนมาอ่าน
ลองหาโอกาส พาตัวเองไปเข้าในหลักสูตรของการปฏิบัติวิปัสสนากันดู 


ผู้ร่วมปฏิบัติบางคน เล่าว่าเคยไปมาหลายสำนัก ไปปฏิบัติมาหลาย ๆ ที่ แล้วก็เกิดข้อเปรียบเทียบกัน 
เราว่า แต่ละที่ อาจจะมีแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างกัน ก็แค่เลือกให้เหมาะ ให้ถูกกับจริตของเราเองอ่ะเนอะ จะได้ใช้ช่วงเวลาที่อุตส่าห์หนีเที่ยวมา ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ^__^ 


บล็อคหน้านี้ แลดูมีสาระ ต่างจากที่เคยเนอะ 5555

ธรรมะ... สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น