วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทองทอง เป็นสาวล๊าวววว

ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย หาหมาชายถูกใจไม่มี ฮิ ฮิ๊วววววว

ทองทองเป็นสาวแล้วคร่า  เก้าเดือนกว่าแล้ว  จากหมาน้อย เป็นสาวรุ่น
เข้าสู่วัยที่พร้อมกระจายพันธุ์ ที่สำคัญ นางเป็นฮีท ล๊าววววว 







ประสบการณ์แรกของหมา รวมทั้งของคนด้วย 
เห็นรอยเลือดที่พื้นครั้งแรก ไอ่เราก็คิดว่าเลือดยุง หรือไม่ก็เห็บ รึป่าวว๊า
จนกระทั่ง... ชัด ๆ เลย เป็นหยดอยู่ตรงหว่างขานางนั่นหล่ะ 
ว๊ากกกก ทำไงดี ต้องทำอะไรมั้ย ต้องยังไงต่อ ถามอากู๋สิ รออะไร
น้องที่ออฟฟิตแนะนำให้หาแพมเพิรส์ให้นางใส่ แต่เราคิดว่านางคงไม่ยอมแน่
ดีไม่ดีจะกัดกระจุยกระจาย สร้างงานให้ทำอีกซะเปล่า ๆ
ก็เลยต้องหมั่นคอยเช็ด ถูพื้นวันละเกือบสิบรอบ เท่านั้นเอ๊ง

พี่อ้อแลดูจะกังวล อยากพานางไปทำหมัน
กลัวนางท้องป่อง เราคงจะดูแลทายาทนางไม่ไหว
แล้วเผื่อจำเป็นต้องเอานางไปฝากเลี้ยงอีก จะได้ไม่กังวล
ว่านางไปป่องกับพันธุ์ไหนมา 

จะว่าไป ในความรู้สึก เราสองคนยังมองว่านางเป็นหมาเด็กอยู่เลย
ไม่ว่าจะด้วยขนาดตัว หรือ พฤติกรรมติงต๊องของนาง
ยิ่งเลี้ยงทองทอง ก็ยิ่งรู้สึกว่านางเหมือน ก้นดำ หรือ เด็กหญิงคีถ้า ของป้าอ้อ มาก ๆ
ป้าอ้อบอกว่า การมีทองทองอยู่ในบ้าน ช่วยคลายความคิดถึงก้นดำได้เยอะเลย
ดีใจไหมค่ะลูกเอ๊ย ( ป่านนี้เป็นสาวสะพรั่ง พูดไทยม่ายชัดไปแล้วป่าวว๊า ) 



                                           ตุ๊ตาตัวโปรด  เน่าพอกัน





เลี้ยงกัน 2 คน หมาเน่าติดพี่อ้อมากกว่า ( เหมือนก้นดำเลย )



                                           อ้อนกันฝุด ๆ




มีอยู่เสาร์นึง พี่อ้อต้องออกไปทำธุระ มีเรากับหมาเน่าอยู่บ้าน
พี่อ้อเปิดรั้ว ถอยรถออกจากบ้าน ในขณะที่เรากับนาง นั่งมองอยู่หน้าบ้าน
เราจับปลอกคอนางไว้ นางดีดดิ้น คงคิดว่าจะได้ขึ้นรถไปด้วย
พอพี่อ้อปิดประตูรั้ว แล้วขับรถจากไป นางดีดจนเราต้องปล่อย
นางพุ่งไปที่ประตูรั้ว ตะกุยตะกาย แทบจะปีนข้ามรั้วออกไป
โหยหวน งี๊ดง๊าด ปริ่มจะขาดใจ วิ่งวนไปมา หาทางออก
ดูเหมือนหมาวิกลจริต จนเรากลัวว่านางจะกระโดดพุ่งออกนอกรั้วไป
ต้องรีบเอาสายจูงใส่แล้วพานางกลับเข้าหลังบ้าน
เวอร์วังอ่ะทองทอง ทำยังกะหมาโดนทิ้ง
ทีตอนเช้าๆ ที่เราออกไปทำงาน นางนั่งมองเฉ๊ย
จะเปิดรั้ว จะถอยรถ จะขับออกไป นั่งมองอย่างเย็นชา
ชิ อินังหมาสองมาตรฐาน



                              อาบน้ำทีไร ทำหน้าเหมือนแชมพูจะทำให้ชีวิตนางพัง





เคยได้ข้อมูลมาว่า เวลาเราพร่ำเพ้อ เวิ่นเว้ออะไร หมาฟังเราไม่เข้าใจหรอก
มันแค่จับน้ำเสียงว่าเราน่าจะอยู่ในสภาวะ โกรธ อารมณ์ดี ดุ
หรืออะไรประมาณนี้ได้เท่านั้น
แต่บ่อยครั้ง ที่เราก็แอบรู้สึกว่ามันเหมือนจะเข้าใจ
หากว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ก็น่าอัศจรรย์ใจ

เช่น  

ทุกครั้งที่จะพาออกไปเดินสายจูงนอกบ้าน นางจะต้องอิดออด
เริ่มด้วยท่าประจำ ยืดเส้น สเตรทกล้ามเนื้อก่อน
ยืดขาหน้า ขาหลัง แล้วก็ไม่ยอมให้ใส่สายจูง
วิ่งหนีบ้าง กัดสายบ้าง กัดมือเล่นบ้าง
" ทองทอง ถ้ายังมัวอิดออดเด๋วฟ้ามืดแล้วไม่ต้องไปเดินแล้วนะ "
นางนิ่ง เหมือนจะหยุดคิดไปสัก 5 วิ
แล้วก็เดินเฉื่อย ๆ มาหยุดยืนให้คล้องสายที่คอแต่โดยดี 

หรือ

ทองทองเป็นหมาเลือกกิน
มื้อไหนเริ่มให้ซ้ำ ๆ นางก็จะมอง แล้วเมิน
เดินหนีไปเล่นตุ๊กตาบ้าง นอนบ้าง
จนเริ่มหยิ่งไม่ไหวละนั่นหล่ะ  สุดท้ายถึงได้เดินมากิน
กินหมดมั่ง ไม่หมดมั่ง แล้วแต่อารมณ์นาง 
บางทีกินไปครึ่งนึง แล้วเดินวนไป วนมา พักแป๊บนึง แล้วกลับมากินใหม่
แต่ถ้ามื้อไหนเป็นเมนูแปลกใหม่ หรือเป็นสิ่งที่นางปลื้ม
นางก็จะกินเกลี้ยงแบบไม่มีเกี่ยงงอน 

มีอยู่วันนึง ให้เมนูเดิม ๆ ตับไก่ต้ม
บดๆบี้ๆ คลุกกะอาหารเม็ด แล้วก็มีแครอทหั่นเต๋าผสมด้วย
นางมองชามข้าว แล้วเมินหน้าหนี ไม่ยอมกิน 
เราก็ปล่อยนางไว้ ไปทำนู้นนี่ ผ่านไปเกือบชั่วโมง นางยังคงไม่ยอมกิน
กะว่าไม่กินก็ไม่ต้องกิน จะเก็บล่ะนะ
ก่อนเก็บ พูดกะนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
"ทองทอง หมาวัดหน่ะ บางวันเค้าก็ไม่มีข้าวจะกินนะ ทองทองรู้มั้ย"
พูดจบไม่ถึง 10 วินาที นางลุกเดินไปที่ชามข้าว แล้วก้มกิน
กิน กิน กิน อย่างต่อเนื่อง จนหมดเกลี้ยง แถมเลียชามซะเงาแว๊บแทบไม่ต้องล้าง
มันแบบ... อึ้ง ๆ นะ ไม่รู้บังเอิญหรืออะไร
นางเงยหน้ามอง ตาจ้องกัน
"ทองทอง หนูฟังรู้เรื่องใช่มั้ย"
แววตาแบ๊ว ๆของนาง ทำให้เรายิ่งหลงรักและเอ็นดูนางเพิ่มขึ้นไปอีก


เวลาพาเดินในหมู่บ้าน นางเหมือนพวกสอดรู้สอดเห็น 
ชอบมุดรั้ว แหวกต้นไม้เข้าไปในบ้านคนอื่น
มุดเข้าไปซะครึ่งตัว เหลือช่วงสะโพกคารั้วไว้





มุดไปสำรวจตรวจตรา พอใจแล้วก็มุดกลับออกมา ไปมุดบ้านอื่นต่อ 
ระหว่างทางเดิน ผ่านบ้านไหน ที่มีหมาอยู่หน้ารั้วบ้าน คนจูงจะต้องตั้งหลักให้มั่น
เพราะนางจะถูลู่ถูกัง พาเราลาก ๆๆ เข้าไปเซย์ไฮ  โดยการกระหน่ำเห่าใส่กัน





ตอนเล็ก ๆ ถ้าเจอตัวไหนเห่าใส่ นางจะกลัวขนตั้งหางลู่ ทำอะไรไม่ถูก 
หลัง ๆ โตมานางเริ่มใจดีสู้หมา มีเห่ากลับบ้าง แยกเขี้ยวใส่บ้าง 



ปอมตัวนี้เคยเห่าใส่นางตอนเด็ก ๆ ตอนนี้นางตัวใหญ่กว่า ไม่กลัวละเฟร้ยยยย




มีอยู่วัน พาเดิน แล้วเจอน้องผู้ชายรูปร่างผอมบาง
พาไซบีเรียนเด็กน้อยมาเดินเหมือนกัน
จะเรียกว่าเดิน คงไม่ถูกนัก เพราะสภาพคือ
น้องผู้ชายโดนไซบีเรียนน้อยลาก ๆๆๆๆ ขาแทบจะลอย
หมาเด็ก กะ หมาเด็ก เจอกัน ด้วยสภาวะจิตใจที่ไม่นิ่งทั้งคู่
ทองทองลุกลี้ลุกลน  หันมองไปทางไซน้อยแล้ววิ่งหนี
ไซน้อยก็วิ่งตาม  ทองทองเหมือนอยากจะบอกว่า
 " ต้าวิ่งเซ่ วิ่ง วิ่ง วิ่ง " 



                           ทองทอง ศิษย์ครูเมี่ยว สายตึงไปนะ โดนหัก 2 คะแนน






หลังรั้วนั่น ชิสุน้อย เล็งกันไป เล็งกันมา






                   ไซบีเรียนตัวนี้น่ารักมากกกก น้องสิงหา  ฉายา นิ่ง..สยบทุกสิ่ง
                  คือเค้าจะชอบซุ่มเงียบ ๆ แอบมองนิ่ง ๆ  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่




ช่วงนี้นางเป็นฮีท เลยดูสวยและเนื้อหอมเป็นพิเศษ
เดินผ่านซอยไหน เห่าหอนกันระงม
สงสัยอยากจะแอดไลน์ไว้ชิทแชทนัดเจอกันตอนดึกๆ



ทองทอง ยังคงเป็นหมารักสุขภาพ ชอบกินผัก ผลไม้ ต้นไผ่ ใบหญ้า




                                                                 กัดแล้วหนี




                                  เมื่อไหร่หมากแดงเค้าจะโต แทงยอดมาที นางก็กัดที




ช่วงนึงนางเลิฟ แคนตาลูป กัดกินกร้วม ๆ ดูน่าอร่อย
วันก่อน ขณะที่ให้นางกินแคนตาลูปอยู่
พี่อ้อเอาผักกาดขาวที่เหลือมาจากกินกะปลาเผาไปต้ม
กะจะให้นางกินผสมอาหารเม็ด
นางได้กลิ่นผักต้ม นางหันขวับไปที่พี่อ้อ  ทิ้งแคนตาลูปแสนหวาน
ไปขอกินผักกาดขาวแทน กินเป็นเรื่องเป็นราว แลดูอร่อยกว่าขนมห่อ ๆ ที่ซื้อให้อี๊ก


ผักเดิม ๆ ที่เคยให้กินแล้วนางปลื้ม ก็ยังคงปลื้มอยู่
แครอท ฟักทอง ผักบุ้ง กะหล่ำปลี



                             หั่นแครอทให้นาง  นางมาขอกินตลอด ตลอด





เคยเอาข้าวโพดให้นางกิน บิดส่งให้นางเม็ดนึง 
อย่างฮา คือนางพยายามเคี้ยว แต่ด้วยเวลาหมาเคี้ยวไม่ค่อยปิดปาก
พอเคี้ยวแล้วก้มหน้า เม็ดข้าวโพดร่วงออกจากปาก
กินร่วง กินร่วงอยู่หลายรอบ นางคงเซ็ง เลยเลิกกิน 

มีสิ่งนึงที่สงสัย หมาบ้านอื่นเป็นกันมั้ยหนอ
เวลาที่ชอบกินอะไร ก็จะปลื้มมาก ๆ กินได้ทุกวัน
แต่พอถึงจุดนึง นางจะเมิน ไม่กิน ไม่สน ไม่เอาอีกเลย
ทุกวันนี้ให้กินก็ไม่กิน บางทีมีถอนหายใจใส่อีก ฮ่วย นังหมาเน่า 



นอกจากรักสุขภาพโดยการกินผัก ผลไม้แล้ว
นางยังทำตัวเหมือนอดอยาก กินไม่เลือก
กินกระทั่ง ฟองน้ำล้างรถ กระถางพลาสติก สายยางรดน้ำ
ใครไม่รู้คงเวทนา นี่หมาบ้านนี้อดอยากถึงขนาดกินของพวกนี้
ถามว่ารู้ได้ไงว่านางกิน โธ่ ๆๆ หลักฐานมันฟ้อง
ไหนจะอ้วกออกมาบ้างล่ะ ไหนจะอึ๊ออกมาบ้างล่ะ เฮ้อ…..หมาเน่า 




ช่วงนี้หน้าฝน ทองทองมีเพื่อนใหม่เข้ามาอยู่ร่วมบ้านด้วย
อุท้ยเทวีตัวบะเริ่ม มาตรงเวลาทุกเย็น เวลาเดิม ๆ มุมเดิม ๆ
หมาเน่าก็กล้า ๆ กลัว ๆ เข้าไปมุด ๆ เอาขาหน้าเขี่ย ๆ เค้า
พอเค้ากระโดดที นางก็ตกใจที
จด ๆ จ้อง ๆ กันอยู่อย่างนั้น จนต้องจับแยกโดยการลากนางเข้าบ้าน
เกรงว่าจะไปทำร้ายนางอุทัยเทวีเค้าเข้า 

กลางวันก่อน ปล่อยนางไปวิ่งเล่นในสวน
นางดันไปเจออุทัยเทวีซ่อนตัวอยู่ใต้เก้าอี้ซักผ้า
นังหมาเน่าก็ไปเห่า ๆ เขี่ย ๆ เหมือนทุกครั้ง
" พี่อ้อ มาจัดการทองทองหน่อย นางไปยุ่งกะคางคกอีกแล้ว"
เสร็จแล้วเราก็ขึ้นไปถูพื้นชั้นบน
กลับลงมาอีกที นางไม่สนใจคางคกที่ซ่อนอยู่ใต้เก้าอี้ซักผ้าแล้ว นั่งนิ่งสงบเสงี่ยม
" พี่อ้อทำไงอ่ะ ทำไมนางเลิกสนใจคางคกแล้ว "
" พี่บอกว่า ทองทองไปเห่าเค้า เด๋วชาติหน้าทองทองก็จะเกิดมาเป็นคางคก
แล้วคางคกก็จะเป็นหมา มาเห่า มาเขี่ย ทองทอง แทน"

บังเอิญ.. อีกแล้ว ที่นางดูเหมือนจะเข้าใจ หยุดเห่า หยุดเขี่ย ซะงั้นอย่างงั้น 

นอกนั้นก็สัตว์ประจำบ้านที่แสนจะคุ้นเคยกัน

กระรอก จิ้งจก กิ้งกือ แมลงหวี่ แมลงวัน
จิ้งจกนี่ก็ชอบไปเห่าไล่เค้าให้วิ่งจู๊ดขึ้นผนัง
กิ้งกือนี่นางเจอบ่อย  หลัง ๆ เริ่มชิน นั่งทับให้เค้าม้วนตัวซะอย่างนั้น
ถือว่าตัวใหญ่ ใจเลยกล้า ลองเจอหมาใหญ่กว่าสิ จ๋อยสนิท หางม้วนเข้าตรู๊ดเบยยยย 


                                        แววตาอย่างฟินอ่ะ





ทองทอง กะ บ็อบเท  สวยชะมะล๊า





2 เดือน  กะ   8 เดือน  ไมโตไวเงี้ย







กลางวัน  นางชอบมุดไปตอนใต้เคาน์เตอร์ ปิดม่านเรียบร้อย







Hi 5  กับญาติผู้ใหญ่





ความสุขของ ทองทอง











                                           แกล้งนาง  นางกลัวขนหลังตั้งทั้งแผงเลย








แอบถ่าย  นางชอบนั่งเหม่อ ๆ ในสวน





หูหนูจ๋วยม๊ายยยย 








ตอนยังไม่เลี้ยงหมา เวลาใครเม้าท์เรื่องหมา ๆให้ฟัง
ว่าหมาชั้นรู้เรื่องอย่างงั้น อย่างงี้
เอาจริง ๆ แอบเถียงในใจ ว่าเจ้าของคงรักมากถึงขั้นมโนไปเอง
พอเจอกับตัวเอง ไงล่ะ ทุกวันนี้กลายเป็น.. คน อวด หมา !! 
เรื่องพฤติกรรมหมา ๆ นี่นะ คุยยังไงก็ไม่จบ ดีเทลมันเย๊อะ
ไว้ว่าง ๆ จะมาเหลาให้ฟังใหม่นะฮ๊า
บั๊บ - บาย






วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ลอดช่อง @ สิงค์โปร์

June 08 , 2015


วันสุดท้ายแล้ว   เริ่มต้นวันทุกอย่าง เหมือนเดิมอย่างเมื่อวาน 
นั่งรถเมล์ป้ายเดิม สายเดิม ลงที่เดิม กินข้าวที่เดิม
และ... พี่อ้อเลือกกินเมนูเดิม เอร๊ยยยยย เค้าถูกใจของเค้าจริง ๆ 
พี่แกบอกว่า ร้านที่บ้านเรา อร่อย แต่กินแล้วหิวน้ำมากมาย
ร้านเค้าใจป้ำ ไม่หวงผงชูรส 
แต่ที่นี่ กินแล้วไม่กระหายน้ำ อร่อยแบบรู้สึกดี
ผงชูรสเค้าคงแพง คงแอบหวงไว้กินเอง 

วันนี้เราเลือกลองข้าวมันไก่ที่ใคร ๆ เค้าว่ามาสิงค์โปร์แล้วต้องกิน


                                 มาเป็นเซ็ต มีผักน้ำมันหอยมาให้ด้วย



















คือ ส่วนตัวเลย กินข้าวมันไก่แถวบ้านก็ได้นะ
ถูกปากคนไทยฝ่า เชื่อเค้าเห๊อะ


เมื่อวาน แผนล่ม เพราะฝนพรำ วันนี้หล่ะ หนักกว่าเมื่อวาน
หมายถึงฝนนั่นหล่ะ ตกหนักกว่าเมื่อวานอี๊กกกกกก
แต่ the show must go on  คืนนี้จะกลับแล้ว ตั๋ว 62$ แหน่ะ
ต่อให้มีพายุมาก็ต้องเข้าไปแมะ

จะว่าไป ก็ไม่เลวร้ายนัก ฝนเริ่มหยุดตอนไปถึงทางเข้า
มีปรอย ๆ พรำ ๆ ให้ฉ่ำเย็นเป็นระยะ ๆ 
สลับกับมีแดดโผล่มาบ้างให้พอถ่ายรูปสวย ๆ 


วันนี้วันจันทร์ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังแน่น
เห็นคิวแต่ละจุดก็ถอดใจ
อันแรกที่จับพลัดจับพลูได้อยู่หัวแถว ปราสาทของเชร็ค














เป็นครั้งแรกสำหรับหนัง 4D
ตอนเข้าไปก็ไม่ได้สังเกต   เริ่มรู้สึกตัวตอนที่เก้าอี้มันโยก 
พี่อ้อขำ เพราะเราดันหันไปมองคนข้างหลัง
นึกว่ามีคนเตะเก้าอี้เล่น
จนมันเริ่มโยกรุนแรงตอนฉากควบม้า
แถมมีน้ำมูกของเจ้าหญิง สาดกระเด็นโดนนั่นหล่ะ ถึงได้เข้าใจ


อีกอันนึง  เป็นการแสดงจากหนังเรื่อง Water world





เวลาที่เหลือก็ เดินให้ทั่ว ๆ ถ่ายรูป ชมบรรยากาศ






























รุ่นพี่แปลกใจ ทำไมอ้อไม่เล่นเครื่องเล่นหล่ะ
อ้อกลัวความสูงอ่ะพี่
อ๊าววววว   แล้วมาเที่ยวสวนสนุกทำไม 
อ้อไม่ได้ชอบเล่นเครื่องเล่น แต่อ้อชอบบรรยากาศของสวนสนุก
ตามนั้นนะพี่นะ 





หลังจากเดินดื่มด่ำกับบรรยากาศของสวนสนุกได้พักใหญ่
สมควรแก่เวลาที่เราจะต้องไป
เผื่อเวลากินข้าว นั่งรถเมล์กลับไปเอาสัมภาระ นั่งรถต่อไปสนามบิน
เอาตั๋ว tourist pass ไปแลกเงินคืน โหลดกระเป๋า ทำ tax refund นู้นนี่นั่น

ไปถึงสนามบิน เพื่อที่จะพบว่า
ดูเวลากลับผิด ไม่ใช่สองทุ่ม แต่เป็นสี่ทุ่ม
อ๊ากกกกกกก เผื่อ+ผิด เวลาเหลือบานนนนนน เลอ คราวนี้
เอาไงละทีนี้ มีเวลาเหลือร่วม 3 ชั่วโมง
ตัดสินใจยังไม่คืนตั๋วรถไฟ
ไปถามไถ่เรื่องขอ check in โชคดี เค้าให้เช็คได้เลย

จัดการโหลดสัมภาระ ออกเอกสาร tax refund ให้เรียบร้อย
แล้วนั่ง MRT ไปเที่ยวต่อ
ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวเล่นที่ Bugis
มีน้องคนไทยพักที่เดียวกันแนะนำว่าชอคโกแลตถูก 

ระหว่างทางบนรถไฟ สมาชิกเหลือบเห็นห้างใหญ่อยู่ถัดจากสนามบินแค่ป้ายเดียว
ถามความสมัครใจในฉับพลัน  สรุปว่าเปลี่ยนเป้าหมาย
ลง Expo Station ไปเดินเล่นห้างแถวนั้นแทน

ห้างนี้มีร้านรองเท้าในดวงใจด้วย
ร้านเล็ก แบบไม่ค่อยสวย แต่ลดเยอะมากกกก 
เกือบละ เกือบจะสอยมาอีกคู่ ด้วยความถูก
แต่ติดตรงไม่มีไซส์ รอดตัวไป
เดินเล่น กินข้าว กินขนม ใกล้เวลาแล้วก็นั่งรถไฟกลับไปสนามบิน

เจอแว๊ววววว  ได้ลิ้มลอง ลอดช่องสิงค์โปร์ก่อนกลับ
ชอบอ่าาาา อร่อยดี รสชาติเหมือนร้านดังที่เพชรบุรีเบยยยย  หง่ะ





ส่วนตัว รู้สึกว่า ประเทศนี้ หาซื้อขนมเป็นของฝากยากจุง
ไม่มีอะไรเป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน
อาหารการกิน เป็นการรวม ๆ กันของหลายเชื้อชาติ
ทรัพยากรของประเทศ คือ คน
กิจกรรมหลักของคนที่นี่คือ เดินห้าง ห้างเยอะมาก ฟู๊ดคอร์ทก็เยอะมากด้วย

บางประเทศ เวลาไปเที่ยว มันจะมีความรู้สึกแบบว่า สวยจัง น่าอยู่ อยากอยู่ 
แต่ที่นี่ มันไม่มีอะไรประทับใจแบบตราตรึง
ถ้าแค่มาเที่ยวเล่น ช้อปปิ้งขำ ๆ พอไหว
บะ บาย สิงค์โปร์ ไว้รอโปรดีดี แล้วจะกลับมาเที่ยวใหม่

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประสบการณ์พลัดพราก @ สิงค์โปร์

June 07 , 2015


โปรแกรมวันนี้    เป็นวันของพี่อ้อ จะไปปล่อยแก่กันที่ Universal studio 
นั่งรถเมล์จากหน้าโรงแรม ชมวิวทิวทัศน์ของเมือง
น่าแปลกใจ ทำยังไงหนอ ทำไมบ้านนี้เมืองนี้ รถไม่ติดเลย
ครึ่งชั่วโมงนิด ๆ ก็มาถึงหน้าห้าง Vivo City หรือย่าน Harbourfront

10.15 am        มาได้เวลาห้างเพิ่งเปิดพอดี
คนยังน้อย ๆ สี่สาวตรงดิ่งขึ้นไปชั้น 3 ที่หมายคือ   Foodrepublic





มื้อแรกเราจะฝากท้องกันไว้ที่นี่ ด้านในตกแต่งสไตล์จีนโบราณ 
เดินเข้าไปแล้วรู้สึกอยากจะตามหาก๊วยเจ๋งมานั่งหม่ำมื้อเช้าด้วยกัน 

















เดินวน 1 รอบ น่าจะเป็นอาหารพื้นเมืองของหลาย ๆ ชาติรวมกัน มาเลย์ อินโด จีน เกาหลี ประมาณนี้ 
พี่อ้อสะดุดกับเมนู ก๋วยเตี๋ยวไหหลำ ร้านนี้





ไหนลองสั่งมากินดูสิ   จะอร่อยเหมือนร้านประจำแถวสะพานขาวรึป่าว
ไม่รู้ใครเป็นต้นตำรับกว่ากัน จะว่าไปมันไม่เหมือนกันซะทีเดียว
ที่บ้านเราจะเครื่องเคราเยอะกว่านี้สักหน่อย 




เข้าปากคำแรก พี่อ้อถึงกับเพ้อ พร่ำชมจนหมดชาม อร่อยถูกใจเค้าจริง ๆ



อันนี้เห็นแล้วนึกถึงร้านข้าวต้มโต้รุ่งบ้างเราเลย   แต่ต่างกันตรงที่ อยากกินอะไรก็คีบใส่จานให้เค้าปรุงให้






    ชามนี้เป็นของรุ่นพี่สุดหล่อ  บะหมี่น้ำ ใส่ไข่ หมูสับ มีปลากรอบโรยหน้ามาด้วย




 กิมจิซุป  ปลาเล็กปลาน้อยในถ้วยนั่น ไม่ได้เผลอทำหกนะ   เค้าให้มาแค่นั้น จริง ๆ





                                 ร้านอาหารอินโด




               เมนูคล้าย ๆ ผัดผักบ้านเรา



                                จานนี้ของรุ่นพี่สุดสวย




 จะว่าไป อาหารการกิน ก็ไม่ต่างกันมากนักในเรื่องของวัตถุดิบ  แล้วแต่ว่าจะหนักไปทางรสชาติไหน





แก้วนี้ปลื้มอ่า น้ำอ้อย ผสม น้ำแห้ว  หอม ๆ อร่อยดี






ออกจากฟู๊ดคอร์ท เพื่อจะพบว่า ข้างนอกมีฝนพรำ ๆ ฟ้าครึ้ม เมฆตั้งเค้า 
อืมมมม รอแป๊บนึงละกัน เด๋วมันคงหยุด ระหว่างนี้ไปเดินดูของในห้างไปพลาง ๆ ก่อน 
เข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ เกือบชั่วโมงผ่านไป ยังคงตกอยู่ 
สมาชิกปรึกษากัน หรือเราจะมาใหม่พรุ่งนี้ดี ส่วนวันนี้ก็เปลี่ยนไปเที่ยวโปรแกรมของวันพรุ่งนี้แทน 


ว่าแล้วก็ตามนั้น เดินกลับไปขึ้น MRT เพื่อจะมุ่งหน้าไปเที่ยว Garden by the bay แทน
ระหว่างเดินตาม ๆ กันลงบันไดเลื่อน  เห็น MRT คันที่จอดอยู่ เป็นคันที่เราจะต้องขึ้นพอดี
หัวแถวนำด้วย พี่อ้อ เรา รุ่นพี่ทั้งสอง ซอยเท้ากึ่ง ๆ วิ่งลงบันได เพื่อไปให้ทันก่อนประตูปิด

และ... เมื่อพี่อ้อก้าว   เราก้าว เข้าพ้นประตูปั๊บ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ฟึ่บ... ประตูปิด พร้อมกับที่เราทั้งสอง หันออกไปมองผ่านกระจกใส
เห็นหน้าเหวอ ๆ ของรุ่นพี่ทั้งสอง อยู่ที่ชานชาลา
รหัสลับสุดท้ายที่พี่อ้อพูดพร้อมส่งภาษามือออกไปคือ  " รอคันที่ 2 " 
ในขณะที่เรา สบตาพี่ๆ แว๊บสุดท้ายพร้อมบอกว่า   " ป้ายหน้า "

แย่แว๊ววววววว ที่แย่คือ เป็นคู่เราคู่เดียว ที่รู้ว่าเรากำลังจะไปลงสถานีไหน ต่อรถขบวนอะไร 
รุ่นพี่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย รู้แค่ว่า จะมาเที่ยวตามเรา เดินตามเรา อย่างเดียว
คู่เรา เลือกที่จะลงป้ายถัดไป เพื่อรอดูว่า พี่เค้าจะขึ้นขบวนถัดไปตามมามั้ย

เหมือนเป็นช่วงเวลาของการเดาใจกัน ด้วยสัญญาณสุดท้าย ว่าพี่ ๆ เค้าจะยังไงต่อ 
เราเลือกให้พี่อ้อรออยู่ที่ป้าย รอขบวนถัดไป เผื่อพี่เค้าจะตามมา
แล้วเราก็นั่งรถไฟกลับไปสถานทีเดิม เผื่อว่าเค้าจะรออยู่ที่เดิม 

สุดท้าย... ไม่เจอ ทั้งที่ป้ายเดิม และป้ายถัดมา
ตัดสินใจอีกครั้ง จากภาษามือ " 2 " ที่พี่อ้อทิ้งไว้ให้ นั่งรถไฟต่อไปอีกป้าย 
เผื่อว่าเค้าจะตีความหมายว่าเจอกัน ป้ายที่สอง    ลองดู 
ระหว่างรอก็คิดกันไปต่าง ๆ นา ๆ  เดาใจกันไปเรื่อย

รถไฟมา กระโดดขึ้น ใจจดจ่อ
พอรถเริ่มเทียบชานชาลา จากเร็ว เป็นชะลอ ช้าลง ๆ 
เพ่งมองผ่านกระจกรถไฟออกไป
แว๊บนึง เห็นหน้ารุ่นพี่ทั้งสอง มองจดจ่อเข้ามาในรถไฟด้วยเหมือนกัน 

สองสาวด้านใน กวักมือเรียก สองสาวด้านนอก ดีใจรีบวิ่งเข้ามา
โอ้โห อย่างกะในหนัง เหมือนพลัดพรากจากกันมาเป็นเวลานาน แล้วหวนมาเจอกันอีกครั้ง 
โผเข้ากอดกัน  สองรุ่นพี่หัวเราะไป น้ำตาไหลไป 555555 
อย่าถามว่าคนในรถขบวนเดียวกันนั้น ทำหน้าอย่างไร
ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ ความระทึกใจในต่างแดน
หลังจากนั้น เวลาจะขึ้น ลง รถ เลยต้องให้แน่ใจ ว่าเราจะก้าวไป พร้อม ๆ กัน 5555 








Garden by the bay แบ่งสวนเป็น 2 โซน จะว่าไป มันก็ไม่มีอะไรมาก
เดินชมสวน ต้นไม้ ดอกไม้ เพลิน ๆ เย็น ๆ



























อันนี้เป็นเลโก้  เก่งอ่า ต่อซะเหมือนเลย























ง่ะ....



ถ้าเจอกลุ่มนี้ที่แอร์พอร์ต บอกเลยว่าพี่วิ่งสุดชีวิต




















จาก MRT bayfront นั่งรถไฟฟ้าต่อไปลง Esplanade Station
เพื่อจะเดินเล่นตรง Underground , ต่อเนื่องไป chinatown 
หาข้อมูลมาว่า ทางเดินตรง Underground ก็มีร้านรองเท้าอยู่อีกหนึ่งสาขาด้วยเหมือนกัน 
ออกจากรถไฟฟ้า เดินเจอร้านซูชิ ป้ายตัวบะเริ่มว่า ทุกจาน 1.50$ อย่ารอช้าสิค่ะ ตรงดิ่งไปเลย
จัดไปคนละหลายจาน อิ่มหนำ อร่อย ฟินนนน 

เดินต่อไปอีกนิด เจอร้านรองเท้าในดวงใจ ตรงดิ่งเข้าไปในทันใด
สแกนด้วยหัวใจก่อน 1 รอบ หัวใจพอง มีคู่ที่โดนใจ เด๋ววนกลับมาคัดกรองใหม่อีกที
คนไม่เยอะมาก เลือกลองได้ตามสบาย ในที่สุด สอยมา 3 คู่ ในราคาสามพันต้น ๆ
เก็บใบเสร็จไปทำ tax refund ได้อีกหน่อย

นั่ง MRT ต่ออีกหน่อย ไปลง chinatown เที่ยวชมชีวิตยามค่ำคืน 




เหนื่อยล้าพอแล้วสำหรับวันนี้ กลับโรงแรม ไปชื่นชมรองเท้าต่อด้วยความสุขใจ
ในที่สุด ก็ได้คู่ ( ขา ) ที่เค้าคู่ควร  อ่าาาาาา